15 ม.ค. 2020 เวลา 11:40 • ธุรกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย x ลงทุนแมน
ค่าเงินเปรียบเหมือนเหรียญ 2 ด้าน
ตอนนี้หลายคนกังวลเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ค่าบาทแข็งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
แต่ค่าเงินก็เหมือน “เหรียญ 2 ด้าน”
เวลาค่าเงินแข็งหรืออ่อน จะมีทั้งคนได้และเสียประโยชน์
วันนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และลงทุนแมน จะมาสรุปให้ฟังว่า
เมื่อค่าเงินบาทแข็ง ใครได้ประโยชน์ และใครเสียประโยชน์บ้าง?
เริ่มจากคนที่ได้รับผลกระทบมากสุดก็คือ “ผู้ส่งออก”
ซึ่งในแต่ละปีประเทศไทยส่งออกสินค้าราว 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลองนึกภาพตามว่า
ถ้า 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 30 บาท
สินค้าส่งออก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมีมูลค่าเท่ากับ 6,000,000 ล้านบาท
สมมติค่าเงินบาทแข็ง กลายเป็น 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 29 บาท
สินค้าส่งออก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมีมูลค่าลดลงเหลือ 5,800,000 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น รายได้ของผู้ส่งออกจะหายไปประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย
และสิ่งที่ตามมาก็คือ ค่าเงินที่แข็งขึ้น ทำให้สินค้าไทยแพงในสายตาคนต่างชาติ และอาจทำให้ต่างชาติเขาซื้อสินค้าไทยน้อยลง หรือไปเลือกซื้อสินค้าจากประเทศอื่นแทน
นอกจากนั้น ยังมีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจมาไทยน้อยลง และคนไทยที่ทำงานในต่างประเทศที่นำเงินต่างประเทศมาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลงอีกด้วย
Cr. The Thaiger
แต่ในอีกด้านที่ไม่ค่อยได้พูดถึงกัน..
ก็คือ “คนที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง”
สิ่งที่เห็นได้ชัดเรื่องแรกก็คือ “น้ำมัน”
ประเทศไทยไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้มากพอกับความต้องการของคนในประเทศ ดังนั้นไทยจึงต้องนำเข้าน้ำมันดิบปีละประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องนี้จะตรงกันข้ามกับผู้ส่งออก ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ประเทศไทยจะประหยัดเงินที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันดิบไปได้ 20,000 ล้านบาท
เมื่อน้ำมันดิบถูกลง ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันที่ใช้ถูกลงทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน และจะส่งผลทางอ้อมทำให้ต้นทุนสินค้าต่างๆ ถูกลงตามมา เนื่องจากน้ำมันเป็นต้นทุนของการผลิตและขนส่งส่วนใหญ่ของเศรษฐกิจไทย
Cr. MarketWatch
ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือ ค่าไฟฟ้าที่เราใช้จะถูกลง เพราะค่าเงินจะมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า ซึ่งค่าไฟฟ้าเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญในภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไปเช่นกัน
นอกจากนั้น สำหรับในภาคอุตสาหกรรม ค่าเงินบาทแข็งจะช่วยให้ธุรกิจมีต้นทุนนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรถูกลง ซึ่งปกติไทยจะมีการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรปีละประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ประเทศจะประหยัดไปได้ราว 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจ้าของหรือผู้บริหารกิจการในการลงทุนนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรเข้ามาปรับปรุงของเดิมที่ล้าสมัย
ซึ่งในเร็วๆ นี้ก็มีหลายธุรกิจในประเทศไทยโดยเฉพาะธุรกิจพลังงานที่ระบุว่าจะคว้าโอกาสช่วงค่าเงินบาทแข็งเร่งลงทุนเพิ่มเติม
สำหรับคนที่ได้ประโยชน์ต่อมา ก็คือผู้ที่มีหนี้ต่างประเทศ ธุรกิจและประชาชนที่มีหนี้ต่างประเทศจะมีมูลค่าลดลง
ตอนนี้ธุรกิจและประชาชนคนไทยมีหนี้ค้างจ่ายต่างประเทศอยู่ราว 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ธุรกิจและประชาชนจะมีหนี้ลดลงประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งคนที่จะได้รับประโยชน์ก็คือคนที่จะชำระหนี้คืนนั่นเอง
สุดท้ายเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลมากที่สุด ก็คือ การไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
Cr. Pngtree
ในแต่ละปี คนไทยใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าขึ้น ค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทยทั้งประเทศจะถูกลงไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
จากเรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมี 2 ด้านเสมอ..
มีคนที่เสียประโยชน์ ก็มีคนที่ได้ประโยชน์
ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีสาเหตุหลัก จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยเฉพาะการส่งออกมากกว่านำเข้า และจากการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทย
เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่ต้องร่วมช่วยกันแก้กันหลายภาคส่วน ผู้ประกอบการต้องนำเข้าและลงทุนมากกว่านี้ รวมถึงเราต้องช่วยกันสนับสนุนให้เงินไหลออกไปต่างประเทศมากขึ้น
และคนที่ได้รับผลกระทบในระหว่างนี้ก็คงต้องเร่งปรับตัวเองและพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้เป็นที่ต้องการมากขึ้นในสายตาต่างชาติ
เพราะในที่สุด ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมากล่าวว่า การดูแลค่าเงินเป็นสิ่งจำเป็นระยะสั้น แต่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุช่วยได้ระดับหนึ่งเหมือนให้ยาแก้ไข้ แต่เศรษฐกิจไทยตอนนี้อักเสบจากภายใน ซึ่งต้องแก้สาเหตุเชิงโครงสร้างซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน
1
เมื่อได้อ่านบทความนี้จบทุกคนก็น่าจะรู้ถึงผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
คนที่เสียประโยชน์คือใคร คนที่ได้ประโยชน์คือใคร
รู้ไหมว่าการอ่านเรื่องทั้งหมดนี้เหมือนเราได้เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่สอนกันในมหาวิทยาลัยโดยไม่รู้ตัวไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งถ้าเราทุกคนมีความเข้าใจและช่วยกันหาทางออก ประเทศเราก็น่าจะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ในที่สุด..
โฆษณา