20 ม.ค. 2020 เวลา 12:15 • ประวัติศาสตร์
ฆาตกรที่สังคมเศร้าโศก
กับการฆ่าที่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2004
Vitaly Kaloyev สถาปนิกชาวรัสเซียวัย 48 ปี
มาที่บ้านของ Peter Nielsen เจ้าหน้าควบคุมการจราจรทางอากาศวัย 36 ปี ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
Vitaly ใช้มีดขนาด 14 ซ.ม. กระหน่ำแทงเข้าที่ท้องและใบหน้า Peter Nielsen จนเสียชีวิตต่อหน้าลูกของเขาทั้ง 3 ซี่งยืนอยู่ข้างๆ
Vitaly ถูกจับและตัดสินจำคุก 8 ปี
แต่เขาจำคุกได้เพียง 3 ปีก็ถูกปล่อยตัวออกมา
กลับไปยังบ้านเกิดของเขาในสาธารณรัฐเซาท์ออสซีเชีย–รัฐอาลาเนีย
สังคมต้อนรับเขาอย่างดี
ถึงขนาดบางกลุ่มมองเห็นเขาเป็นเยี่ยงวีรบุรุษ
เขายังสามารถกลับไปทำงานเป็นสถาปนิกตามเดิม
จนถึงขั้นได้เป็นรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการก่อสร้างของรัฐเซาท์ออสซีเชีย
ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น?
สังคมโอเคและยอมรับกับเรื่องแบบนี้หรือไม่?
ย้อนกลับไปสองปีก่อนหน้าเหตุการณ์แทง
1 กรกฎาคม ค.ศ. 2002
เครื่องบินขนส่งสินค้าของDHL แบบ Boeing 757 เที่ยวบินที่ 611 และเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำของสายการบิน Bashkirian Airlines แบบ Tupolev Tu-154M เที่ยวบินที่ 2937
ซึ่งเต็มไปด้วยเยาวชนของรัสเซียที่มีผลการเรียนดีเด่นจากองค์กรยูเนสโก และได้รางวัลจากรัฐบาลไปทัศนศึกษาที่ประเทศสเปน
ทั้งสองลำชนกันกลางอากาศ
รวมแล้วทั้งหมด 71 ชีวิต ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับมา
ซากเครื่องบิน TU-154M
ภรรยาของVitaly, Svetlana วัย 44 ปี
ลูกชายของเขา Konstatin วัย 10 ปี
และลูกสาวคนเล็กวัยเพียงแค่ 4 ปี Diana
อยู่บนเครื่องเที่ยวบินที่ 2937
และนั่นคือครอบครัวของ Vitaly ทั้งหมดที่เขามี
Vitaly และครอบครัวในอดีตของเขา
Konstantin และ Diana
จากการสอบสวนพบว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศในวันนั้นมีส่วนที่ก่อให้เกิดอากาศยานชนกัน
เจ้าหน้าที่เพิกเฉยต่อทิศทางเครื่องบินทั้งสองลำที่มีแนวโน้มจะชนมาระยะหนึ่งแล้ว
และเขามาเห็นเพียง 43 วินาทีก่อนจะเกิดการชน
อีกทั้งยังมีส่วนในการสั่งเครื่องบินในช่วงเวลาวิกฤติ แล้วไปสั่งตรงข้ามกับระบบTCASที่ติดอยู่ในเครื่องบิน ระบบนี้ซึ่งจะสั่งการนักบินเพื่อไม่ให้เกิดการชนกัน
ยิ่งทำให้นักบินเกิดการสับสน ว่าควรเชื่ออะไรดี
Peter Nielsen คือเจ้าหน้าที่ควบคุมอากาศยานในวันนั้น
Peter Neilsen เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศวันนั้น
ถึงแม้จะไม่มีบทลงโทษแก่เขา แต่ Neilsen ก็ไม่กลับไปทำงานอีกเลย เขารู้สึกผิด เสียใจ และถูกสังคมประนามจนเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อพบจิตแพทย์อยู่บ่อยครั้ง
Neilsen เปลี่ยนชื่อ นามสกุล เปลี่ยนที่อยู่ และเก็บตัวอยู่เงียบๆ กับครอบครัวของเขา
ส่วน Vitaly หลังจากที่สูญเสียครอบครัวทั้งหมดไป เขาก็กลายเป็นคนซึมเศร้า ไม่ทำงาน ไว้หนวดเครา ใส่ชุดดำตลอดเวลา เขาใช้เงินชดเชยที่ได้มา ทำบ้านเขาเป็นสถานที่เพื่อระลึกถึงครอบครัว นำสิ่งของ และภาพแต่ละคน
วางไว้แต่ละเตียงนอนที่พวกเขาเคยนอน
Vitaly นำรูปและสิ่งของวางไว้แต่ละเตียงที่ทุกคนเคยนอน
Vitaly มิอาจปล่อยวางความคับแค้นที่อยู่ในจิตใจได้
เขาจ้างนักสืบเอกชน เพื่อหาที่อยู่ของ Neilsen จนหาเจอ
และก็ทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
“ผมแค่ต้องการนำภาพครอบครัวของผมไปให้เขาดู ว่าเขารู้สึกอย่างไร แล้วหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้เลย”
Vitaly กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ผมรู้สึกผิดอย่างมากต่อการฆ่าเขา”
“และการฆ่าเขา...
มันไม่ได้ให้ทำให้จิตใจของผมดีขึ้นเลยด้วยซ้ำ”
“ผมอยากจะขอโทษภรรยาและครอบครัวของเขาในสิ่งที่ผมได้กระทำลงไป”
ถึงแม้การกลับมาหลังจากพันโทษของ Vitaly
จะมีคนยกย่องว่าเขาเป็นฮีโร่
แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด
เขากลายเป็นคนดัง บางครั้งเวลาเดินไปไหน
จะมีบางครั้งที่คนตะโกนต่อว่ามา “ฆาตกร!”
“ผมต้องอยู่กับคำว่า “ฆาตกร” ไปตลอดชีวิต”
สิ่งที่ Neilsen เคยรู้สึกเคยรับเอาไว้
กลับมาเป็นเขาที่ต้องมารับเอาไว้เอง
ปัจจุบัน Vitaly แต่งงานใหม่ และมีลูก 2 คน
และเขาต้องรู้สึกเสียใจและแบกรับเรื่องที่เขาทำไปตลอดชีวิต
ปล.เหตุการณ์เครื่องบินชนกันครั้งนี้ทำให้ต้องออกกฏระเบียบมาให้เวลาเกิดเครื่องบินใกล้ชนกัน ให้นักบินเชื่อระบบTCASในเครื่องบินเท่านั้น ถึงแม้ATCจะบอกให้ทำการบินอีกทิศทางก็ตาม
Vitaly และครอบครัวปัจจุบัน (ลูกแฝด)
Aftermath : ภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์นี้
โฆษณา