27 ก.พ. 2020 เวลา 08:39
Hepatitis B
ในเช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการคลื่นไส้ อาเจียนเล็กน้อย ซึ่งมันไม่มีอะไรออกมาเลยจากกระเพาะอันว่างเปล่า ในเมื่อเมื่อคืนไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย นอกจากแอลกอฮอร์อันหอมหวาน กับของทานเล่นเล็กน้อย
อาจคงเป็นเพราะธรรมเนียมปฎิบัติ ทุกค่ำคืนวันศุกร์ต้องปาร์ตี้สรรสังค์ และในบางครั้งก็อาจได้สาว ๆ สวย ๆ ติดสอยห้อยตามกลับคอนโดบ้าง ตามประสาคนที่หน้าตาดีอย่างผม (ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะ 555++)
www.paolohospital.com
แต่วันนี้ผมจ้องมแงใบหน้าอันหล่อเหลาในกระจก มันให้รู้สึกว่าใบหน้าและดวงตาจะแปลก ๆ ไป ด้วยความตกใจจึงรีบสำรวจตามแขนและขา ก็ต้องตกใจอีกครั้ง เห้ย... ร่างกายผมทำไมมันซีด เหลือง อย่างนี้ซึ่งผมเป็น่คนที่ผิวค่อนข้างขาวจึงสังเกตุได้ง่าย
ผมได้แต่คิดในใจว่าคงต้องแพ้อะไรสักอย่าง ใช้ผมกำลังหลอกตัวเอง เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้กินอะไรที่แตกต่างไปจากทุกครั้ง
โอ้ยย.....วันหยุดสุดสัปดาห์ของผมต้องหมดไปกับที่โรงพยาบาล แทนที่จะได้นอนตีพุงดูซีรี่ย์อยู่ที่ห้อง
ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างมิดชิด เพื่อปกปิดครวมผิดปกติบนเรือนร่างและใบหน้าที่แสนจะซึดผิดปกติออกจะเหลือง ๆ เสียด้วยซ้ำ
ผมถึงโรงพยาบาบในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โชคดีที่วันนี้คนไข้ดูบางตา ทำให้ไม่ต้องมานั่งรอคิวนาน ณ ตอนนี้จิดใจของผมไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว เพราะกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของผมในตอนนี้
" เชิญคุณมีฤทธิ์ ไกลโรค พบแพทย์ห้องตรวจ 5 คะ " เสียงของผู้ช่วยแพทย์เรียกชื่อผมทำให้คนในบริเวณนั้นต่างหันมามอง ก็ทั้งชื่อและนามสกุลไม่ควรมาอยู่ที่โรงพยาบาลในตอนนี้
หัวใจของผมเต้นแรงมากเมื่อก้าวเข้ามาในห้องตรวจ ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าเป็นโรคอะไรที่ร้ายแรงเลย
" เห้อ.... " ผมถอนหายใจยาว ๆ คิดว่าหมอคงไม่ได้ยิน
" สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ " คุณหมอทักทายตามมารยาท " ไหนอาการเป็นยังไงเล่าให้หมอฟังหน่อยครับ "
" ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าเป็นอะไร เมื่อเช้าตื่นขึ้นมารู้สึกมีไข้นิดหน่อย ตัวเหลือง ตาเหลืองอย่างที่คุณหมอเห็นนั้นแหละครับ " ผมถกแขนเสื้อให้คุณหมอได้เห็นอย่างชัด ๆ หมอดูอย่างพินิจพิจารณา
" มีอาการปวดตามข้อ ตามกระดูกบ้างไหมครับ " คุณหมอยิงคำถามพลางจับแขนพลิกไป มา ถ่างตาคู่สวยของผมก่อนใช้ไฟฉายส่อง
" รู้สึกปวดบ้างเล็กน้อยครับ เมื่อเช้ามีอาเจียนด้วยครับ " ผมบอกไปตามความจริง
" ในครอบครัวมึใครเคยมีประวัติเป็นไวรัสตับบ้างไหมครับ "
" เท่าที่ผมรู้ไม่มีนะครับ " ผมหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป เพราะผมแน่ใจว่าคนในครอบครัวสุขภาพแข็งแรงกันทุกคน ไอสักแอะให้ได้ยินก็ยังไม่เห็นได้ยิน
" หมอขอตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุหน่อยนะครับ "
" ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงใช้ไหมครับ " เมื่่อคุณหมอขอเจาะเลือด ใจผมก็ร่างลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยทีเดียว
" เรื่องนี้หมอยังไม่สามารถฟันธงได้ ต้องรอผลเลือด ตามพยาบาลไปห้องเจาะแล้วรอฟังผลประมาณ 1-2 ชม. นะครับ "
ผมเดินตามพยาบาลไปอย่างว่าง่าย ขณะที่รอฟังผลในผมก็ไม่สุขสงบ เลยนั่งสอบถามผู้เชี่ยวชาญอย่าง อากู๊ (google) เมื่อผมเซิร์ทคำว่า " อาการตัวเหลือง " ยิ่งทำให้ผมกังเวลเข้าไปใหญ่ ก็มันเป็นหลายโรคเหลือเกิน ถ้าคุณอยากรู้ว่าเป็นอาการของโรคอะไรบ้างลองไปเซิร์ทหาดูได้นะครับ ผมจึงตัดปัญหาโดยการ วางโทรศัพท์ ตั้งสมาธิรอฟังผลจากปากของหมอดีกว่า
เวลาผ่านไป 1 ชม. พอดิบพอดี
" เชิญคุณมีฤทธิ์ ไกลโรคพบแพทย์ห้องตรวจ 5 ค่ะ " เสียงพยาบาลคนเดิมเรียกชื่อผม เดินตามเข้าไปอย่างรู้ชะตากรรม ไม่เป็นโรคใดก็โรคหนึ่งที่ผมนั่งเซิร์ทหาเมื่อสักครู่นี้แน่
" คุณคงหาข้อมูลของอาการที่คุณเป็นมาและเนาะ " คุณหมอพูดไปตาก็มองที่คอมพิวเตอร์ นอกจากเป็นหมอยังเป็นหมดดูอีกนะ ผมคิดในใจ
" ถึงดูก็ไม่รู้อยู่ดีมีหลายโรคเต็มไปหมด " ผมตอบไปตามความจริง
คุณหมดหันมาสบตาผม ผมใจเต้นตุ๊บ ๆ จนจะกระเดนออกมาด้านนอกอยู่แล้ว ผมรู้สึกได้ว่าเวลาในห้องตรวจมันช่างยาวนานซะเหลือเกิน
" คุณติดเชื้อไวรัศตับอักเสบ ชนิด บี ระยะเฉียบพลัน "
สิ้นเสียงหมอผมรู้สึกหน้าผมเหว๋อไปนิดหน่อย ในใจมีแต่คำถาม เป็นได้ไง ที่บ้านไม่มีใครเป็น แล้วมันไปติดมาจากใคร ที่ไหน
" คุณเที่ยวบ่อยแค่ไหน " คุณหมอยิงคำถามใส่ผมอีกครั้ง
" เกือบทุกอาทิตย์ครับ "
" แสดงว่าคุณยังโสด "
" ผมโสดมา 5 ปีแล้วครับหมอ "
" มีเซ็กส์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่่ "
คุุณหมอยิงคำถามแบบนี้เล่นเอาผมสตั๊นไปชั่วขณะ ผมครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ผมยังไม่ทันจะได้อ้าปากตอบ คุณหมอก็ยิงคำถามอีก 1 ชุด
" มีเซ็กส์ทุกครั้งได้ป้องกันบ้างไหมครับ "
" ก็ป้องกันบ้างไม่ป้องกันบ้างครับ แล้วแต่สถานการณ์ครับคุณหมอ " ผมตอบไปตามความจริง ก็ในบางครั้งมันฉุกเฉินจริง ๆ ผมว่านักเที่ยวและเป็นเสือผู้หญิงหลาย ๆ คนคงจะรู้ดี " แต่ผมก็ตรวจเลือดทุก 6 เดือนนะครับ " ผมแย้งคุณหมอไปอย่างนั้น
" ผมถือว่าคุณโชคดี ต่อไปควรป้องกันหรือไม่ก็ควรพกถุงยางติดกระเป๋าไว้บ้าง คราวหน้าคูณอาจไม่โชคดีก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะชายโสดที่ชอบเที่ยวอย่างคุณ "
คุณหมอใส่เป็นชุดเลย แต่ผมก็ยอมรับว่าผมสับเพล่าในเรื่องนี้จริง ๆ
" คุณโชคดีจาก HIV แต่ไม่รอดจาก HBV แล้วอย่างนี้จะเรียกโชคดีได้อีกไหม "
" แล้วมันร้ายแรงกว่า HIV หรือเปล่าครับ " ผมถามด้วยความสงสัยจริง ๆ เพราะโรคนนี้ผมเคยได้ยินแค่ผ่าน ๆ แต่ไม่ค่อยได้สนใจ ก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอกัยตัวเอง
" มีคนไข้รอคิวอีกไหมครับ " คุณหมอมองนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนหันไปถามพยาบาล
" คนไข้ของคุณหมอหมดแล้วค่ะ "
" เอาอย่างนี้ดีกว่า แทนที่จะถามว่าโรคไหนร้ายแรงกว่ากัน มาฟังว่ามันเกิดขึ้นมาจากไหน อะไรเป็นตัวก่อโรคชนิดนี้ แล้วให้คุณไปคิดเอาเองว่าโรคไหนร้ายแรงกว่ากัน หรือควรจะป้องกันไม่ให้เป็นโรคเลย มากว่านะครับ " คุณหมอพูดเหมือนให้ผมคิดตาม ผมได้แต่แย้งในใจว่า คงไม่มีมนุษย์หน้าไหนทีอยากจะเป็นโรคกันเล่า ก็เจ็บป่วยมันเป็นเรื่องธรรมดา
" แต่ผมก็ยังคิดไม่ออกว่าไปพลาดตอนไหน " ผมถามออกไป ก็คนมันนึกไม่ออกนี่หว่า
" โรงทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้มีแค่ hiv แต่ยังมีอีกหลายโรค เช่น ซิฟิลิส เริม หูดหงอนไก่ หนองใน และอีกมากมายหลายโรคที่ควรต้องระวัง ยิ่งนักดื่ม นักเที่ยวราตรีอย่างคุณ ดีไม่ดีอาจเป็นโรคตับแข็งได้เลยนะ "
คุณหมอน่าตาดีดีนี่ปากร้ายทุกคนเลยไหม ผมได้แต่สบถในใจ ฟังเพื่อเพิ่มความรู้สักหน่อย ถึงความรู้ในสมัยนี้จะอยู่ในมือถือ แต่ในบางเรืองการฟังก็เข้าใจง่ายกว่าการอ่านนะ
" ตัวไวรัสที่แฝงอยู่ในตัวคุณเนี๊ย คือ Hepatitis B หรือ ไวรัสตับอักเสบชนิด บี "
" ถ้ามีชนิด บี ก็แสดงว่าต้องมีมากกว่า 1 ชนิดใช้ไหมครับ " ผมถามขึ้นด้วยความปากไว
" ถูกต้องถ้าคุณมเวลาหมอจะอธิบายเพิ่มเติมให้จะได้ป้องกันตัวเองให้ดีกว่านี้ "
ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้ ก่อนที่คุณหมอจะปลดผ้าที่ปิดปาก ปิดจมูกไว้ออก โอโห่ คนอะไรดูดีเป็นบ้า โค-ตะ-ระ หล่อ แค่มองผ่านหน้ากากอนามัยก็คิดอยู่หลอกว่าต้องดูดีในระดับหนึ่งแต่ไม่คิดว่าจะปานเทพบุตร เล่นเอาผมชิดซ้ายไปเลย ผมรีบเรียกสติกลับคืนมาก่อนที่จะคิดอะไรถล่ำลึกไปมากกว่านี้
" ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้ผ่านทางน้ำเลือด น้ำเหลือง และน้ำคัดหลั่ง ยิ่งถ้าคุณไปมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ป้องกันให้ดี ถ้าคู่นอนของคุณมีเชื้อชนิดนี้อยู่ ก็ไม่ต้องแปลกใจที่คุณอาจมีโอกาสรับเชื่้อมาด้วย และถ้าองคชาติมีแผลหรือลอยถลอกโอกาสที่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายก็ยิ่งหมู ๆ "
ผมนั่งนึกภาพตาม
" นอกจากจะติดจาการมีเพศสัมพันธ์แล้ว การใช้เข็มร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเข็มสักหรือเข็มฉีดยาก็สามารถติดต่อได้เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าใครมีเชื้อไวรัส หรือไม่มี ของแบบนี้มันดูด้วยตาไม่ได้ บางคนภายนอกดูแข็งแรงแต่ใครจะไปรู้ว่าภายในนั้นป่วยขนาดไหน "
ผมได้แต่พยักหน้ารับ หงึก ๆ ๆ ๆ แต่ก็พอจะสรุปได้คราว ๆ ดังนี้ครับ
ไวรัสตับอักเสบชนิด บี (Hepatitis B) สามารถติดต่อได้หลายช่องทาง
*การติดต่อทางเพศสัมพันธ์
*การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
*การใช้เข็มสักและเข็มเจาะหูร่วมกัน
*การใช้แปรงสีฟันหรือมีดโกนและที่ตัดเล็บร่วมกัน
*การติดจากแม่สู่ลูก (ลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
*การสัมผัสกับน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำคัดหลั่งโดยผ่านทางบาดแผล
*การถูกเข็มหรือของมีคมที่ทำงานบาด
" อย่างนี้ถ้าใช้แก้วน้ำหรือกินข้าวโดยไม่ใช้ช้อนกลางก็มีสิทธิ์เสี่ยงด้วยไหมครับ "
" เป็นคำถามที่ดีมาก ๆ "
ผมยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนตรงหน้าที่ชมผม อิอิ
" ไวรัสชนิดนี้ไม่ติดต่อทางลมหายใจ อาหาร น้ำดื่มหรือการจูบ ยกเว้นมีแผลในปาก " คุณหมอบอกว่าอย่างนั้น
" รอรับยาแล้วกลับบ้านได้เลยนะครับ 7 วันอาการไม่ดีขึ้นก็กลับมาให้หมอตรวจอีกรอบนะครับ " คุณหมอทื้งท้ายก่อนให้ผมไปรับยาที่ห้องจ่ายยา ส่วนในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้หายไวไว ไม่อยากเป็นไม่อยากกลับมาโรงพยาบาล ไม่ชอบโรงพยาบาล ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ไม่ชอบกลิ่นในโรงพยาบาลเหมือนผม
อ้อ ... คุณหมอฝากบอก
สำหรับการรักษาแบ่งออกเป็น 2 ระยะด้วยกัน
***ระยะเฉียบพลัน สามารถหายได้เอง แค่พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีโภชนาการสูง และดื่มน้ำให้มาก ๆ
***ระยะเรื้อรัง ระยะนี้จำเป็นต้องได้การรักษาเพื่อลดความเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคตับที่รุนแรง และป้องกันไม่ให้แพร่ไปสู่ผู้อื่น โดยการใช้ยาต้านไวรัส และการผ่าตัดเปลี่ยนตับขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วย
หากปล่อยไว้โดยไม่ทำการรักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อน จะกลายเป็นตับแข็ง ตับวายและอาจเป็นมะเร็งตับได้ ซึ่งเกิดจากเซลส์ตับถูกทำลายและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เมื่อถึงขั้นนี้จะต้องมีการเปลี่ยนตับหรือปลูกถ่ายตับใหม
ผมว่าโชคยังเข้าข้างผมอยู่บ้างที่ไม่ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ และจะไม่ใช่เราที่ลำบากคนในครอบครัว ที่สำคัญ พ่อ แม่ ต้องมานั่งเฝ้าไข้ไม่เป็นอันกินอันนอน
" เชื่อผมเถอะป้องกันเพียงอย่างเดียวไม่พอต้องหมั่นเช็คสุขภาพด้วยนะครับ"
ถ้าชอบกด " ไลค์ "
ถ้าใช้กด " แชร์ "
ไม่พลาดเรื่องราวดีดี กด " ติดตาม "และร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นได้นะครับ
โฆษณา