26 ธ.ค. 2019 เวลา 12:15 • ปรัชญา
“หาคำตอบจากกาลเวลา”
-คุยกับตัวเองในอนาคต-
ใครกำลังสงสัยตัวเองในเรื่องบางเรื่องของชีวิต
ยังไม่มั่นใจกับตัวเองในเรื่องที่เรารู้ดีอยู่คนเดียวว่าเรายังไม่มั่นใจที่จะเดินหน้าต่อ..
มายเป็นเพื่อนคุณนะคะ..
มายยังคงสงสัยกับคำถามที่มายตั้งเกี่ยวกับชีวิตของมาย
โดยเฉพาะการเลือกเส้นทางที่จะเดินในชีวิต..
โดยเฉพาะช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ว่ามายควรจะอยู่ที่ใดบนโลก..
หลังจากที่เรียนจบแล้ว.. มายจะเอายังไงต่อดี..
ฟังดูนามธรรมมากๆ
ห๊ะ?? จะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้?
มายมีวิธีจะมาแชร์ที่มายคิดว่าดีที่หวังว่าจะเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆชาวบลอคดิดค่ะ
วิธีที่ว่านี้..คือ
“ลองคุยกับตัวเองในอนาคต” ค่ะ
นี้คุยกับตัวเองว่าแปลกแล้ว..
มายมาเสนอให้คุยกับตัวเองในอนาคตนี้คงคิดว่าแปลกกว่าใช่มั้ยคะ? 5555
กำแพงที่เป็น nspiration Board of Life
วิธีนี้มายทำมาแล้ว มายทำมาแล้วจริงๆ และก็ทำต่ออยู่อีก..
มายเคยบอกไปว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนมายถอดปลั๊กออก
มายไม่สามารถผลิตงานสร้างสรรค์ได้เลยเพราะมายหมดศรัทธาในตัวเอง..
มายน้อคไปเกือบสามเดือน..
ระยะสุดท้ายเริ่มดีขึ้นคือหันมาจับหนังสือ
มายกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้งในรอบแทบจะสิบปีหลังจากเรียนจบอักษรไป ..
(ตอนนั้นเอียนมากจริงๆค่ะ และตอนนั้นไม่เคยมีเวลานิ่งเลยตอนทำงาน)
มีหนังสืออยู่เล่มนึง ชื่อ Lovemarks
ผู้เขียนเค้าแนะนำให้เราจด เตือนตัวเองในสิ่งที่คิดว่าดีกับตัวเราเพื่อเป็นกระจกสะท้อนในวันที่เราเหนื่อยล้า..
มายเลยดัดแปลงเป็นเขียนจดหมายหาตัวเองในอนาคต
แต่มายเขียนเป็นคำพูดสั้นๆที่อยากบอกสมายคนในอนาคตที่คิดว่าพร้อมที่จะเดินหน้าต่อกลับมาอ่านเพื่อเอากำลังใจจากสมายในอดีต..
มายเห็นจดหมายนี้ทุกวัน เพราะมันถูกแปะอยู่หน้าโต๊ะทำงานมาย มายได้แต่มองและลุ้นมากว่าเมื่อไหร่ความรู้สึกของมายจะบอกว่าเปิดมันได้แล้ววว!!!
และแล้ววันนั้นก็มาถึง..
ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนเปิดจดหมายหลายฉบับที่เขียนถึงตัวเอง..
ตอนอ่าน..
มายจำไม่ได้จริงๆว่ามายเขียนหาตัวเองคนในอนาคตว่าอะไร..
จำได้ว่าแต่ว่าตอนจะเปิดตื่นเต้นมากกกกก...
คำว่า “พร้อม” มันมาถึง.. สักที..
และพอเปิดมา..
ไม่อยากจะเชื่อว่าน้ำตามันไหลออกมา..
เพราะซึ้งกับสมายคนในอดีตที่คิดว่าอ่อนแอที่สุดในช่วงหนึ่งของชีวิต..
ยังมีน้ำใจ เสียสละ และนึกถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง
ในที่นี้ก็คือสมายอีกคนหนึ่งที่รอกำลังใจจากคนที่เชื่อมั่นในตัวเค้ามากที่สุด..
ในที่นี้ก็คือ “ตัวมายเอง” ...
ทั้งชีวิต..
มายเอาจุดที่มายวัดว่ามายประสบความสำเร็จ จากชื่อเสียง ตำแหน่ง เงินเดือน และการยอมรับความภาคภูมิใจจากคนรอบข้าง..
มายไม่เคยหันมาเจียดเวลาดูแลตัวเองสักนิด..
มายใส่ใจกับตัวเองน้อยมาก..
มายผลักตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี ..
แม้ร่างกายจะฟ้องออกมาในทุกรูปแบบ..
มายก็ไม่เคยสนใจ... #สมายสายด้อนท์แคร์ที่แท้ทรู
แม้คนรอบข้างจะบอกให้พักโดยเฉพาะคุณแม่..
มายแทบจะไม่เข้าใจสิ่งที่คุณแม่พุดด้วยซ้ำ..
มายเป็นคนป่วยง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมายป่วยง่ายมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อมายอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับงาน..
แล้วไง..สนใจมั้ย .. ไม่เลยค่ะ 5555
มายยังเดินหน้าต่อใช้ร่างกายตามหัวใจที่ไฟแรงเหลือเกินเพื่อพิสูจน์ตัวเองจากเครื่องชี้วัดที่มายหลงเชื่อว่าเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุด..
เพราะสิ่งที่มายสนคือเครื่องชี้วัดที่เป็นสิ่งนอกกาย..
วันนี้มายยังเห็นว่าสิ่งนอกกายเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตที่เราแต่ละคนพอใจในแต่ละรูปแบบ
แต่ที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าคือ
“การเชื่อมั่นในตนเองจากข้างในตัวเรา”
การรอให้คนมาชื่นชอบ ชื่นชมและเอามันมาเป็นตัวชี้วัดความประสบความสำเร็จนั้น..สำหรับมายมันได้จบไปแล้ว..
อีกเรื่องที่ทำให้มายฉุดคิดกับห่วงแห่งความกังวลว่ามายจะไปอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้..
คือตอนบินกลับจากอิตาลีเข้าประเทศไทยรอบนี้..
หลังจากที่นอนๆอยู่ สักพักความกังวลลึกๆก็ได้ปลุกมายขึ้นมาท่ามกลางความมืดในห้องผู้โดยสาร..
มายลุกขึ้นมานั่งและเปิดหน้าต่างขึ้นมาเพื่อดูดาว
มายชอบดูดาวมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว..
สิ่งที่มายเห็นเป็นท้องฟ้าเดิมที่มายเห็นเป็นประจำในเวลาเราอยู่บนเครื่องบิน
แต่ที่ต่างและใหม่คือมายได้ตัวตั้งต้นหาคำตอบจากคำถามที่ตั้งไว้ว่ามายจะไปอยู่จุดไหนบนโลกใบนี้..
ภาพที่มายเห็นตรงหน้าเป็นท้องฟ้าที่ใหญ่มากเลย
พื้นดินมายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้มายอยู่ส่วนไหนของโลก
มายรู้เพียงแค่ว่ามายเป็นจุดเล็กๆของโลกเท่านั้น
สิ่งที่กังวลเหมือนมีคำตอบเล็กๆโผล่มา..
แล้วทำไมมายจะต้องอยู่ที่เดิม.. ที่ที่มายคุ้นเคยที่สุด..
ว่ากันว่าเรียกว่า “Comfort Zone”
ทำไมมายไม่กล้าออกมาอยู่ที่ใหม่ที่ที่จะทำให้มายได้ใช้พรสวรรค์และฝึกพรแสวงที่ตัวเองตามหาโอกาสดีๆที่เข้ามาในชีวิต..
มายในเวลานี้..
ยังไม่ได้คำตอบร้อยเปอร์เซนต์ แต่การมองดูท้องฟ้าในรอบนี้ทำให้นึกถึงครูบิลชาวอเมริกัน
ครูท่านนี้เป็นครูที่ปลดล๊อคมายได้มากที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดที่เป็นชาวต่างชาติ
แกบอกมายในวันจบคอรส์ที่อเมริกาว่า
“If I were you Smile, I gonna open the world map and see which place in the world they need my power to heal. You have this power, Smile.
I will travel and pin all the place around the world that they need me and I am going to be there”-Bill Willson
จุกๆกับสิ่งที่แกพูดเมื่อมองท้องฟ้าในครั้งนี้..
การตัดสินใจของมายครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นอีกสี่เดือนข้างหน้า..
มายยังบอกไม่ได้ว่ามายคิดอะไรบ้าง
มายจะเลือกอะไรต่อไป..
แต่มายบอกได้ว่ามายมั่นใจกับตัวเองขึ้นเยอะหลังจากที่มายได้มองท้องฟ้าในครั้งนี้..
จุดสตาร์ทออกจากโรม สวยมากเลย
นึกว่าอยู่บนสวรรค์
ของขวัญปี2019 ที่มายจะมอบให้ชาวบลอคดิดผู้เป็นกัลนานิมิตรใหม่ที่น่ารักที่สุดในปีนี้
มายคิดไม่ผิดเลยที่มายได้ตัดสินใจเข้ามาแบ่งปันเรื่องราวดีๆของมายในการตัดสินใจที่ย้ายฝั่งกลับมาเป็นนักเรียนสายศิลป์เพื่อมาศึกษาที่อิตาลีให้กับคนที่นี้
(ไปๆมาๆ เล่าเรื่องเรียนน้อยมาก มัวแต่แซวเพื่อนบ้านมากกว่า) 5555
มายขอแบ่งปรัชญาในการใช้ชีวิตของมายเรื่องหนึ่งที่มายเขียนถึงตนเอง.. ในที่นี้คือ..
ขอให้ทุกท่าน “อย่ายอมแพ้ อย่าท้อใจ..”
พักได้ แต่อย่ายอมแพ้..
คำว่ายอมแพ้จะไม่มีวันเกิดขึ้น
ถ้าคุณมีเป้าหมายสักเรื่องจริงๆ
ขอให้ทุกท่านเจอเป้าหมายในชีวิตที่ท่านต้องการ
และคุณจะรู้เลยว่า เมื่อคุณพบแล้ว..
การอย่ายอมแพ้เป็นแค่เพียงเครื่องมือไม่ให้เหนื่อยเท่านั้น
การค้นพบเป้าหมายในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
มันคือฟังก์ชั่นของเรา มันคือพรสวรรค์ของเราว่าเราเกิดมาว่าเราจะสร้างอะไรให้โลกและสังคมที่เราอยู่บ้าง..
ขอให้ใช้พรสวรรค์ของทุกท่านให้คุ้มนะคะ
Enjoy the best every moment in your life.
เบื้องหลังการสร้างแรงบันดาลใจของมายเพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจที่อยากจะใช้ชีวิตและออกแบบชีวิตตัวเองในแบบที่มายต้องการ..
มายเริ่มมาใช้บอร์ดก่อน สักพักไม่พอ..
ย้ายบอร์ดมันไปที่ตรงห้องนอนแทนและใช้กำแพงเป็นบอร์ดตามภาพที่ให้ดูก่อนหน้าเลยค่ะ
สุดท้าย บอร์ดแห่งแรงบันดาลใจนั้น เกิดจากความตั้งใจของเราเมื่อเรามีเป้าหมาย มันเป็นตัวย้ำเตือนเราในทุกๆวันให้เรามีกำลังใจและแรงบันดาลใจที่จะทะลุเป้าหมายให้ได้
แต่ถ้าใครมีกำลังใจที่แข็งแรงพอ มีความมั่นใจในสิ่งที่อยากทำอยู่แล้ว บอร์ดเหล่านี้คงไม่จำเป็นแต่อยากให้เปลี่ยนเป็นบอร์ดแห่งความสร้างสรรค์ อยากจะทำอะไรใหม่ สรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ การตั้งเป้าไว้ตรงหน้า ก็ถือว่าเป็นการสร้างแรงบันดาลใจด้วยเช่นกัน
สุดท้าย การคุยกับตัวเองในอนาคตมันเป็นวิธีที่ดีมากสำหรับมาย เพราะนอกจากจะได้ข้อคิดใหม่ที่ไม่ได้ใหม่ไปจากเดิมจากตัวเองในอดีต พร้อมสร้างความตื่นเต้นหัวใจเต้น ตึกตึก บ้างตอนจะเปิดอ่าน..
มากไปกว่านั้นคือรู้สึกขอบคุณทุกเหตุการณ์ที่เราคิดว่าแย่ที่สุดในชีวิต..
ในวันนั้นที่เราคิดว่าแย่ที่สุด..
เรายังมีแรงรักตัวเองมากพอที่จะส่งพลังบวกส่งกำลังใจหาตัวเองในอนาคตว่า
ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีเพียงแต่
“ขออย่ายอมแพ้”
หวังว่าวิธีการคุยกับตัวเองในอนาคตที่มายนำเสนอจะเป็นอีกหนึ่งวิธีให้กำลังใจตนเองสำหรับใครที่กำลังตามหาวิธี Self Encouragement อยู่ค่ะ
ลากันไปเพียงเท่านี้จริงๆละคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
อิอิ
สมาย-SMS
โฆษณา