ว่าด้วยเรื่องใต้สะดือ ๑๐
โรคทางเพศที่ควรรู้ ๑
ผมรู้สึกหนาว สั่น ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย มีไข้เล็กน้อย และมันรู้สึกว่าตรงขาหนีบมันบวมเป็นก้อน ๆ ตรงน้องชายอันเป็นสุดที่รักของผมมีตุ่มใส ๆ ขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ เล็ก ๆ และแล้วตุ่มใส ๆ มันก็แตก ความรู้สึกมันช่างเจ็บแสบ เวลาฉี่แล้วกระเด็นมาโดนแผลมันยากสุดที่จะบรรยาย แล้วตกลงผมเป็นอัไรกันแน่ ไม่รอช้ารีบไปหาคุณหมอทันใด
cr : honestdocs.co
จากอาการที่ผมเล่ามา คุณหมอวินิจฉัยว่าผมเป็น " โรคเริม " ( Herpes ) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ชนิดที่ ๒ ( Herpes simplex virus ชนิดที่ ๑ [ HSV - 2] ) ไวรัสชนิดนี้มักจะเกิดอาการที่อวัยวะเพศ เป็นได้ทั้ง ชาย หญิง รวมไปถึงที่ ก้น
" เริม " แบ่งออกเป็น ๒ สายพันธุ์ คือ
- Herpes simplex virus ชนิดที่ 1 ( HSV - 1)
- Herpes simplex virus ชนิดที่ 2 ( HSV - 2)
โดยทั่วไปแล้ว HSV - 1 ส่วนมากมักก่อให้เกิดโรคที่ บริเวณ ปาก ส่วน HSV - 2 มักจะก่อให้เกิดโรคที่บริเวณ อวัยวะเพศ แต่ !!! ทั้ง ๒ สายพันธุ์นี่ก็สามารถก่อให้เกิดโรคที่บริเวณอื่นได้
โดยอาการของเริมที่อวัยวะเพศ ที่พบได้บ่อย จะมีตุ่มใส ๆ มีอาการคัน ปวด บริเวณเจ้าน้องชาย ก้น ทวาลหนัก หรือต้นขาด้านใน ตุ่มพอง ๆ น้ำใส ๆ จะแตกออกและกลายเป็นแผล หรือ อาจมีอาการบางอย่างร่วมด้วย เช่น
- ตอนฉี่มีอาการแสบ ขัด
- ปวดบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศ
- มีอาการคัน
- บางครั้งอาจดูเหมือนอาการของไข้หวัดใหญ่
cr : Google sites
แล้วเซอร์ไพท์ ไปมากกว่านั้น คุณหมอบอกมาว่า โรคเริมเป็นแล้วรักษาไม่หายนะ
โอ้ย........ข้าพเจ้าจิเป็นลม แต่หมอก็พอทำให้ใจชื้นขึนมาบ้าง
โรคเริม ถึงแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็ไม่ร้ายแรง เพียงแค่เชื้อจะฝังตัวในระบบประสาท ถ้าร่างกายอ่อนแอ หรือ ภูมิคุ้มกันต่ำเมื่อไหร่ โอกาสที่จะกลับมาเป็น " เริม " ก็มีความเป็นไปได้สูง แต่อาการจะไม่รุ่นแรงเหมือนเป็นครั้งแรก
แล้วผมไปพลาดตรงไหน คิดไม่ออก 5555
" เริม " ติดต่อกันทางไหนได้บ้าง ผมมีคำตอบ
โรคเริม ติดต่อได้โดยการสัมผัสบริเวณบาดแผลโดยตรง จากตุ่มน้ำใส ๆ พอง ๆ ติดต่อได้ทางน้ำลาย ทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงของเล่นผู้ใหญ่ที่ใช้เล่นร่วมกัน (คงไม่ต้องบอกนะว่าคืออะไร😆😆)
การใช้ของร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ช้อน ซ่อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ติดโรคได้
ผมว่าโรคนี้ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่คงสร้างความลำคาญให้แก่คนที่เป็น ไม่มากก็น้อย
จะคิดมากไปทำไมในเมือเป็นไปแล้ว เราไมาสามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่เราสามารถแแไขอนาตตให้ดีขึ้นได้ ซึ่งต้องดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันโรคกลับมากำเริบขึ้นอีกได้ ผมพอสรุปสั้น ๆ ได้ใจความดังนี้
ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ ๘ แก้วต่อวัน หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระวังเรื่องความเครียด อาการวิตกกังวล หลีกเลี่ยงแดดจัด ลมแรง หรือ อากาศที่เย็นจนเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการอ่อนเพลีย รักษาอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ
และประการสำคัญคือ ในช่วงที่เกิดโรคควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการจูบ หรือกิจกรรมสำราญบนเตียง เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อได้ ควรรอจนกว่าแผลหรืออาการนั้นหายเป็นปกติเสียก่อน
ยังไงก็ตามก็คนมันพลาดไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ปัจจุบันสามารถดูแลและควบคุม ระวัง ไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นได้ ✌✌
ชอบกด " ไลค์ "
ใช้กด " แชร์ "
คอมเม้น พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ครับ
" เพราะเรื่องเพศไม่ควรเป็นความลับเสมอไป "
ไม่อยากพลาดเรื่องราว สาระ ดีดี กด " ติดตาม " ด้วยนะครับ
- 8
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
