25 ม.ค. 2020 เวลา 14:58 • บันเทิง
นิทานก่อนตื่น Special Edition รับตรุษจีน ตอน" เคล็ดวิชาสู่เจ้ายุทธภพ"
ตวัดดาบออกไป แต่ใจยังไร้ความมุ่งมั่น จะอยู่อย่างไรเมื่อจิตใจของเจ้าไร้ความหวัง
ท่านจอมยุทธ์
สวัสดีท่านจอมยุทธ์ทั้งหลาย วันนี้ข้ากำลังจะพาท่านท่องไปในยุทธภพ ขอให้ท่านรับชมได้ ณ.บัดนี้
เมื่อยุทธภพเต็มไปด้วยคนฉ้อฉล เจ้าเล่ห์เพทุบาย ชาวยุทธจะอยู่อย่างไรกันเล่า...
แผ่นน้ำบางๆของทะเลสาปซัดสาดใส่ร่างร่างหนึ่งที่นอนนิ่ง ร่างของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผล กำลังถูกชายร่างกายกำยำแต่ขาข้างขวาผิดรูป กำลังลากเขาไปตามทาง
ร่างไร้สติที่ถูกลากนั้นค่อยๆ กระดิกปลายนิ้วอย่างอ่อนแรง เปลือกตาใต้คิ้วที่คมเข้มกระพริบตาอ่อนๆ เผยถึงสัญญาณชีพจรที่กำลังทำงานอย่างเชื่องช้า
ชายหนุ่มปรือตาขึ้น พร้อมแสงที่วาบเข้ามา เขาเห็นร่างร่างหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวรุงรัง ขาข้างหนึ่งเดินตุปัดตุเป๋กำลังลากร่างของเขาที่อยุ่บนแผ่นไม้ไปตามทาง
"เรายังไม่ตายหรือนี่?"
ด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาอีกปลาบหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มสติสัมปชัญญะดับวูบ ภาพเบื้องหน้าค่อยๆลางเรือนจนเหมือนไกลออกไปอีกครั้ง
"ตื่นแล้วรึ เจ้าหนุ่ม?" เสียงเนิบนาบแต่ทรงพลังมาจากชายกลางคนที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ ข้างกายมีไม้เท้ารูปทรงประหลาดๆอยู่นั้น เขามองมาที่ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มบางๆ
"ทะ ท่านช่วยชีวิตข้าหรือนี่?" ชายหนุ่มกำลังจะคุกเข่าขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือเขามาจากหุบเขาแห่งนั้น แต่ด้วยฤทธิ์บาดแผลทำให้เขาชะงักการเคลื่อนไหวในทันที
"อ๊ะ..." ชายหนุ่มร้องอุทานพร้อมกับเอามือจับบนร่างกายที่พันห่อไปด้วยผ้าพันแผลราวกับเป็นเสื้อผ้าของเขา
"เจ้านอนพักเถอะ" ชายวัยกลางคนลุกขึ้นพร้อมยันไม้เท้าขึ้น พร้อมเดินท่าเขยกๆ "เจ้ายังไม่หายดี ข้าจะไปหาอาหารให้เจ้า"
ชายวัยกลางคนกลับมาพร้อมกับผลไม้ป่า และยังต้มยาให้เขาอีก ทุกๆครั้งที่เขาดื่มยาแปลกประหลาดนั่น ร่างกายอ่อนล้าราวกับถูกตรึงกดไว้บนที่นอน
ผ่านไป 3 วัน
ฤทธิ์ของยาทำให้เขาสลบสไลไปหลายวัน แต่วันนี้ชายหนุ่มดื่มยา แล้วหลับไปอีกครั้ง
เมื่อชายขาเป๋เดินออกจากกระท่อมไป ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่ง
ที่จริงเขาแสร้งทำเป็นดื่มยา แต่วันนี้เขากำลังจะสะกดรอยตามว่าชายขาเป๋กำลังไปที่ใด
เส้นทางจากกระท่อมน้อยของชายขาเป๋ สู่ตัวเมืองนั้นต้องผ่านหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
ทันทีที่ชายขาเป๋เดินไปถึงกลางหุบเขาแห่งนั้น จู่ๆก็มีร่างของชายฉกรรจ์ทั้ง 5 คนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ มาดักทางชายขาเป๋ไว้
"พวกเจ้าต้องการอะไร" ชายขาเป๋เอ่ยถาม
"พวกข้าต้องการอะไรน่ะเหรอ มาคุยเล่นกับเจ้ามั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า" หนึ่งในชายฉกรรจ์ทั้ง 5 ท่าทางเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่ม ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
"ข้าต้องการเงินในถุงของเจ้านั่นไง ถ้าไม่อยากตายส่งมาเดี๋ยวนี้" ชายอีกคนที่มีแผลบากบนใบหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมกับถือดาบเล่มใหญ่เดินตรงเข้าไปหาชายขาเป๋
"เชิญพวกท่านเข้ามาได้เลย" ชายขาเป๋พูดพลางยิ้มเบาๆ
ชายหนุ่มที่แอบสะกดรอยตาม "ท่านผู้มีคุณ" ของเขาเริ่มเห็นท่าทางจะไม่ดี จะรีบเข้าไปช่วยตามประสาชาวยุทธ์ผู้รักความยุติธรรม
แต่ทว่า...
"ย่าห์......" หนึ่งในโจรโฉดถือดาบตรงเข้าไปหาชายขาเป่อย่างไร้ปราณี....
"อ๊ากกกกกกก"
เพียงแค่โจรโฉดตวัดดาบก็มีร่างร่างหนึ่งล้มลงไปทันที แต่ทว่า... คนที่ล้มลงไปนั้น เป็น 1 ในโจรโฉดไม่ใช่ชายขาเป๋
"น้องสี่...." เจ้าหัวหน้าโจรตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว "ฆ่ามันนนน!!!"
เจ้าโจรอีก 4 คนพร้อมอาวุธครบมือเข้าจู่โจมชายขาเป๋
เจ้าโจรทั้ง 4 ตวัดดาบอย่างบ้าคลั่งใส่ชายขาเป่ มีเสียงคมดาบปะทะกับไม้เท้าดัง เคร้ง
เพียงแค่ชั่วพริบตานั้น ร่างทั้งสี่ร่วงกราวราวกับใบไม้แห้งที่หลุดจากต้น
"ระ ร้ายกาจ" เจ้าหัวหน้าโจรกระอักเลือดออกมา
ในระหว่างการต่อสู้นั้นเอง ปลายดาบของ 1 ในโจรโฉดเกี่ยวเข้าที่เสื้อของชายขาเป๋ จนเผยให้เห็นแผ่นหลังของชายขาเป๋ที่มีลายสักประหลาด
พยัคฆ์คำรณเหยียบเมฆ
เพลงยุทธ์ไร้เงา
จอมยุทธ์ที่แฝงเร้นตามหุบเขา
นามว่า "หานมู่จง"
เมื่อฝุ่นที่เกิดจากการต่อสู้สงบลง เสียงทุกอย่างเงียบกริบ ชายหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มือสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น ชีพจรในกายเย็นเฉียบ
"เจ้าออกมาได้แล้ว" ชายขาเป๋เอ่ยขึ้นพร้อมโยนไม้เท้า พุ่งหลาวเข้าไปที่พุ่มไม้ด้านหลัง
ชายหนุ่มที่พอมีวรยุทธ์ยังพอว่องไว อาศัยเพลงยุทธ์หลบไม้เท่าพิฆาตได้ทัน เขากลิ้งตัวหลบกระโจนออกจากพุ่มไม้
ที่แท้...
ชายขาเป๋คือชาวยุทธ์ในตำนาน เขาคืออดีตยอดฝีมืออันมีนามเลื่องลือระบือไกล แต่จู่ๆเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สำนักของเขาถูกพรรคงานเล่นงานจนแตกซ่านกระเซ็น
หานมู่จงหายไปอย่างลึกลับ บ้างก็เขาตาย บ้างก็ว่าเขาหายสาปสูญ ไม่มีใครได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเขาอีก มีเพียงรอยสักพยัคฆ์คำรณเท่านั้น ที่ยืนยันว่านั่นคือเขาตัวจริง
"ท่านจอมยุทธ์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย" ชายหนุ่มหรือชื่อของเขาคือเว่ยเส้าเทียน อดีตศิษย์ของสำนักเต๋อหรง ต้องการวิชาของสุดยอดแห่งยุทธภพ เพื่อชำระหนี้แค้น!!!
"พรุ่งนี้ตอนตอนพระอาทิตย์ขึ้น เจ้าจงมาพบข้าที่ริมทะเลสาป ข้าต้องการทดสอบเจ้า"
ยามรุ่งสาง ณ ริมทะเลสาป ท้องน้ำตื้นถูกย้อมไปด้วยแสงสีทองของดวงอาทิตย์ ฟองคลื่นน้ำใสซัดสาดเข้ามาริมฝั่ง
ในน้ำน้นสะท้อนภาพของหานมู่จงและเว่ยเส้าเทียน
จอมยุทธ์หานยื่นเทียนไขเล็กๆมาให้ พร้อมจุดไฟ
เว่ยเส้าเทียนทำหน้าแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก จนจอมยุทธ์หานเอ่ยขึ้น
"ข้าให้เวลาเจ้า 3 ชั่วยาม ถ้าเจ้าสามารถทำใหไฟไม่ดับได้ ข้าจะสอนเคล็ดวิชาให้เจ้า"
เว่ยเส้าเทียนรู้สึกแปลกใจระคนตกใจ จะทำอย่างไรถึงจะไม่ทำให้ไฟนี้ดับได้ จอมยุทธ์หานนั่งบนโขดหินริมฝั่งนั่น เพื่อจะดูว่าเว่ยเส้าเทียนจะจัดการอย่างไรกับเทียนไขเล่มนี้
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม
เทียนไขถูกไฟกลืนกินอย่างรวดเร็ว ความร้อนจากเทียนเล่มนั้นแทบจะเผามือของเว่ยเส้าเทียน
อีกชั่วยามต่อมา
เทียนไขที่ละลายจนแทบติดมือเว่ยเส้าเทียนนั้น
เว่ยเส้าเทียนอดทนให้น้ำตาเทียนกับเทียน ลวกมือเขาอยากอดทน ไฟจากเปลวเทียนนั้นหรือจะสู้เปลวเพลิงแค้นในอก ดูเหมือนว่ามือของเขาแทบจะด้านชา เมื่อเทียบกับความอาฆาตที่สุมในจิตใจของเขา
อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวจะครบ 3 ชั่วยามแล้ว
อีกเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม เว่ยเส้าเทียนจะผ่านการทดสอบ
แต่ทันใดนั้น เปลวเทียนที่ริบหรี่เต็มที่ ถูกลมจากทะเลสาปพัดหายวับไปกับตา
"ไม่!!!!!!"
เว่ยเส้าเทียนตะโกนออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง
จอมยุทธ์หานลุกขึ้นมา จ้องมองเว่ยเส้าเทียนที่กระหน่ำทุบพื้นอย่างบ้าคลั่ง
"ข้ามันโง่ ข้ามันโง่สิ้นดี" เว่ยเส้าเทียนเอามือชกโขดหินจนเลือดโชกย้อมมือของเขา
"เทียนนี้อยู่ได้เพียงแค่สองชั่วยามเศษๆ เท่านั้นแหละ เจ้าไม่มีทางรักษาได้ถึง 3 ชั่วยามหรอก"
เว่ยเส้าเทียนเงยหน้าขึ้นมาจากพื้น หน้าที่รื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความคับแค้นฉายแววกราดเกรี้ยว
"ท่านหลอกข้าทำไม? ถ้าไม่อยากถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ข้า ทำไมไม่บอกข้าตรงๆเล่า"
"เจ้าลองบอกเหตุผลของการฝึกวิชาของเจ้ามาสิ " จอมยุทธ์หานเอ่ยขึ้น
"ข้าต้องการแก้แค้น ข้าถูกศิษย์พี่ของข้าใส่ร้ายว่าข้าลอบข้าอาจารย์ จริงๆแล้วมันเป็นฝีมือของเขา ตอนนี้เขาตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักแล้ว แล้วยังแต่งงานกับคนรักของข้าอีก" เว่ยเส้าเทียนระบายอย่างคับแค้น
ภาพของเยว่หลานลอยมา ใบหน้างามๆของนางกำลังตะโกนด่าทอเว่ยเส้าเทียนผุดขึ้นมา
"ท่านฆ่าเจ้าสำนัก ท่านมันคนชั่ว ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียดท่าน" เสียงของเยว่หลานวนไปมาในหัวของเขา ราวกับนางเพิ่งด่าทอเขาเมื่อวาน
จอมยุทธ์หานยืนฟังอย่างนิ่งงั่นก่อนเอ่ยถามว่า
"เมื่อเจ้าแก้แค้นศิษย์พี่เจ้า เจ้าสำนักจะฟื้นหรือไม่?"
"ไม่" เว้ยเส้าเทียนตอบ
คนรักเจ้าแต่งงานออกไปแล้ว เจ้าจะเอานางกลับมาได้หรือไม่?
"มะ ไม่ ไม่" เว้ยเส้าเทียนตอบอีกครั้ง
"เจ้าฆ่าศิษย์พี่เจ้าแล้ว จะถูกยกย่องว่าทรงคุณธรรมอีกหรือไม่"
"ก็ ... ก็อาจจะไม่"
"เจ้าเองก็ไม่ต่างจากเทียนไขเล่มนั้น"
"มะหมาย ความว่า"
ที่ข้าบอกเจ้าให้ไม่ให้ไฟดับ ข้าไม่ได้หมายความว่าให้รักษาเทียนเล่มนั้น
"ข้าไม่เข้าใจ"
จอมยุทธ์หานหยิบเทียนไขขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง เมื่อเขาจุดขึ้นมา เขาใช้เทียนไขจุดไฟขึ้นมาในกองใบไม้แห่งที่อยู่ใกล้ๆ แล้วไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
"เทียนไขเล่มนี้ก็เหมือนตัวเจ้าที่กำลังยึดติดกับอดีต แม้เจ้าจะพยายามรักษาเพียงใด ก็ไม่อาจที่จะรักษามันไว้ตลอด เปรียบเหมือนอดีตของเจ้า"
"ข้าเบาปัญญาเหลือเกิน"
"หากเจ้ายึดมั่นถือมั่น ไฟแค้นมันก็จะเผาเจ้าจนละลาย"
หากแม้นเปรียบดั่งความดีคือไฟ ไฟนั่นไซร้มิจำเป็นต้องอยู่บนเทียน
หากแม้นปราศจากเทียนแล้ว ไฟก็อยากสามารถลุกโชติช่วงได้ ถ้าเจ้ามีความมุ่งมั่น
หากมีความตั้งใจแล้วย่อมไม่ท้อถอย เหมือนไฟที่รอคอยจนเทียนดับ
เมื่อใดที่เจ้าเข้าใจเคล็ดวิชาแล้ว จงเป็นไฟที่สว่างไสวให้แสงสว่าง แม้ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม
เว่ยเส้าเทียนได้เล่าเรียนเคล็ดวิชาจนหมดแล้ว
"เจ้ากำลังจะไปที่ใด"จอมยุทธ์หานถามขึ้น
"หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าได้เรียนรู้แล้วว่าการกลับไปแก้แค้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น"
"เจ้าพร้อมออกไปสู่ยุทธภพอีกครั้งแล้วสินะ"
"ข้าจะเป็นไฟออกไปเพิ่มแสงสว่างให้ยุทธภพที่มืดมิด ยังมีคนอีกมากมายรอให้เข้าเข้าไปช่วยเหลือ ข้ายังจำได้ถึงสิ่งที่ท่านอาจารย์สอน ข้าจะไปเป็นไฟที่ให้แสงสว่างกับคนที่ตกทุกข์ได้ยากอีกมากมาย"
"ข้าขอลา" ร่างของเว่ยเส้าเทียนที่ค่อยๆเดินลับหายไปในแสงสว่างของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆฉายแสงจากพื้นดิน
ยุทธภพยังมีเรื่องมากมายที่รอคอยความช่วยเหลือ...
วันนี้ข้าได้พาสหายทั้งหลายท่องยุทธภพเรียบร้อยแล้ว
ข้าก็ขอให้ มีผู้ติดตามมากมายราวกับดาวบนท้องฟ้า เงินไหลนอง ทองไหลมา มีความสุขตลอดปี
恭喜发财
#successjourney

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา