Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
NITCHAKARNア
•
ติดตาม
26 ก.พ. 2020 เวลา 07:11 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อแผนในอนาคตไม่เคยเป็นไปตามแผน
ทำไมการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมถึงไม่ค่อยสำเร็จ
คำตอบนั้นอยู่ใกล้ในสมองของทุกคน
[3 mins read]
คำตอบสั้นๆ คือ เรามองไม่เห็นค่ะ
“สมองของมนุษย์เราไม่ได้วิวัฒนาการมาให้มองอนาคต”
เดเนียล กิลเบิร์ต อาจารย์จิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาด
สมองของมนุษย์จะเก่งในการมองเห็นภัยใกล้ตัวที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทันที
แต่มองไม่เห็นสัญญาณที่ค่อยๆ มาทีล่ะนิด อย่าง Climate change
เหมือนกับการที่เวลาครูสั่งให้ทำงานส่งอาทิตย์หน้า
เราก็มักจะรอจนวันสุดท้ายหรือคืนสุดท้ายแล้วจึงค่อยทำ
แต่ถ้าเรากำลังนั่งคุยอยู่ข้างสนามบอลแล้วมีลูกบอลพุ่งมาทางเรา
เราจะรู้ได้ทันทีว่าต้องหลบไปทางไหนถึงจะไม่โดน
คุณกิลเบิร์ตแบ่งวิธีการ “รับรู้” ภัยอันตรายของมนุษย์เป็น 4 แบบ
(1) ภัยมาจากสิ่งมีชีวิต
(2) เกี่ยวข้องกับจริยธรรม ศีลธรรม
(3) ภัยแบบระยะสั้น ไม่ใช่ ระยะยาว
(4) ภัยแบบทันที ไม่ใช่ ค่อยๆ มา
(1)
ภัยจากสิ่งมีชีวิต เช่น สุนัขวิ่งไล่ หรือมนุษย์ไล่แทง
เราจะรู้ได้ทันทีว่าต้องหนีหรือสู้ (ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล)
โดยเฉพาะภัยที่มีใบหน้าให้เห็นจะยิ่งง่ายต่อสมอง
ในการระบุว่าเป็ยภัยรึเปล่า เพราะสมองจะเก่งในเรื่องอ่านสีหน้า
เช่น เวลาโกรธคิ้วจะหย่นเข้ามาติดกัน ปากจะโค้งลง หน้าจะแดง
เราก็จะระวังตัวโดยอัตโนมัติ หรือ ถอยห่างจากคนนั้น
อีกตัวอย่างที่เห็นในสังคมคือ การก่อการร้าย
ซึ่งมักจะได้ยินข่าวมาจากฝั่งตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลาม
คนเราก็เกิดอคติว่าคนที่มีใบหน้าแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้คือต้องระวัง
หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่าง การระบาดของ COVID-19
ประเทศตะวันตกก็มีอคติขึ้นมาว่า ใบหน้าคนตะวันออกต้องระวัง
สมองเราเก่งในการมองเห็นใบหน้ามาก
จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเรามองเห็นใบหน้าบนก้อนเมฆได้
แต่ไม่เคยเห็นก้อนเมฆบนใบหน้า
(2)
สำหรับเรื่องจริยธรรม เช่น การหลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การแต่งงานเพศเดียวกัน
หรือที่มักเห็นเป็นข่าวในต่างประเทศอย่างการเผาธงชาติ
เรื่องพวกนี้เราจะเห็นคนโกรธ ลงไม้ลงมือ ใช้ความรุนแรง
เพราะว่ามันโจมตีในระดับของจริยธรรม
ซึ่ง Climate change ไม่ได้ทำอะไรกับจริยธรรมของเรา
ทำให้เราเองก็ไม่ได้ทำอะไรกับ Climate change เช่นกัน
(3)
สมองเราไม่เก่งในการรับมือปัญหาระยะยาว
ถ้าเกมมือถือมีภารกิจให้เราทำแล้วจบในอีกหนึ่งอาทิตย์
น้อยคนที่จะทำให้เสร็จตั้งแต่วันแรก
แต่ถ้ากิจกรรมมาเพียงแค่สองวัน
เราจะรีบทำให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่กับ Climate change ที่ปัญหาจะมาในอีก 50 ปี
ผ่านไป 20 ปี เราก็ยังรู้สึกธรรมดา ซึ่งเชื่อมโยงไปที่
(4)
ปัญหาแบบมาทีล่ะนิดนั้น เรามักจะตายใจ
ลองจินตนาการถึงคนถือมีด แล้วค่อยๆ เดินเข้ามา
โดยปกติเราก็คงค่อยๆ เดินถอยด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกับคนถือมีดนัก
คราวนี้เปลี่ยนจากค่อยๆ เดิน เป็นวิ่งเข้ามาอย่างเต็มฝีเท้า
เราก็ต้องวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตเช่นกัน จนอาจจะขาพันหกล้มแล้วโดนแทง
ปัญหา Climate change มีลักษณะที่ค่อยๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น
ในแต่ล่ะปี เราจะเห็นอุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่ถึงองศา
น้ำทะเลที่สูงขึ้นไม่ถึงเซนติเมตร
ลมที่แรงขึ้นอีกนิดหน่อย
เรามองไม่เห็นจุดเชื่อมโยงว่าปัญหาเล็กน้อยจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ยังไง
เราไม่รู้ว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 0.5 องศา คูณกับน้ำทะเล บวกกับลม
จะกลายเป็นพายุเฮอริเคนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้
น้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นบวกกับอุณหภูมิจะมีความเป็นกรดมากขึ้น
จนทำให้ปู กุ้งและปะการังมีชีวิตรอดไม่ได้
แต่ในช่วงเริ่มมีอารยธรรมมนุษย์เราเริ่มเรียนรู้เทคนิคการมองอนาคต
เช่น การเก็บเงินสำหรับวัยเกษียณ การวางแผนนัดหมายทำฟัน
“การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน”
ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตมากๆ
สมองมนุษย์จึงยังทำได้ไม่ค่อยจะดีนัก จำเป็นต้องมีตัวช่วย
ถ้าหากเราปล่อยให้ชีวิตไม่มีแผนก็อดนึกถึงเรื่อง Parasite ไม่ได้
เรื่องนี้มีการศึกษาในทางเศรษฐศาสตร์ ชื่อ Hyperbolic discounting
คือปรากฎการณ์ที่เรามักจะอยากได้รางวัลตอนนี้มากกว่าในอนาคต
เช่น ถ้าให้เลือกเอาเงิน 10,000 บาท ตอนนี้หรือ 11,000 บาทในสัปดาห์หน้า
คนส่วนใหญ่จะเลือกเอาเงิน 10,000 บาทตอนนี้มากกว่า
เช่นเดียวกัน ถ้าเรารู้ว่าน้ำจะท่วมหมู่บ้านในอีกเดือนข้างหน้า
เราจะไปซื้ออาหารมาตุนตั้งแต่วันนี้
แทนที่จะลงทุนพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วม
ที่อาจจะป้องกันความเสียหายของตัวบ้านและชีวิตในอนาคตได้
ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นการยากที่มนุษย์จะทำให้แผนไปข้างหน้าได้
ถ้าปราศจากขั้นตอน และสำเร็จได้ถ้าปราศจากความตั้งใจ
มนุษย์จึงมีการพัฒนาเครื่องมือช่วยจดบันทึกอย่างกระดาษ
นักวิทยศาสตร์วัดผลด้วย computer simulation
วิศวกรปรับแผนด้วย Artificial intelligence (AI)
ทั้งหมดทำไปเพราะเราอยากเห็นอนาคตด้วยตาสักครั้งหนึ่ง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้วเราไม่ควรปล่อยให้ “ชะตาฟ้าลิขิต”
แต่เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่ออนาคตที่ดีกันดีกว่าค่ะ
ในบทความหน้าเรามาดูกันว่า ญี่ปุ่น ทำไมถึงเป็นประเทศอันดับหนึ่ง
ในเอเชียที่มีสิ่งแวดล้อมดีกว่าใคร และเขาแก้ปัญหาได้ยังไงค่ะ
Reference
Humans Wired to Respond to Short-Term Problems. Retrieved from
https://www.npr.org/templates/story/story.php?storyId=5530483
Foy, G.M. (2018, Jun 25) Humans Can't Plan Long-Term, and Here's Why. Retrieved from
https://www.psychologytoday.com/us/blog/shut-and-listen/201806/humans-cant-plan-long-term-and-heres-why
บันทึก
2
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย