15 ธ.ค. 2019 เวลา 22:49
หลุมพรางของนักเขียน...
จากมุมมองคนอ่านหนึ่งคน
สิ่งที่นักเขียนกังวลใจมากที่สุด
คือเขียนแล้วจะมีคนอ่านมั้ย
เพราะมันวัดเป็นรูปธรรมลำบาก
หลายคนจึงมุ่งไปที่ยอดคนติดตาม
ยอดกดไลท์ ยอดคอมเมนท์
ตัวที่แลดูว่าจะเป็นไปได้ที่สุด
คือยอดติดตาม ..
ทำให้หลายคน
ไปติดกับหลุมพราง
หลายคนท้อถอย
เพราะยอดไม่ขึ้น ..
คนกดไลค์ไม่มา ..
คนคอมเมนท์ไม่เกิด..
สำหรับนักเขียนหน้าใหม่กะโหลกกะลาอย่างกระผม ก็เคยวัดจากสิ่งนั้นเหมือนกัน เพราะมันคือหนึ่งแรงใจให้เราฟูมีกำลังในการผลิตผลงานดีๆออกมา
แต่กระผมก็มีมุมกลับ..
คิดเมื่อตอนกระผมเป็นคนอ่านมาก่อน
เวลาอ่าน...
กระผมไม่ได้อ่านเอาสาระอย่างเดียว
แต่กระผมมองไปถึงใจคนเขียน
ยิ่งถ้าคนเขียนเขาผ่านมาด้วยตัวเอง
ความรู้สึกมันจะต่างจาก
คนอ่านตำราแล้วมาเขียนสอบ ....
หากผู้เขียนเขียนออกจากใจ
และสิ่งนั้นดีแท้
ที่คนอ่านได้ประโยชน์
และเราได้ทำมาแล้ว
และเกิดประโยชน์กับเราด้วย
ก็เขียนไปเถอะขอรับ ..
เพราะหน้าที่ของเราคือผู้ให้
กระผมรู้ว่ามันยากที่จะทำใจ
แต่ถ้าวันใดคนหนึ่ง
มีใครได้อ่านเกิดคลิ๊กขึ้นมา
บทความนั้น
จะเป็นบทความที่มีชีวิตถึงสองคน
... เป็นจุดเริ่มต้น
นั่นคือตัวเราผ่านมาแล้ว
และอีกคนที่กำลังจะมีชีวิตดีขึ้น
แล้วเขาจะไม่ส่งต่อความคิดดีๆ
ให้กับคนอื่นต่อหรอกหรือ..
มีน้องคนหนึ่ง
เคยถามกระผมว่า..
ต้องยอดติดตามเท่าไรจึงถือว่ามาก
กระผมตอบว่า..
คนเดียวก็เพียงพอ
เเละหมายถึงถ้าคนนั้นเอาไปปฏิบัติจริง
เท่ากับการจุดเทียนส่งต่อ
จากคนไปสู่คนและหลายๆคน
เป็นใยแมงมุม...
ที่แคบก็กว้าง
ที่มืดก็สว่าง
ทำงานเล็กน้อยแต่ได้ผลมาก
เขาอาจจะไม่กดติดตาม
ไม่กดไลท์..
บางทีนามธรรมก็ทำงานไปแล้ว
.
ปิดทองหลังพระมันยากที่จะเห็น
.
แต่คนหนึ่งล่ะทีเห็นคือ
.
ฉันเองที่อ่าน...
.
ฉันเองที่เห็น..
.
ฉันเองที่ทำ..
.
และฉันเองที่รับผลก่อน..
ความสุขก็ส่งต่อผ่านตัวอักษร
ตัวอักษรยิ้มได้
เหมือนน้องในBDเคยโพสต์ไว้
ถามว่ากระผมจำได้มั้ยว่าใคร
กระผมก็สารภาพว่าจำไม่ได้
แต่กระผมก็รู้สึกขอบคุณ
...สำหรับคำพูดนั้น
ความสุขของคนอ่าน
เขากดไลท์ทั้งหัวใจ
เมื่อการอ่านมันไปคลิ๊กในใจเขา
.
และความสุขของเรา
มันก็สำเร็จตั้งแต่ที่คิด
จะถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือแล้ว..
แล้วนี่ไม่ใช่หัวใจของนักเขียนหรอกหรือ..
สวัสดีเช้าๆของวันทำงาน
วันนี้เขียนยาวมากก็เพราะรักนะ..จุ๊บจุ๊บ😘
โฆษณา