[บทเรียนจากชีวิตจริง] Positive Why & Negative Why ทำไม?...คำถามสร้างสรรค์หรือบ่อนทำลาย? .....เชื่อว่าทุกคนคงเคยตั้งคำถามว่า ทำไม? กับเรื่องต่างๆในชีวิต. .....แล้วรู้หรือไม่ว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ช่วยในการแก้ปัญหา หรือว่าทำ

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

บทเรียนจากชีวิตจริง

•

27 ม.ค. 2020 เวลา 15:25 • ปรัชญา

Positive Why & Negative Why

ทำไม?...คำถามสร้างสรรค์หรือบ่อนทำลาย?

.....เชื่อว่าทุกคนคงเคยตั้งคำถามว่า ทำไม? กับเรื่องต่างๆในชีวิต.

.....แล้วรู้หรือไม่ว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ช่วยในการแก้ปัญหา หรือว่าทำให้เราไม่รู้จักแก้ปัญหากันแน่.

....สัจธรรมก็คือ ทุกอย่างบนโลก ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ แม้แต่คำถามว่า "ทำไม?" ยังมีทั้งด้านบวก และด้านลบ.

Positive Why?

ทำไม? เป็นคำถามที่ชาญฉลาด สิ่งที่พิสูจน์คำกล่าวนี้ก็คือ.....

....คำถามนี้ถูกนำไปใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาหรือข้อมูล ในระดับสากลที่เราคุ้นเคยกันที่เรียกว่า "5W1H" ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์เครื่องนี้ในการกำหนดมาตรฐานวิธีปฏิบัติงานที่ถูกต้องครบถ้วนอีกด้วย.

....คำถามนี้ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหาที่เรียกว่า "Why Why analysis"ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดยซาคิชิ โตโยดะ (Sakishi Toyoda)ผู้ก่อตั้งบริษัทโตโยต้าและเป็นบิดาของการ

ปฏิวัติอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น

....จะเห็นได้ว่าคำถามนี้สร้างคุณประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัญหา และการสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ช่วยในการแก้ปัญหาที่ต้นตอ รวมถึงช่วยในการหาทางป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกด้วย

Negative Why?

ทำไม? เป็นคำถามของคนโง่เขลา สิ่งที่พิสูจน์คำกล่าวนี้ก็คือ..

.....เมื่อคนเราพบกับอุปสรรคหรือปัญหาในชีวิต พบเจอคนหรือเหตุการที่ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เราก็มักจะหงุดหงิดและตั้งคำถามกับตัวเองด้วยคำถาม"ทำไม?"ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น...

ทำไมเราต้องเจอกับเรื่องแย่ๆแบบนี้?.

ทำไมเราต้องเจอกับคนแบบนี้?

ทำไมเพื่อนร่วมงานถึงพูดแบบนี้?

ทำไมหัวหน้าชอบมาเปลี่ยนงานเรา?

ทำไมหัวหน้าไม่เข้าใจเรา?

ทำไมแฟนถึงไม่มีเหตุผล?

คำถามเหล่านี้ถูกถามขึ้นในใจเมื่อเราพบเจอกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ถูกใจ และมักเป็นคำถามที่เราคิด เมื่อเรามีอารมณ์หงุดหงิด โมโห.

..... เมื่อคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในขณะที่เราหงุดหงิดหรือ โมโห เราก็มักจะไม่ต้องการคำตอบจริงๆ ยิ่งถามทำไม?ซ้ำๆกันไปนานเท่าไหร่ มันจะยิ่งทำให้จิตใจเราไม่สงบ และไม่มีสติในการคิดแก้ปัญหานานเท่านั้น.

.....ปกติในการทำงานของผม ผมจะเรียกเวลานี้ว่า "ช่วงเวลาโง่เขลา" เมื่อเราหยุดโมโห เลิกหงุดหงิด และหยุดถามตัวเองว่า"ทำไม?" พร้อมทั้งเปลี่ยนคำถามจาก"ทำไม"มาเป็นถามว่า "ทำอย่างไร?" เราก็มักจะได้คำตอบในเวลาไม่กี่นาที.

.....ดังนั้นคำถามนี้จึงเป็นได้ทั้งคำถามด้านบวกและด้านลบ ซึ่งขึ้นกับว่าคนที่ตั้งคำถาม อยู่ในสภาวะอารมณ์แบบใด ถามเพราะอยากได้คำตอบที่แท้จริง หรือถามเพื่อระบายอารมณ์จนทำให้ตนเองตกอยู่ในช่วงเวลาของความโง่เขลากันแน่.

.....ในช่วงนี้ทุกคนคงได้รับรู้ข่าวสารเรื่องไวรัสโคโรนา ซึ่งกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก

บางคนอาจจะตั้งคำถามว่า.....

.....ทำไมเชื้อโรคมันน่ากลัวอย่างนี้?

.....ทำไมคนจีนถึงไปกินอาหารแปลกๆ?

.....ทำไมรัฐบาลไม่มีมาตรการควบคุมโรค?

แต่หลายคนอาจตั้งคำถามว่า....

.....ทำไมเชื้อจึงแพร่ระบาดได้เร็ว?

.....ทำไมบางคนจึงไม่ติดเชื้อ?

.....ทำไมบางคนติดเชื้อแล้วตาย?บางคนไม่ตาย?

.....ทำไมหน้ากากอนามัยแบบนี้ป้องกันเชื้อไม่ได้?

.....เราเป็นคนกลุ่มไหนครับ..ถ้าเป็นเราจะถามคำถามว่า"ทำไม?" ในแบบไหน?

.....ถามแบบไหนจึงจะเป็นประโยชน์กับเรา เราคงต้องตั้งสติและลองตั้งคำถามกันดูนะครับ.

ขอบคุณครับ..

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน