13 ม.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #หลังม่านคุณภาพ ]
21 นัด 61 คะแนนของลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
หงส์แดงสร้างอีกสถิติขึ้นมาสำเร็จนั่นคือผ่าน 21 เกม ทำแต้มรวมได้มากสุดในกระบวน 5 ลีกใหญ่ซึ่งรวมลาลีกา , กัลโช่ เซเรีย อา , บุนเดสลีกาและลีก เอิงเอาไว้ด้วย
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง , ยูเวนตุส , บาเยิร์น มิวนิค หรือ แมนฯซิตี้ เคยทำไว้แค่ 59 คะแนนเท่านั้น นี่คือสิ่งการันตีถึงความเกรียงไกรไร้เทียมทานของลิเวอร์พูลยุคนี้ได้อย่างดี
แล้วเรายังต้องไม่ลืมว่าพรีเมียร์ลีกคือลีกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่เข้มเข้นมากสุด มีสโมสรลุ้นความสำเร็จมากกว่าแค่ 2-3 ทีม อีกทั้งมีการลงทุนเพื่อแชมป์ที่สูงมากๆ
ลิเวอร์พูลทำแต้มหล่นไปแค่ 2 เท่านั้นในเกมแดงเดือดบุกไปเสมอแมนฯยูไนเต็ดเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเกมที่มาทวงประตูคืนใน 5 นาทีสุดท้ายอีกต่างหาก
ประเด็นที่ถูกพูดถึงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ หลายเกมที่ลิเวอร์พูลเหมือนมีเทพีแห่งโชคยืนเคียงข้าง บางประตูที่ควรเสียกลับรอดตัว บางประตูที่ไม่ควรได้กลับรับผลประโยชน์ไป ซึ่งทั้งหมดมาจากระบบ VAR ที่ถูกนำมาใช้เพื่อความเป็นธรรม
แม้กระทั่งนัดล่าสุดกับสเปอร์ส ยังโดน โชเซ่ มูรินโญ่ เหน็บแนมว่ามีโชค เพราะการเข้าสกัดบอลแบบนั้นของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สมควรโดนไล่ออก หากใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
เรื่องนี้มีความจริงอยู่ แต่หากมองให้เป็นแฟร์นี่คือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ และต้องจำไว้เลยว่าที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ โชคมีส่วนเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง
สิ่งที่เราควรพูดถึงให้มากและนำมาเป็นแบบอย่างก็คือการทำงานหนัก ท่ามกลางระบบโครงสร้างที่แข็งแกร่งและชัดเจนมากกว่า
นอกจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเปรียบเหมือนแม่ทัพใหญ่แล้ว ยังมี ปีเตอร์ คราวีทซ์ กับ เปไปน์ ไลน์เดอร์ส เป็น 2 ขุนพลที่อยู่ข้างกาย คอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ทั้งคู่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป แบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระบบการฝึกซ้อมที่ทันสมัย สอดคล้องกับเกมที่หนักในปัจจุบันหรือการนำอุปกรณ์ก้าวล้ำมาใช้ประกอบ เพื่อรีดศักยภาพนักเตะได้ถึงที่สุด
ว่ากันว่านี่คือการทำงานที่ทำให้เรามองเห็นภาพความเป็นเยอรมันที่แจ่มชัด ระบบแน่น วินัยเข้มข้น มุ่งมั่นจริงจัง ด้วยหลักของการทำงานหนักและขยันศึกษาใฝ่รู้
แล้วอีกหนึ่งบุคคลเบื้องหลังที่ต้องได้รับเครดิตไม่น้อยไปกว่าใครคือ ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาที่คอยปิดดีลสำคัญๆ
เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นชาวอังกฤษก็จริง แต่ฉลาดล้ำลึกในการหาข้อมูลและติดตามผู้เล่นที่สโมสรต้องการคว้ามาร่วมทีมอย่างต่อเนื่อง
เช็คละเอียดจนแน่ใจในคุณภาพแล้ว จึงจัดการเดินหน้าเจรจา แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากๆสำหรับนักเตะ อย่าคิดว่าใช้เงินซื้ออย่างเดียว
น่าสนใจคือ เอ็ดเวิร์ดส์ ดึงเอา เอียน เกรแฮม มารับบทบาทผู้อำนวยการด้านวิจัยทีมและนักเตะ นอกเหนือจากมีความรู้เกี่ยวกับผู้เล่นดีมากๆแล้ว ยังจัดอยู่ในกระบวนเจ้าพ่อสถิติด้วย
เขาจะเก็บสถิติจากตัวเลขต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละเกมแล้วนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงไหนจุดอ่อนต้องแก้ไข ตรงไหนจุดแข็งที่ต้องพัฒนาต่อไป
สมัยเรียนที่เคมบริดจ์ เกรแฮม เป็นที่รู้จักในเพื่อนร่วมคลาสว่าเป็นจีเนียสหรือฉลาดเป็นกรด เขาจบปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ซึ่งเชี่ยวชาญมากในเรื่องของตัวหลักและหลักทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถนำมาปรับใช้กับเกมฟุตบอลได้
เพราะ เอ็ดเวิร์ดส์ เองเข้าใจในสถานะการเงินของลิเวอร์พูล ว่าไม่ใช่เป็นพวกเศรษฐีหน้าใหญ่จ่ายได้ไม่อั้นเหมือนอีกหลายทีม ฉะนั้นหากคิดจะเอาชนะจริง ต้องสู้ผ่านการวิเคราะห์อันเข้มข้น ตรงนี้จะช่วยสร้างความแตกต่างให้
จริงๆ เอ็ดเวิร์ดส์ เคยทำงานด้านเทคนิคเกี่ยวกับข้อมูลกับสเปอร์สมาก่อน เขาอยู่ที่นั่นถึง 4 ปีด้วยกันระหว่าง 2008-2012 พยายามป้อนการวิเคราะห์ที่คิดว่าจำเป็นให้กับผู้จัดการทีมหรือสต๊าฟฟ์ แต่กลับไม่ค่อยได้รับการตอบสนองนัก
แน่นอนความยุ่งยากซับซ้อนของมัน ทำให้หลายคนไม่ชอบใจนักและไม่เชื่อว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจด้วย อย่าเอาตัวเลขมาอ้างให้เสียเวลาเปล่าๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อโยกมาทำงานกับลิเวอร์พูล แล้วได้เจอกับ คล็อปป์ ได้ความรู้สึกว่านี่คือคู่แท้ที่ตามหากันมานาน เคมีตรงกันมากๆ เพราะเรื่องแบบนี้ถูกจริตกับความเป็นเยอรมันที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ผ่านตัวเลขเช่นนี้
ก่อนหน้านั้น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมคนก่อน ซึ่งเคยทำงานด้วยกันก็ชื่นชอบวิธีเช่นนี้ แต่นั่นยังไม่เท่า คล็อปป์ ซึ่งให้ความใส่ใจมากๆ
แรกทีเดียวเมื่อได้เจอกับ เกรแฮม ทาง คล็อปป์ รู้สึกประทับใจเหลือเกิน เพราะมีการทำการบ้านเก็บข้อมูลเป็นอย่างดี เมื่อครั้งเขาเป็นเทรนเนอร์ของดอร์ทมุนด์ โดยเฉพาะประเด็นการใช้โอกาสที่ฟุ่มเฟือย
ดอร์ทมุนด์เล่นในสไตล์บุกแหลกแลกหมัดแบบไม่กลัวใครทั้งสิ้น สามารถพาบอลเข้าไปสู่เขตอันตรายของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสม่ำเสมอ
แต่กลับยิงทิ้งยิงขว้าง เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้น้อยมากเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ ซึ่งนี่คือหนึ่งตัวแปรที่มักเสียท่าให้บาเยิร์น มิวนิคเป็นประจำ
ดังนั้นเราต้องมาคุยกันเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้เมื่อ คล็อปป์ ย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูล พร้อมกับที่ เกรแฮม สำทับว่ามันอาจไม่เห็นผลในเร็ววัน ต้องใช้เวลาบ้าง แต่ผลิดอกออกผลคุ้มค่าอย่างแน่นอน
คล็อปป์ ยินดีรับฟังอย่างไม่อิดออด ด้วยรู้ดีว่าลิเวอร์พูลไม่ได้มีเงินซื้อนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ได้แน่ แต่ละดีลจะต้องสมเหตุสมผลและผ่านการกลั่นกรองอย่างดีนั่นเอง
ผู้เล่นอย่าง ซาดิโอ มาเน่ หรือ โม ซาลาห์ ที่พัฒนาจากแข้งธรรมดากลายเป็นระดับโลก ล้วนแต่ผ่านการวิจัยด้วยตัวเลขตามแบบฉบับของ เอ็ดเวิร์ดส์ และ เกรแฮม ทั้งสิ้น
ไม่ใช่แค่นั้นภายหลังลิเวอร์พูลยังทุ่มเทกับเรื่องฟิสิกส์อย่างเต็มที่ เสริมกำลังพลด้านนี้มาอีก 3 รายเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แกร่งกว่าเดิมด้วย
เช่นเดียวกับการได้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เข้ามาด้วยค่าตัวแสนถูกไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ที่จ่ายให้กับอินเตอร์ มิลาน เพราะวิเคราะห์จากตัวเลขการผ่านบอลและทำประตูจากนอกกรอบแล้ว มันจะคุ้มค่ามากๆในอนาคต
คูตี้ ถูกเคี่ยวในเรื่องความแกร่งทางร่างกาย เพิ่มกล้ามเนื้อให้มีแรงเสียดทานมากพอ จากนั้นก็เน้นไปยังการแอสซิสต์หรือสร้างโอกาสต่างๆ
ตอนขายให้บาร์เซโลน่าก็เช่นเดียวกัน ลิเวอร์พูลเล่นแง่ไม่ปล่อยง่ายๆในการเจรจาครั้งแรก แล้วเมื่อเห็นว่าตัวเลขสุกงอมดีน่าพอใจจึงปล่อยไปที่ 142 ล้านปอนด์
เงินขนาดนี้มากพอที่จะทำให้ คล็อปป์ ตามหานักเตะที่ต้องการได้ เพราะก่อนหน้านั้นเขาเคยหลุดให้สัมภาษณ์เหมือนจิก โชเซ่ มูรินโญ่ ไปแล้วว่าจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่อซื้อผู้เล่น
แต่เมื่อเห็นว่าปัญหาในแนวรับที่ไม่แกร่งมากพอจะต่อสู้ในระยะยาวของระบบลีกได้ จะต้องได้รับการปะผุโมดิฟายใหม่ นั่นจึงเป็นที่มาของการจ่ายหนักเพื่อแลกกับ อลีสซง เบ็คเกอร์ กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
แม้รู้ว่าจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง นั่นไม่ใช่ปัญหาหากว่าทีมจะประสบความสำเร็จจริง
แน่นอนผู้เล่นทั้งสองคนนี้ก็ถูกทีมงานของ เกรแฮม วิเคราะห์มาอย่างละเอียดยิบแล้วเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมทุ่มทุนมหาศาล ท่ามกลางความแปลกใจของใครหลายคน
จากการทำงานด้วยข้อจำกัดงบประมาณ ด้วยวิธีวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลข เมื่อลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จแล้ว เงินรายได้ต่างๆจะหลั่งไหลมาเอง นั่นหมายความว่าจะมีสองปัจจัยสำคัญเพื่อพัฒนาสโมสรให้รุดไปข้างหน้าได้ต่อเนื่องอีก
นี่คือการทำงานหนักจากเบื้องหลังของลิเวอร์พูลที่หลายคนอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน
ฉะนั้นจึงไม่น่าเซอร์ไพรส์เลยสักนิดที่พวกเขาจะร้อนแรงต่อเนื่อง จนเกิดคำถามว่าใครจะหยุดได้?
โชคที่พูดถึงกันนั้นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวแทบไม่มีผลเลยด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับหลังฉากที่เต็มไปด้วยทีมงานคุณภาพ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา