24 ธ.ค. 2019 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ผู้ปฏิวัติวัย32ปี ]
ครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ผ่านไป ในกระบวน 5 ลีกใหญ่เซอร์ไพรส์ที่สุดต้องยกให้บุนเดสลีกา
ปกติบัลลังก์จ่าฝูง 9 ปีหลังสุดจะสับเปลี่ยนกันระหว่างบาเยิร์น มิวนิคมหาอำนาจจอมผูกขาดกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
มาคราวนี้กลายเป็นว่าแอร์เบ ไลป์ซิกกลับขึ้นแท่นอย่างผ่าเผยหลังผ่านไป 17 นัด ทิ้งห่างโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคอันดับ 2 อยู่ 2 แต้มด้วยกัน
เหลือบดูตารางคะแนนจะเห็นว่าไลป์ซิกแพ้น้อยสุดแค่ 2 เกม ชนะมากสุด 11 เกมเท่ากลัดบัค ยิงได้มากสุด 48 ประตู เสียเพียงแค่ 20 ประตูน้อยเป็นอันดับ 2
ผลงานอันเฉียบขาดเช่นนี้ นอกจากบรรดานักเตะที่รวมพลังกันสู้อย่างเต็มที่ เครดิตไม่น้อยต้องยกให้ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ในฐานะเทรนเนอร์หรือกุนซือ
หลายคนคงพอจะรู้จักชื่อนี้ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยกุมบังเหียนสโมสรระดับหมู่บ้านอย่างฮอฟเฟ่นไฮม์
ปี 2015 เขาเซ็นสัญญา 3 ปีคุมทีมเยาวชนฮอฟฟ์ ก่อนบันทึกประวัติศาสตร์ใหม่บุนเดสลีกา ด้วยการเป็นกุนซืออายุน้อยสุดเพียงแค่ 28 ปี น้อยกว่าผู้เล่นอีกหลายคนในทีม หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงเทรนเนอร์ที่ผลงานแย่มากๆ
นาเกลส์มันน์ เริ่มงานทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 เวลานั้นทีมจมอยู่อันดับ 17 ของตาราง ห่างจากเซฟโซนถึง 7 คะแนนด้วยกัน โอกาสจะตกชั้นสูงมาก
อย่างไรก็ตาม 14 นัดในลีกจากนั้น ฮอฟเฟ่นไฮม์ที่ชอบแจกแต้มชาวบ้าน กวาดชัยไปถึงครึ่งคือ 7 นัด รอดตกชั้นอย่างเซอร์ไพรส์
ฤดูกาล 2016/17 ได้คุมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก่อนจะเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าเมื่อพาเข้าป้ายอันดับ 4 ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสรเล็กๆแห่งนี้
มันยิ่งใหญ่ราวเทพนิยาย ใครจะคิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับฮอฟเฟ่นไฮม์ แถมมีกุนซือวัยแค่ 30 รั้งบังเหียนอีกต่างหาก
หลังจากนั้นไม่นาน นาเกลส์มันน์ กลายเป็นกุนซืออายุน้อยสุดที่ได้คุมทีมลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเพียงแค่ 30 ปีกับอีก 58 วันเท่านั้น
มันน่าสนใจมากๆว่าเขามีวิธีจัดการบริหารอย่างไร ถึงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องแท็คติกอย่างเดียว แต่การควบคุมผู้เล่นที่อายุมากกว่าให้ยอมรับนับถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
ตรงนี้เองทำให้ชื่อของ นาเกลส์มันน์ ดังเปรี้ยงอย่างรวดเร็ว จนสื่อต่างพากันเรียกขานว่า "มินิมูรินโญ่" บ้างหรือ "เบบี้มูรินโญ่" บ้างตามแต่สะดวก
เขาเปรียบเหมือนเงาหรือร่างสองของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เขย่าวงการด้วยความรุนแรงระดับ 10 ริคเตอร์เมื่อครั้งก้าวขึ้นมาใหม่ๆ
1
ถึงตรงนี้ เราไม่สงสัยในความสามารถของ นาเกลส์มันน์ อีกต่อไป แต่สงสัยว่าเขาทำได้อย่างไรต่างหาก
จุดมุ่งหมายในวัยเด็กของ นาเกลส์มันน์ เหมือนกับอีกหลายคนที่คลั่งไคล้เกมลูกหนัง นั่นคือเป็นนักเตะอาชีพ
อย่างไรก็ตามเขาโชคร้ายอย่างมาก ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บอย่างสาหัสที่หัวเข่า จนโอกาสแทบจะปิดตายลง จนต้องเปลี่ยนเส้นทางในวัยเพียงแค่ 20 ปี
เขาเลือกศึกษาต่อด้านบริหารธุรกิจในตอนแรก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของฟุตบอลยังฟุ้งตลบอยู่ จึงเบนเข็มมาที่วิทยาศาสตร์การกีฬาแทน ก่อนจะต่อยอดด้วยการเรียนโค้ชในเวลาต่อมา
อาจจะเพราะชะตาและความสามารถ รวมทั้งคุณสมบัติ "ใส่ใจทุกรายละเอียด" จึงทำให้ นาเกลส์มันน์ ได้มาร่วมงานกับ โธมัส ทูเคิ่ล ในบทบาทผู้ช่วยโค้ชที่เอาก์สบวร์ก
จากนั้นได้รับมอบหมายให้มาดูแลทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 19 ปี ของฮอฟเฟ่นไฮม์ ไม่นานนักโอกาสก็เป็นใจให้ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือเบอร์หนึ่งของทีมชุดใหญ่
บอร์ดบริหารย่อมรู้ซึ้งถึงฝีมือของ นาเกลส์มันน์ จึงกล้าเดิมพันด้วยการดันขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของทีมชุดใหญ่ แม้ในวันที่สุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้น แล้วเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยสักนิดเดียว
มาร์โก ฮาร์เตอร์ นักเขียนและนักข่าวที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลเยอรมันมายาวนาน สนใจปรากฏการณ์ของกุนซือวัยหนุ่มมากๆ จึงเริ่มสัมภาษณ์และศึกษาอย่างลงลึก
ก่อนจะได้คำตอบที่เป็นเคล็ดลับความสำเร็จ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นาเกลส์มันน์ มีนิสัยที่เกลียดความซ้ำซากจำเจเป็นรูทีนแบบเดิมๆ
เขาเชื่อว่านี่คือมะเร็งร้ายที่เกาะกินอารมณ์และความรู้สึกของคนที่ต้องทำงานหนัก จึงพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบเท่าที่ตัวแปรต่างๆจะเอื้อให้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจากความเบื่อหน่ายที่นำไปสู่ความท้าทาย มันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนสำหรับลูกทีมทุกคน
ขั้นตอนต่อมาความท้ายจะส่งต่อให้คุณเกิดความสนุก กระทั่งนำไปสู่ชัยชนะและความสำเร็จนั่นแหล่ะ
ฮาร์เตอร์ ยอมรับว่าแท็คติกของ นาเกลส์มันน์ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ มันไม่น่าเบื่อเลยสักนิดเดียว ขณะเดียวกันก็สอดแทรกความยืดหยุ่นเพิ่มไปด้วย
แท็คติกของ นาเกลส์มันน์ โยงกันได้อย่างน่าทึ่ง เป็นผลพวงมาจากการศึกษาและทำการบ้านมาอย่างดีเยี่ยม
หัวใจหลักของเขายังอยู่ที่การเล่นเกมรุก เพราะเชื่อว่าโอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะมีสูงมาก หากเปิดเกมบุกเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นหากจะบอกว่าเขามีคุณสมบัติคล้าย มูรินโญ่ ในเรื่องของสไตล์การทำทีมคงไม่ใช่เด็ดขาด
ถ้าจะคล้ายจริงคงเป็นในแง่ปรากฏการณ์ การก้าวขึ้นมาสั่นสะเทือนโลกลูกหนังด้วยวัยเพียงน้อยนิด ก้าวข้ามเรื่องประสบการณ์ที่หลายคนมักจะบอกว่าสำคัญที่สุดไปได้
ไอดอลของ นาเกลส์มันน์ คือ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือผู้ปฏิวัติพรีเมียร์ลีกและนำอาร์เซน่อลก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ในช่วงรอยต่อทศวรรษ 19 และ 20
เขานำหลักการเล่นด้วยความสวยงาม การต่อบอลสั้นบนพื้นอย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวที่สมดุลของกุนซือเฟร้นช์มาใช้ รวมไปถึงเรื่องของเศรษฐศาสตร์คือต้องไม่ขาดทุนในแง่บริหาร
ฟังดูแล้วหลายคนอาจจินตนาการไปว่า นาเกลส์มันน์ น่าจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยในหัว เรื่องมาก เต็มไปด้วยพิธีรีตรองต่างๆ
แต่จริงๆแล้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
อุปกรณ์การทำงานหลักของเขาคือปากกาคู่ชีพ ที่ใช้จดทุกรายละเอียดหรือเรื่องต่างๆเพื่อตอกย้ำกันลืม
นอกจากนี้ยังมีแท็บเล็ตเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น คอยหาข้อมูลต่างๆจากโลกออนไลน์ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสักนิดเดียว
ขณะเดียวกันที่ไลป์ซิก เขาไม่ขอห้องทำงานส่วนตัว แต่นั่งรวมกับบรรดาผู้ช่วยทั้งหลาย
นอกจากแสดงถึงความเปิดเผยจริงใจ ไม่จำเป็นต้องมีความลับต่อกัน ในเชิงจิตวิทยาอีกอย่างคือเรื่องความเป็นกันเอง ไม่มีเจ้ายศเจ้าอย่างให้ต้องมากเรื่อง บ่งบอกถึงการเข้าถึงง่าย
ว่ากันว่าเขาคือส่วนผสมของ เวนเกอร์ , เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ ราล์ฟ รังนิก นำมาผสมกันและได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว
อย่างไรก็ตามในฐานะคนรุ่นใหม่ นาเกลส์มันน์ ไม่หยุดที่ใฝ่หาความรู้และพัฒนารูปแบบต่างๆให้รุดหน้าอยู่ตลอดเวลา
หากคุณไปส่องในศูนย์ฝึกซ้อมที่ไลป์ซิก จะได้พบเทคโนโลยีเก็บรายละเอียดครบครัน มีโดรน และกล้องเก็บภาพจากมุมสูงเพื่อนำภาพมาใช้ประโยชน์อีก เมื่อรากฐานมั่นคง ที่เหลือคือการหายุทธวิธีหยิบทรัพยากรมาใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
จากนั้นจะมีการเก็บข้อมูลและสถิติทุกอย่างแบบละเอียด เพื่อใช้นำมาปรับปรุงแก้ไขทั้งแบบส่วนตัวและของสโมสร
ไม่ใช่แค่นั้น นาเกลส์มันน์ ยังเฟ้นหาผู้ช่วยมือดีมานั่งข้างๆ เพื่อปรึกษาและขอคำแนะนำ ชนิดที่ว่าไม่ต้องมีฟอร์มให้มาก เพราะเขาเคยบอกกับทุกคนแล้วว่า คนเรามีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป
ส่วนเรื่องตลาดซื้อขายผู้เล่น เขาประสบความสำเร็จมาอย่างดีตั้งแต่คุมฮอฟเฟ่นไฮม์แล้ว สามารถขายนักเตะโนเนมที่นำมาปลุกปั้นได้ราคางดงาม
ในขณะที่กับไลป์ซิกเองก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย
ดังนั้นบุนเดสลีกาอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือของฤดูกาลนี้ ย่อมเต็มไปด้วยความน่าสนใจ เมื่อมีมือที่สามสอดแทรกเข้ามาท้าทายบังลังก์ของ 2 ไอ้เสือที่ปกติจะขับเคี่ยวกันเอง
หากคุณไม่ได้เป็นกองเชียร์ของทั้งเสือเหลืองและเสือใต้ เชื่อแน่ว่าจะต้องเทใจมาให้ทัพกระทิงเปลี่ยวของ นาเกลส์มันน์ แน่นอน
เราต่างก็อยากเห็นการปฏิวัติของ นาเกลส์มันน์ กุนซือในวัย 32 ปีกันทั้งสิ้น
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา