7 ก.พ. 2020 เวลา 01:48 • ปรัชญา
จอมโจรไมค์ ...
ตอนแรกว่าจะเขียนบทความใหม่
แต่วันนี้ไม่ทันจริงๆ
ผมเลยเอานิทานดีๆ
มากฝากหวังว่าผู้อ่านทุกท่าน
หวังว่าจะให้อภัยนะครับ 😁😁
1. ...
เด็กชายสอดมือเข้าไปใต้โต๊ะ ควานเจอถุงพลาสติกใส่ข้าวต้มมัดอยู่สองมัดใหญ่ รู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องทาย ไมค์เอาขนมที่บ้านมาให้เขาอีกแล้ว!
ตั้งแต่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากครูวิกรม เด็กชายก็ได้กินขนมฝีมือแม่ของไมค์ทุกเช้า ทั้งทองหยอด ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ และอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่เขาโปรดปรานที่สุด ก็คือ ขนมที่ทำจากข้าวเหนียวผัดกับกะทิ ห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วย หรือข้าวต้มมัดนั่นเอง
เด็กชายค่อยๆ แกะใบตองที่ห่อขนมออก กัดข้าวต้มมัดครั้งละคำน้อยๆ ด้วยไม่อยากให้มันหมดเร็วเกินไป
“อร่อยมั้ย” ใครคนหนึ่งส่งเสียงถามมาจากด้านหลัง
เด็กชายไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้มเคี้ยวข้าวต้มมัดในปากต่อไป
“ว่าจะติดข้าวเหนียวมะม่วงมาให้นายด้วย แต่แม่ฉันยังมูนข้าวเหนียวไม่เสร็จต้องรีบมาโรงเรียนเสียก่อน”
“แค่นี้ก็พอแล้ว ฝีมือแม่นายสุดยอดมาก อร่อยทุกอย่างเลย”
เด็กทั้งสองคุยและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
2. ...
ชายวัยกลางคนเดินผ่านประตูโรงเรียน เข้ามาถึงอาคารเอนกประสงค์สีขาว สูง 2 ชั้น ในอดีตบริเวณนี้เป็นลานกว้าง แต่ปัจจุบันด้วยจำนวนนักเรียนที่มากขึ้น โรงเรียนขยายที่ทางออกไปไม่ค่อยได้ จึงเริ่มดัดแปลงพื้นที่ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่โล่งสำหรับทำกิจกรรม หรือแม้กระทั่งสระน้ำ ถูกถมทำเป็นห้องเรียนจนหมด จนแทบไม่เหลือที่ให้เด็กๆได้นั่งหย่อนใจกัน
สมัยเขาเรียน ชั้นหนึ่งมีเด็กเพียง 3 ห้อง ชั้นเรียนเดียวกันก็จะรู้จักกันหมด รู้แม้กระทั่งชื่อพ่อแม่ เรียกล้อกันจนเป็นชื่อตัว แต่ปัจจุบันปาเข้าไปชั้นละ 10 ห้องเข้าให้แล้ว จากโรงเรียนเล็กๆ ก็กลายเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในย่านนั้น
เมื่อเดินถึงหน้าโต๊ะรับรอง เด็กสาวคราวลูกเดินเข้ามาสวัสดี ขอดูบัตรเชิญ แล้วพาเขามานั่งตามโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ เขายิ้มทันทีที่สังเกตเห็นป้ายบนโต๊ะ ขนาดเท่าฝ่ามือ พิมพ์ด้วยหมึกสีน้ำเงิน
“รุ่น 1”
“ดีเว้ย! ไอ้หมอ” ใครคนหนึ่งตะโกนเรียก โบกมือให้ เดินตรงเข้ามาหาเขา เขายิ้มและโบกมือตอบ
แม้จะไม่ได้เจอกันนาน แต่เขาก็ยังจำวิธานได้เสมอ วิธานเป็นเด็กเก่งคนหนึ่งของสายชั้น เป็นลูกครูวิกรม ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ สมัยเรียนวิธานชอบแข่งกับเขาทุกเรื่อง แต่เขาไ่ม่ได้อยากแข่งด้วย และรู้สึกเฉยๆเวลาที่เป็นผู้แพ้ วิธานไม่คิดเช่นนั้น
เขายังจำปีสุดท้ายที่ตัวเองได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียนได้ วันนั้นวิธานโกรธมากที่แพ้การเลือกตั้ง หลังจากนั้นวิธานเริ่มเงียบกับเขา แม้เขาจะพยายามทักทายพูดคุยกับวิธาน แต่ก็ไม่เป็นผล และนับตั้งแต่วันนั้นทั้งสองคนก็ไม่คุยกันอีกเลย
หลังจบ ป. 6 วิธานเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด จากนั้นก็สอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ ส่วนเขาติดตามพ่อมาอยู่ที่กรุงเทพ เรียนโรงเรียนชายล้วนช่ือดัง ก่อนเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ และกลายมาเป็นคุณหมออย่างในทุกวันนี้ เขายังจำภาพตัวเองในวันสมัครสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ เขาเลือกแพทย์เพียงอันดับเดียว เพื่อตามใจผู้เป็นแม่ อีกห้าอันดับที่เหลือเขาเลือกวิศวะทั้งหมด เพราะอยากเรียนวิศวะมากกว่า
สุดท้ายแม่ของเขาเป็นฝ่ายสมหวัง ส่วนเขาเองผิดหวังหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
แม้จะย้ายไปเรียนต่อที่กรุงเทพ แต่ทุกปิดเทอมเขาก็ยังได้มาเจอกับเพื่อนๆกลุ่มนี้อยู่ตลอด เนื่องด้วยแม่ของเขาอยู่ที่นี่ แม่เป็นคนที่นี้ เกิดที่นี่ พอแยกทางกับพ่อ แม่จึงกลับมาอยู่กับตาและยายของเขา ทุกครั้งที่กลับมา ก็มักจะได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยประถมอยู่เสมอ
“เป็นไงวะ เมียกี่คนแล้ว”
“เมียคนเดียว ลูกสอง”
“อยู่โน่นสบายเลยสิ ผ่าตัดทีคงได้เงินเยอะน่าดู”
คุณหมอยิ้ม ไม่พูดอะไรเพิ่ม
“แล้วทำไมปีนี้ถึงมาได้ละ ปกติงานเลี้ยงรุ่นทีไรเห็นเบี้ยวตลอด”
“พอดีมีเคสที่เมืองไทย”
“บินมาโกยเงินละสิ”
คุณหมอยิ้มแหยๆ วิธานก็ยังเป็นวิธานคนเดิมจริงๆ
“รู้ยังว่าไอ้ไมค์มันได้รับรางวัลนะปีนี้”
“รู้แล้ว ... นับดาวเล่าให้เราฟัง”
“ฮั่นแน่! ยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ”
“ก็เพื่อนกันนี่”
“สามสิบกว่าปีแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ”
“อืมมมม”
“ที่ไม่น่าเชื่อกว่า ก็ไอ้ไมค์นี่แหละ มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง”
คุณหมอยิ้ม ภาพของไมค์เมื่อยี่สิบปีก่อน ลอยกลับเข้ามาในหัว
3. ...
“ไอ้ไมค์!!!” เสียงครูวิกรมตวาดดังลั่นห้อง
เด็กชายรูปร่างท้วม ผิวเข้ม ตัวใหญ่กว่านักเรียนทุกคนในชั้น ยืนนิ่งอยู่หน้ากระดาน เหงื่อไหลเปียกชุ่มไปทั้งตัวด้วยความกลัว
“เรียนอย่างมึงเนี่ย จบไปจะไปทำอะไรกับเค้าได้วะ ฮะ!”
ไมค์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก้มหน้านิ่งไม่ตอบ
“โง่เป็นควายอย่างนี้ เต็มที่ก็เป็นได้แค่โจรแหละมึงอ่ะ!” ครูวิกรมพิพากษาลูกศิษย์อย่างเผ็ดร้อน
ไมค์ยืนน้ำตาไหล ไม่มีเสียงร้อง พยายามข่มตัวเองไม่ให้มีแม้แต่เสียงสะอื้น
“มีใครจะรับอาสา สอนไอ้ไมค์ทุกเช้าได้บ้างมั้ย”
ทั้งห้องเงียบไปครู่ใหญ่
“ดูแล้วกัน ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่คิดว่าเอ็งไม่ได้เรื่อง” ครูวิกรมแสยะยิ้มใส่ไมค์ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ผมเองครับ ผมจะช่วยสอนการบ้านไมค์เอง” เด็กชายคนหนึ่งยกมือ
“ต่อไปนี้ 7 โมงเช้าของทุกวัน เอาการบ้านมาให้กวีเขาช่วยดู เข้าใจมั้ย!” ครูวิกรมหันไปขึ้นเสียงกับไมค์
“ครับ” ไมค์ตอบ ก่อนหันมามองเพื่อนหน้าห้อง คนที่เขาแทบไม่เคยได้คุยด้วยเลยสักครั้ง
4. ...
แขกเริ่มทยอยกันเข้ามาในงานเรื่อยๆ โต๊ะรุ่น 1 ที่จัดเตรียมไว้สี่ตัว ตอนนี้เหลือเก้าอี้ว่างแค่ 4-5 ตัว เขารู้สึกดีที่นับดาวและเพื่อนคนอื่นๆในห้องมาถึงแล้ว ทำให้เขาไม่ต้องนั่งคุยกับวิธานตามลำพังอีกต่อไป
แต่ก็นั่นแหละ ประโยคแรกที่เพื่อนทักทายเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากที่วิธานทักมากนัก
“อ้าว ... ทำไมปีนี้มาได้หละ”
“ลมอะไรหอบมาครับคุณหมอ”
“นึกว่าโกยเงินฝรั่งจนลืมเพื่อนจนๆไปแล้ว”
อาหารเริ่มวางลงตามโต๊ะ ผู้คนเริ่มทานกันไปคุยกันไป ส่งเสียงดังแข่งกัน จนบางครั้งต้องพูดกึ่งตะโกน และก็เหมือนทุกๆงานเลี้ยง ที่แทบไม่มีใครสนใจกิจกรรมบนเวทีสักเท่าไหร่
“ทำไมไมค์ยังไม่มา” เขาเอ่ยปากถามนับดาว
“มาแล้วนะ เห็นอยู่ด้านหลังเวที งานนี้เขาเป็นพระเอก คงต้องเตรียมตัวกันหน่อย”
“ไม่น่าเชื่อเนอะ”
“อะไรนะ”
“บอกว่าไม่น่าเชื่อ”
“เรื่องอะไร”
“ก็ไมค์ไง”
5. ...
“เราทำไม่ได้หวะ ยอมจริงๆ” เด็กชายร่างท้วมโยนปากกาลงบนโต๊ะ
“เฮ้ย! ใจเย็นๆสิ นายทำมาถูกเกือบหมดแล้ว ผิดตอนสุดท้ายนิดเดียวเอง”
“ก็นั่นแหละ ผิดนิดเดียว ก็ผิดทั้งหมดใช่ป่ะหละ”
กวีสังเกตเห็นน้ำตาของไมค์ไหลออกมาเป็นทางยาว จนรู้สึกสงสารเพื่อนจับใจ
“เราคงได้เป็นโจรอย่างที่ครูวิกรมว่าจริงๆ” ไมค์ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง
“นายเป็นคนจิตใจดี นายจะเป็นโจรได้ยังไง”
ไมค์นิ่งไปครู่หนึ่ง
“นายคิดอย่างนั้นเหรอ”
“จริงสิ! นายแค่ทำเลขไม่ได้ นายไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”
“คนไม่ดีหนะ ไม่เอาขนมอร่อยๆ มาแบ่งเพื่อนทุกเช้าหรอก”
“แค่เอาขนมมาให้เพื่อนทุกเช้า ก็เป็นคนดีแล้วเหรอ”
“อืมมม”
“ง่ายดีเนอะ!”
“มองโจทย์เลขเป็นขนมสิ”
“ยังไง”
“ก็อะไรที่ง่ายๆ เขาก็ว่า ‘ของกล้วยๆ’ หรือ ‘ขนม’ อะไรทำนองเนี้ย”
“มั่วแล้วนายอ่ะ”
“เราก็มั่วแบบนี้ตลอดแหละ”
“สอนเราบ้างสิ มั่วแล้วเรียนเก่งแบบนี้อ่ะ”
“ได้! งั้นเรามามั่วเลขกันต่อ”
ไมค์ยิ้ม หยิบดินสอขึ้นมา นั่งมองการบ้านของตัวเองอีกครั้ง
6. ...
มืออุ่นๆเอื้อมมาจับไหล่เขาทางด้านหลัง กวีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันหน้ากลับไปมอง ครูวิกรมนั่นเอง เขาลุกขึ้นยืนและไหว้อย่างนอบน้อม ครูแตะมือเขาเบาๆเป็นการรับไหว้
1
“ว่าไงคุณหมอ สบายดีนะ”
“สบายดีครับครู”
“ครูดูแข็งแรงขึ้นมากนะครับ”
“ก็ฝีมือคุณหมอนั่นแหละ ขอบใจมากนะที่ช่วยให้ครูให้ไม่ต้องนั่งรถเข็นไปไหนมาไหน”
“ด้วยความยินดีอย่างที่สุดครับ ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะครูครับ”
“ครูจะทักแต่เด็กเรียนเก่งเด็กหน้าห้องเหรอคะ เด็กเรียนปานกลางนั่งค่อนไปทางท้ายห้องอย่างหนู สงสัยครูจะลืมชื่อไปแล้ว” นับดาวก้มสวัสดีคุณครู
“เพิ่งเจอกันปีก่อน จะลืมได้ยังไง วันก่อนครูยังไปซื้อของร้านพ่อเธออยู่เลยแม่นับดาว”
เสียงหัวเราะพูดคุยของครูและลูกศิษย์ เรียกบรรยากาศวันคืนเก่าๆกลับมาได้อย่างง่ายดาย
“แล้วนี่เจอไมค์กันหรือยังหละ”
“ยังเลยครับครู”
“อีกสักครู่ก็คงจะขึ้นเวทีแล้วหละ”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะครู”
“ใช่! ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ”
ครูวิกรมมองขึ้นไปบนเวที พิธีการกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
7. ...
เด็กชายรูปร่างท้วมผิวคล้ำนั่งอยู่ตรงระเบียงห้องเรียน ในมือถือสมุดรายงานผลการเรียน
“มาอยู่นี่เอง ตามหานายตั้งนาน” กวีเอ่ยปากเมื่อหาเพื่อนเจอ
“เรียนจบซะทีเนอะ”
“อืมม ... จบแล้วนายจะเรียนต่ออะไรหละ”
“ไม่แล้วหละ เราขอแม่ไม่เรียนต่อ จะออกมาช่วยแม่ทำงานหนะ”
“อ้าว! เหรอ”
“นายต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่ เรามั่นใจ”
“อืมมม”
ไมค์ยื่นสมุดพกให้กวี
“เพราะนายเลยนะ เราถึงเรียนจบ”
“ไม่หรอก นายทำได้เองต่างหาก”
“ขอบใจมากเพื่อน”
กวีนิ่งไปสักครู่ “แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
“แน่นอน”
“แล้วเราจะได้ข้าวต้มมัดฝีมือแม่นายอีกมั้ยอ่ะ”
“ที่แท้ห่วงขนม”
เสียงหัวเราะแห่งมิตรภาพในวันนั้น ยังคงส่งเสียงกังวาลมาถึงค่ำคืนนี้
8. ...
พิธีกรประกาศชื่อ ‘ศิษย์เก่าดีเด่น” ประจำปี “วิรุฬ พลพา” หรือ ไมค์ เป็นศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ในฐานะนักธุรกิจแห่งปี จากการคัดเลือกของนิตยสารการเงินการธนาคาร ธุรกิจขนมไทยของเขาบุกตลาด AEC และยุโรป สร้างงานและสร้างรายได้เข้าประเทศปีละมหาศาล
วิรุฬ พลพา เดินขึ้นรับรางวัลจากผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน วิกรม พิมชาติ ก่อนกล่าวเป็นเกียรติแก่งานในวันนี้
ผมขอขอบคุณโรงเรียนที่ช่วยบ่มเพาะวิชาความรู้ให้กับผม ขัดเกลาผมให้เป็นคนดี โดยเฉพาะท่านผู้อำนวยการ ครูวิกรม ที่อบรมสั่งสอนจนผมได้ดิบได้ดีในวันนี้ และเพื่อเป็นการตอบแทนโรงเรียนอันเป็นที่รัก ผมขอมอบทุนการศึกษา 1 ล้านบาท ให้กับเด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสเรียนในระดับที่สูงขึ้นไป
หลังจบคำกล่าว เสียงปรบมือดังทั้งห้องประชุม เพื่อนๆรุ่นหนึ่งลุกขึ้นยืนปรบมือให้อดีตเด็กชายร่างท้วม ผิวเข้มคนนั้น ใครบางเห็นน้ำตาของครูวิกรม
9. ...
21.00 น. กวีลาเพื่อนๆ และครู เดินออกมาเงียบๆ เขารู้สึกเสียดายท่ีไม่มีโอกาสได้คุยกับไมค์ เพราะหลังลงมาจากเวที ทั้งครูและเพื่อนๆ ต่างพากะนเข้าไปทักทายและห้อมล้อมเขา ไม่นับรวมนักข่าวอีกจำนวนหนึ่งที่รอทำข่าวไมค์อยู่ด้วย มีใครบางคนพูดกันว่า ไมค์ได้รับทาบทามจากพรรคการเมืองบางพรรค ให้ลงสมัคร สส. ในสมัยหน้าด้วย
กวีเดินมาถึงที่รถ กดรีโมทเปิดประตู
“ทำไมรีบกลับจังละ”
กวีหันไปเจอเพื่อนเก่า ทั้งสองโผกอดและจับไม้จับมือกันด้วยความดีใจ
“เราต้องกลับอเมริกาเที่ยงคืนนี้ ยินดีกับนายด้วยนะ เราดีใจด้วยจริงๆ”
“ขอบคุณมากเพื่อน นี่นามบัตรเรานะ ไว้คุยกัน”
“ได้เลย”
“เออ ... รอแป๊บนะ”
ไมค์เดินกลับไปที่รถ กลับมาพร้อมขนมในมือหลายถุง
“เดี๋ยวนี้ข้าวต้มมัดเขาไม่ห่อใบตองแล้วนะ ใส่กล่องแพคเกจใส่แบบนี้เลย ส่วนนี้ก็ขนมกล้วย ขนมตาล ก็อย่างละนิดละหน่อย”
“พกขนมติดรถประจำเลยเหรอ”
“เปล่า! เราได้ยินจากนับดาวว่านายจะมา เลยเตรียมมาฝาก แม่เราฝากความคิดถึงมาถึงนายด้วยนะ”
“ในที่สุด นายก็ไม่ได้เป็นจอมโจรไมค์ แต่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ” กวีย้อนคำพูดครูวิกรมทวนความหลัง
“อยากจะบอกว่าขายขนมไทยนี่ง่ายกว่าทำโจทย์เลขตั้งแยะ!!” เพื่อนสนิทในวัยเด็กระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“เดินทางปลอดภัยนะเพื่อน กลับเมืองไทยเมื่อไหร่โทรหากันบ้างนะ”
“แน่นอน! ...”
กวีขับรถออกจากโรงเรียนด้วยหัวใจพองโต การได้พบเพื่อนสนิทที่ห่างกันไปหลายปีเหมือนดึงวันคืนที่เคยสร้างวีรกรรมร่วมกันกับมา ยิ่งได้เห็นไมค์เป็นอย่างทุกวันนี้ ยิ่งทำให้เขามีความสุขและดีใจอย่างมาก ที่วันนั้นเขาตัดสินใจยกมือขออาสา
ไมค์ไม่ได้เป็นโจรอย่างที่ครูวิกรมทำนายไว้ ตรงกันข้าม เขาประสบความสำเร็จในแบบของตัวเอง
ความเป็นเลิศทางการศึกษาที่คนกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ออกแบบขึ้น ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ... สามสิบกว่าปีของเขา ไมค์ และเพื่อนๆ ได้ตีตกความเชื่อน้ันไปแล้ว
น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ ยังมีคนหลงในมายาคตินั้น
" หวังว่าทุกท่านได้อ่านแล้วจะรู้สึกเหมือน " "ได้ย้อนวันวานเหมือนผมนะครับ"
เขียนโดย : TheMoneyCoachTH
แชร์โดย : GoodStory
หากมีปัญหาที่ระบาย
ปรึกษาใครไม่ได้
ผมพร้อมที่จะรับฟัง
และเป็นที่ปรึกษาให้ได้นะครับ
‼️ไม่คิดตังค์ ‼️
อยากเห็นพี่น้องผู้อ่านมีความสุขมากขึ้น มาสร้าง GoodStory กันนะครับ😊💕❤️
ฝากกดLike 👍
กดShare 👉
Comment เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ 💕
โฆษณา