19 ก.พ. 2020 เวลา 00:37 • กีฬา
แพ้เป็นแล้ว! หมี เปิดถ้ำเชือด หงส์ 1-0 ไปลุ้นกันต่อเลก2ที่แอนฟิลด์
สัปดาห์แห่ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับมาแล้วสำหรับรอบ 16 ทีมสุดท้าย ลิเวอร์พูล แชมป์เก่า กลับไปเยือน เอสตาดิโอ ว่านต๋า เมโตรโปลิตาโน่ สนามแห่งความทรงจำเมื่อครั้งชูโทรฟี่แชมป์ยุโรปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ครั้งนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากับ แอตเลติโก มาดริด เจ้าของสังเวียน
แอตฯ มาดริด ปรับ 3 ตำแหน่งจากเกมเสมอ บาเลนเซีย 2-2 ซิเม่ เวอร์ซัลโก้, โตมาส์ เลอมาร์ และ อัลบาโร่ โมราต้า ถูกเรียกมาเป็นตัวจริงแทนที่ ซานติอาโก้ อารีอาส, มาร์กอส ยอเรนเต้ และ บิคตอร์ มาชิน "บีโตโล่" ขณะที่ ดีเอโก้ คอสต้า ผ่านฟิตมีชื่อบนม้านั่งสำรองด้วย
ในระบบ 4-4-2 แยน โอบลัค รับหน้าที่ผู้รักษาประตู แบ็กโฟร์เลือก ซิเม่ เวอร์ซัลโก้, เฟลิเป้, สเตฟาน ซาวิช และ เรแนน โลดี้
แดนกลางจัด โกเก้ ผนึกกำลังเคียงข้าง โธมัส พาร์เตย์ เกมริมเส้นเป็น ซาอูล ญีเกซ กับ โตมาส์ เลอมาร์ คู่กองหน้าใช้บริการของ อัลบาโร่ โมราต้า กับ อังเคล กอร์เรอา
ลิเวอร์พูล ปรับ 2 จุดจากเกมบุกทุบ นอริช ซิตี้ 2-0 นาบี เกอิต้า กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กลับไปเป็นตัวสำรองเปิดทางให้ ฟาบินโญ่ กับ ซาดิโอ มาเน่ กลับมาเป็นตัวจริง
ตามแผน 4-3-3 อลีสซง เบ็คเกอร์ รับผิดชอบหน้าปากประตู แนวรับชุดแกร่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
ฟาบินโญ่ กลับมายืนมิดฟิลด์ตัวต่ำ ขนาบด้วย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม แดนหน้าได้ใช้งาน 3 เทพพร้อมหน้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่
เริ่มเกมไปเพียง 4 นาที เจ้าบ้านได้ประตูนำเร็วจากลูกเตะมุมฝั่งขวา โกเก้ โยนไปหน้าประตูก่อนแฉลบ ฟาบินโญ่ กระเด้งมาเข้าทางปืน ซาอูล แประยะเผาขนผ่านการป้องกันของ อลีสซง เป็นประตูนำ 1-0
ทั้งนี้ "ตราหมี" ไม่แพ้ในเกมที่ ซาอูล ใส่สกอร์ได้มา 36 นัดแล้ว (ชนะ 32 เสมอ 4)
ลิเวอร์พูล ดูต่อเกมกันไม่ติด เล่นกันดูเกร็งๆ แบบแปลกๆ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้บรรจงครอสจากกราบขวาแต่ดันเปิดหลุดวิถีแบบไม่น่าเชื่อ
นาที 26 เจ้าถิ่นเกือบบวกเพิ่มจากความผิดพลาดของ ฟาน ไดค์ เปิดทางให้ โมราต้า หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายไปล็อกหนี ฟาบินโญ่ แล้วยิงด้วยขวาแต่ อลีสซง ออกมาบล็อกได้สวย
ไม่กี่อึดใจถัดมา ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูจากความผิดพลาดของคู่แข่งเหมือนกัน โอบลัค เคลียร์บอลพลาดไปเข้าทางปืน ซาลาห์ ที่เหมือนจับบอลลั่นแต่ยังมี ฟีร์มิโน่ ชิ่งคืนให้ ซาลาห์ ทะลุเข้าเขตโทษไปยิงนิ่มๆ แต่ไม่ได้ประตูเพราะ ฟีร์มิโน่ ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
"หงส์แดง" ได้เสียวใน นาที 35 ฟีร์มิโน่ พลิ้วหนี 2 แข้งแอต. มาดริด ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ ซาลาห์ ตวัดยิงด้วยซ้าย วิถีบอลพุ่งเข้ากรอบชัดเจนอาจได้ลุ้นเสียบมุมบนซ้ายแต่ เฟลิเป้ ใช้ศีรษะบล็อกส่งบอลเกินข้ามคานออกไป
45 นาทีแรกจบลงไป แอตฯ มาดริด นำ 1-0 ต้องบอกเลยว่าเจ้าบ้านเตรียมความพร้อมมาอย่างดี แล้วพอได้ประตูนำเร็วก็ยิ่งเข้าทางเพราะสามารถถอยมาตั้งรับลึก ส่วน ลิเวอร์พูล ดูเล่นไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไร ยิ่งพอเจอบอลหนักและลูกแซะจากแข้ง "ตราหมี" ตลอดทั้งครึ่งแรกด้วย
กลับมาต่อครึ่งหลัง ทั้งคู่ต่างเปลี่ยนตัว แอตฯ มาดริด เลือกส่ง มาร์กอส ยอเรนเต้ ลงมาแทน เลอมาร์ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ทำช็อกกว่าด้วยการถอด มาเน่ ที่ไม่รู้ว่ามีอาการบาดเจ็บหรือเปล่าแล้วส่ง ดิว็อค โอริกี้ ลงไปลุยแทน
นาที 53 "หงส์แดง" น่าได้ประตูตีเสมอ โกเมซ พาบอลลุยขึ้นมาเองก่อนเปิดจากกราบขวาไปเสาไกล ซาลาห์ ได้เทกตัวโหม่งโล่งๆ หลุดเสาซ้ายมืออย่างน่าผิดหวัง
ชั่วโมงแรกผ่านไป 8 นาที แอตฯ มาดริด พลาดโอกาสทองเมื่อ โลดี้ ลุยขึ้นมาทางซ้ายแล้วหักเข้ากลางให้ โมราต้า วิ่งเข้ามาเตรียมยิงแบบไม่มีตัวประกบแต่ดันลื่นล้มส่งบอลหลุดไปไกลอย่างน่าผิดหวัง
นาที 70 เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวเพิ่ม บิคตอร์ มาชิน "บีโตโล่" ลงไปแทน โมราต้า
ให้หลังนาทีเดียว "ตราหมี" เกือบได้เพิ่มจากจังหวะที่ โลดี้ เลือกตะบันไกลด้วยซ้ายจากระยะร่วมๆ 30 หลาพุ่งหลุดสามเหลี่ยมขวามือไปไม่ไกล
นาที 73 ทีมเยือนเกือบได้ลูกตีเสมอ โอริกี้ ครอสจากกราบขวาเข้ากลาง เฮนเดอร์สัน ตวัดยิงฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยขวาพุ่งผ่านเสาซ้ายมือไปนิดเดียว
ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวเพิ่มเหมือนกัน ซาลาห์ โดนถอดออกไปอีกราย โดยส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงไปแทน
นาที 77 เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ดีเอโก้ คอสต้า ลงมาแทน กอร์เรอา
นาทีถัดมา เฮนเดอร์สัน ล้มไปนอนกับพื้นสนามหลังมีอาการบาดเจ็บ และถูกเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุดให้ เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาแทน
ช่วงเวลาที่เหลือ "หงส์แดง" พยายามบุกหวังยิงตีเสมอแต่ก็ทำไม่สำเร็จ "ตราหมี" ยันสกอร์ไว้ได้จนจบเกมก่อนเฉือนชนะ 1-0 กุมความได้เปรียบไว้ก่อนสำหรับการจะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ
ต้องชื่นชม แอตฯ มาดริด สำหรับการเล่นด้วยระเบียบวินัยอันเป็นจุดแข็งของพวกเขาเองอยู่แล้ว บวกกับการได้ประตูนำเร็วเลยถอนกำลังมาเน้นตั้งรับแล้วรอสวนกลับเร็วได้ตามถนัด แต่น่าเสียดายที่ โมราต้า ยังเรียกความคมของตัวเองกลับมาไม่ได้
แต่นอกจากระเบียบวินัยสูงแล้ว "ตราหมี" ยังเล่นบอลตุกติกอย่างที่เรารู้กันดี มีจังหวะตอดนิดตอดหน่อยตลอดทั้งเกม แถมยังมีลูกแอ็คติ้งเรียกฟาวล์ ไม่แปลกใจว่าทำไม แอตฯ มาดริด ถึงเป็นทีมจอมเคี่ยวขนาดนี้
ทว่า ลิเวอร์พูล ก็เล่นกันไม่ออกจริงๆ ด้วยแหละ ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศหรือความกดดันหรืออะไรก็ตาม แต่พวกเขาดูเล่นไม่เป็นตัวเอง
จังหวะที่เสียประตูก็แสดงให้เห็นถึงความไม่มีระเบียบในการจัดแนวรับเลย มันเป็นเกมที่ทุกพื้นที่ของ ลิเวอร์พูล ไม่มีใครแสดงผลงานโดดเด่นออกมา
แนวรับก็มีจังหวะผิดพลาด ฟาน ไดค์ ก็ยังมีหลุดโหม่งพลาดไปให้ โมราต้า เกือบตะบันประตูนำห่าง
ส่วนแดนหน้าอุตส่าห์ได้ 3 เทพกลับมาพร้อมหน้า แต่ทุกคนเงียบเชียบเหลือเกิน การยิงไม่ตรงกรอบแม้แต่หนเดียวบ่งบอกได้ว่าอานุภาพเกมรุกของ "หงส์แดง" ต่ำกว่ามาตรฐานในเกมนี้
มาเน่ โดนเปลี่ยนตัวออกไปตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง โดยเกมนี้เจอ เวอร์ซัลโก้ ตามประกบไม่ห่าง กระทบกระทั่งกันบ่อยๆ จนโดนใบเหลืองไปด้วย ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนตัวเพราะกลัวจะกลายเป็นใบแดง
ซาลาห์ ก็โดนเปลี่ยนออกไปเหมือนกัน การถอด 2 จาก 3 เทพออกจากสนามแสดงให้เห็นว่าเกมรุกทำผลงานน่าผิดหวังอย่างแท้จริง
นอกจากต้องพบความปราชัยก่อนแล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องมาลุ้นอาการบาดเจ็บแฮมสตริงของ เฮนเดอร์สัน อีกด้วย ไม่รู้ว่าจะต้องพักนานขนาดไหน เพราะช่วงหลังๆ มานี้ เขาเป็นกระดูกสันหลังของทีมเลยล่ะ
ทว่าเกมนอกบ้านในถ้วยนี้ของ ลิเวอร์พูล จะมองว่าเป็นจุดอ่อนก็ได้เพราะไม่ชนะมาก็บ่อย แต่ในเกมต่อไป พวกเขาจะได้กลับไปเฝ้ารัง แอนฟิลด์
บาร์เซโลน่า ที่เคยตุนสกอร์ 3-0 ยังม่อยกระรอกมาแล้วเมื่อก้าวเท้าลงสู่ แอนฟิลด์ ดังนั้น ความปราชัย 0-1 ยังไม่ได้ทำให้ ลิเวอร์พูล จ่อตกรอบหรอก เชื่อได้เลยว่าบรรยากาศใน แอนฟิลด์ ในเกมรับมือ "ตราหมี" จะเป็นยิ่งกว่านรกสำหรับทีมเยือนแน่นอน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา