7 มี.ค. 2020 เวลา 07:55 • การศึกษา
Post ครั้งนี้ เป็น Post ที่เกิดจาก
การสังเกตสังคมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ทำให้เกิดความเข้าใจอะไรบางอย่าง
และการ share ครั้งนี้ต้องการเขียนเก็บเอาไวอ่านในอนาคต
และ แบ่งปันความเข้าใจให้กับคนรอบข้าง
และความเข้าใจนี้
เป็นความเข้าใจที่มีต่อโลกในฐานะปัจเจก
ผสมกับการเรียนรู้จากผู้หลัก-ผู้ใหญ่
ผู้ซึ่งเข้าใจโลกมากกว่ากวง
นั่นจึงเป็นเหตุให้บอกกับทุกคนว่า
ความเข้าใจที่มีต่อโลก และกำลังพูดต่อไปหลังจากนี้
เป็นความเข้าใจที่เกิดจากผู้คนมากมาย
ผสมกับการเรียนรู้ของกวงจนตกผลึกภายในใจของกวงเอง
ดังนั้นการสาธยายในครั้งนี้จะยาวมาก
หากต้องการเรียนรู้ร่วมกัน เชิญชวนให้ค่อยอ่าน
ค่อย ๆ เป็น-ค่อย ๆ ไป กับบทความครั้งนี้
เรียนเชิญ อ่านได้ นะขอรับ
การเมืองวุ่นวาย
ผู้พิพากษาพิพากตัวเอง
พิมพ์แบงค์ให้เฟ้อเพิ่ม ให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
แจกเงินแล้วเรียกเก็บเงิน
แจกเงินแล้วเงินวกเข้ากระเป๋านายทุนใหญ่
คนข้างบนไม่เห็นคนข้างล่าง
คนข้างล่างเรียกร้องให้คนบข้างบนเห็นบ้าง
ประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
..... ทั้งหมดนี่ยิ่งแก้ยิ่งวุ่น เป็นวงจรงูกินหาง
อยากเห็นหลักฐานไหม
ดูการเมืองตั้งแต่ 2475 สิ หนีวงจรนี้ได้ยัง
..... ใครหลงใช้ความคิดว่า
ควรใช้ ควรเป็น อย่างไร
ตามอุดมคติที่ตัวเองเชื่อ ที่ตัวเองร่ำเรียนมา
เชื่อหมดใจว่าสิ่งนั้น เป็นไปได้และมีหวัง
ไม่ขอเถียงว่าเป็นไปได้ แต่...
ทุกคนก็รู้นี่ว่าเป็นไปได้ยากจนแทบไปเป็นไม่ได้
ด้วยเหตุหลายประการที่ไม่อาจควบคุมได้
..... งั้นอะไรบางที่เราทำได้จริง ๆ
มั่นใจได้ว่าจะทำได้จากตัวของเราเอง
ของเราคนไทยแต่ละคน
ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับอำนาจแน่ ๆ ทุกคนก็รู้ว่า
[แต่ละคน] ที่ว่าไม่อาจมีอำนาจได้เลย
และพอรวมกันตามความเชื่อว่าเราจะมีอำนาจ
สุดท้าย [แต่ละคน] ที่ว่าก็ไม่อาจมีอำนาจเท่ากับกลุ่ม
หรือ ถ้าเป็นแบบนั้นได้จริง อิสรภาพที่เคยเรียนร้อง
[แต่ละคน] ที่เข้าร่วมกลุ่มเพื่ออำนาจนั้น ๆ ก็ไม่อาจมีอิสรภาพได้
จะต้องทำตัวให้ติดกับแบบนั้นร่ำไป เพื่อคงอำนาจนั้นไว้
ดีไม่ดี อาจถึงกับยอมเสียทุกอย่างในชีวิต
เพียงเพื่ออำนาจนั้น
ส่วนตัวก็ถามจริง ๆ ว่า วันที่เราได้อำนาจดั่งใจหวังแล้ว
บวกกับความพยายามคงไว้ซึ่งอำนาจนั้นแล้ว
เราจะไม่เป็นอย่างคนที่เราเคยว่าจริง ๆ หรือ
เราจะปล่อยอำนาจให้เป็นอิสระ
ดั่งอุดมคติที่เชื่อกัน ได้จริง ๆ หรือ
มันซับซ้อนกว่าที่ความเชื่อนั้น
จะพาให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้
และตอนนี้กวงใช้หลักเหตุและผลตามที่ใครหลาย ๆ คนใช้
เพียงเพื่อชี้ให้เห็นถึงบางส่วนของความเป็นไป
...... กลับมาที่ [เราจะทำอะไรได้จริง ๆ บ้าง]
ครั้งนี้กวงอยากให้ทุกคน พูดคุยด้วยหัวใจ
พูดคุยในความหมายที่
ไม่ได้ถกกันว่าสิ่งใดถูกหรือผิด
ถูกต้องเก็บไว้ ผิดต้องโยนทิ้ง
ไม่เลย กวงไม่อาจเอื้อมใช้วิธีนั้น
มันช่างดูไม่เข้ากับสิ่งที่กวงต้องการจะสื่อเอาเสียเลย แต่ ...
กวงอยากชวนทุกคนอยู่กับความรู้สึกตัวเอง
สิ่งที่ตัวเองเห็นได้จริง ๆ ซึ่งแต่ละคนเห็นไม่เหมือนกัน
ก็ตามแต่ใครจะเห็น เคยมีประสบการณ์มายังไง
และอยากให้สิ่งนั้นเป็นยังไงอะนะ
เอาเพียงเท่านี้ก่อน
..... นึกภาพดูนะครับทุกคน
หากเราเจอสิ่งที่เราชอบใจ
เราจะ ... ยกย่อง เชิดชู อยากเก็บรักษาไว้
หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าเรายังมีสิ่งนั้นอยู่ ถูกมั๊ย
หากเราเจอสิ่งที่เราไม่ชอบใจ
เราจะ ... ผลักไส โยนทิ้ง ทำลาย
หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าเราออกจากสิ่งนั้นได้แล้ว ใช่ไหม
..... ถามหน่อยว่า ไอ้ความรู้สึก 2 แบบนี้ที่ดูจะต่างกันเสียเหลือเกิน
มันมีอะไรที่เหมือนกันอยู่ ...
บางคนอาจนึกไม่ออก... บางคนอาจเคยรู้มาแล้ว...
หลัก ๆ ก็คือ มันทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวในใจ ในความรู้สึก
ไม่ว่าจะเป็นด้านบวก (ผลจากสิ่งที่เราชอบใจ: ตื่นเต้น ดีใจ อยากอยู่ใกล้ ๆ ฯลฯ)
หรือจะเป็นด้านลบ (ผลจากสิ่งที่เราไม่ชอบใจ: เสียใจ เศร้า ซึม ฯลฯ)
และผลที่ตามมาติด ๆ แบบทันที ทันใด ชนิดที่แทบจะแยกกันไม่ออก
แต่ความจริงคือ คนละชนิดกันกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ก็คือ การไม่เห็นตัวเอง (สำหรับคนที่วิ่งตามความรู้สึกตัวเอง)
..... ถามว่ามันไม่เห็นตัวเองยังไง
ลองนึกถึงหมาดูก็ได้
เวลามันไล่อะไรก็ตามอย่างสุดกำลัง
มันห่วงตัวมันเองมั๊ย
มันรู้แค่ว่ามันวิ่งให้เต็มที่
เพื่อสนองสิ่งที่ตัวเองต้องเท่านั้นใช่ไหม
และแบบนั้นหลายครั้งก็ทำให้มันเหิดอุบัติเหตุใช่มั๊ย
(อาจจะมีถามว่า แล้วเราไปรู้ใจหมาได้ยังไง
โอเค เข้าใจได้ว่าเราไม่อาจรู้ได้ก็จริง
แต่ประเด็นการยกตัวอย่างนี้อยู่ที่ไหนละ
ประเด็นมันอยู่แค่ว่า
[วิ่งตามความรู้สึกจนลืมตัวเอง]
ไม่ใช่เหรอ ... เอาละ กลับเข้าประเด็นต่อ)
เมื่อเราเป็นดั่งหมาในตัวอย่างดั่งกล่าว
ที่เราทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองเห็นได้
เป็นไปตามใจตัวเองที่ ถูกใจ/ไม่ถูกใจ สิ่งนั้น
จนหลายคนยอมทุกอย่างในชีวิต
เพียงเพื่อให้สิ่งนั้นเป็นไปดั่งใจตน
(ก็มีคนถามอีกนั่นแหละว่า ...
แล้วไอ้ที่ทุกคนทำอยู่เนี่ย มันไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำหรือ
ก็อยากบอกเหมือนประเด็นเรื่องหมา
มันคนละประเด็น!
แน่นอนว่าการเมืองควรสงบ ควร... บลา ๆ ๆ
ขี้เกียจสาธยาย
ใช่ เราควรทำสิ่งนั้น แต่ไม่ใช่เรื่องที่กำลังพูดอยู่ตอนนี้
ที่พูดอยู่มันเป็นเรื่องในใจ
{ซึ่งมันจะมีผลต่อไปยังไง เดี๋ยวจะอธิบายต่อหลังจากนี้}
แต่แค่หยิบยืมสิ่งที่เกี่ยวข้องกับใจก็เท่านั้นแหละ
กวงก็อยากบอกว่า
ฟังให้ดี ฟังให้อยู่ในประสบการณ์ของตน
ประสบการณ์ของตน มันไม่ตัดสิน
แต่ถ้าเอาประสบการณ์มาบอกว่า
โลกที่เป็นอยู่เป็นยังไง
นั่นละ ตัดสินละ
ถึงได้บอกให้จินตนาการตามไง
โอเคมั๊ย ... งั้นต่อนะ)
..... เมื่อพยายามทำสิ่งนั้นให้เป็นไปตามใจตนเอง
แล้วเราจะสบายใจ ... จริงรึเปล่า
แล้วเราจะสงบใจลงได้ ... จริงรึเปล่า
เคยเป็นมั๊ย ที่ว่าทำสำเร็จแล้ว สิ่งนั้นเป็นไปดั่งใจเราแล้ว
แต่ทำไมไม่รู้ถึงยังรู้สึกไม่โอเคอยู่
..... ก็นั่นละ หลายครั้งที่ต่อให้ความจริง เป็นไปตามใจเราได้
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะโอเคจริง ๆ ในความรู้สึกของเรา
พอมันไม่โอเคในความรู้สึกของเรา
เราจึงต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง
เผื่อว่าใจของเราจะโอเคกับสิ่งนั้น
มันเลยวุ่นวายไง
อำนาจเอย
เงินทองเอย
สิ่งที่คนอื่นมีเอย
หรืออะไรก็ตาม
แต่พอทำลงไปมันก็วกกลับไปที่จุดก่อนหน้านี้อีกละ
ก็คือ [หลงลืมตัวเอง] ดั่งหมาไล่ตะครุบ
มันก็วนแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น
เราเลยต้องแก้ปัญหาโลกต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ
ก็จนกว่ามันจะพอใจแล้ว
หรือไม่ก็เหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว
มันถึงจะพอ
..... ที่นี้พอเห็นความเชื่อมโยงละเนอะ
ระหว่างความรู้สึกที่มีในใจ
กับโลกภายนอกที่แม่งเลวร้ายจริง ๆ
..... ทีนี้ก็มีคนอยากถามใช่ไหมว่า
แบบนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรงั้นสิ
ก็อยากบอกว่าทั้งใช่และไม่ใช่นะ
คือตอนนี้มันก็กำลังทำให้คนยากลำบากจริง ๆ นั่นแหละ
แต่ถ้าเรายังเป็นเจ้าหมาน้อยไล่ตะครุบอย่างงี้ไปเรื่อย ๆ
ปัญหาจริง ๆ ก็ไม่ถูกแก้ซักทีนะ
ไอ้ที่มันจะแก้ คงเป็นความรู้สึกในใจที่ไม่โอเคละนะ
ที่อยากบอกจริง ๆ ก็คือ
ก่อนจะไปลงมือทำไอ้ที่อยากทำ
กลับมาดูใจตัวเองก่อน
อย่าเพิ่งรีบร้อน
เหมือนกับว่าเรามีบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้
และเรากำลังรอรถดับเพลิงมา
ที่นี้เราก็รู้สึกว่ารถมาช้าเกินไปเลยจะลุยเข้าไปเอง
ไอ้นี่แหละที่มันจะเป็นหมาอย่างที่เปรียบไปก่อนหน้านี้
มันจะเข้าไปตายเอานะสิ
รอให้พร้อมก่อน
ถ้าไม่ทันก็ไม่ทันจริง ๆ
อันนี้มันช่วยไม่ทันจริง ๆ
ไม่งั้นเราคงเป็นดั่งหมาไล่ตะครุบจนไฟไหม้ทั้งตัวแน่ ๆ
ปล.รูปไม่เกี่ยว แค่อยากลง 55555
โฆษณา