8 มี.ค. 2020 เวลา 02:00 • กีฬา
[ #อย่าเพิ่งรีบลืมอดีต ]
พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2003/04 เปิดฉากได้ไม่เท่าไร ดีกรีความเดือดดาลแทบจะทะลุองศา
1
แมนฯยูไนเต็ดในฐานะแชมป์เก่าทำคะแนนไล่บดบี้กับอาร์เซน่อลอย่างสนุกตามคาด หลังจากปืนโตสะดุดเท้าตัวเองโค้งท้ายซีซั่นที่แล้ว
21 กันยายนเกมลีกที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หากปีศาจแดงคว้าชัยได้จะผงาดยึดบัลลังก์ทันที
จริงๆชนวนความเดือดถูกจุดมาก่อนแล้วตั้งแต่เกมคอมมูนิตี้ ชิลด์ ผลจบลงเสมอ 1-1 และแมนฯยูไนเต็ดยิงจุดโทษครองโล่เงินใบเขื่อง อาจไม่เป็นไฮไลต์มากเท่า ความรุนแรงและดราม่าที่เกิดขึ้นระหว่างซดกัน
ฟิล เนวิลล์ กับ แอชลี่ย์ โคล ออกสตาร์ต 2 นาทีแรกด้วยใบเหลืองก่อนใครเพื่อน เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าแล้ว
จากนั้น ฟรานซิส เจฟเฟอร์ส กองหน้าที่ลงมาสำรองใช้เวลาเพียงแค่ 13 นาทีโดนใบแดงตะเพิดออกจากสนาม เพราะเจตนาอัด แกรี่ เนวิลล์ ไม่ยั้ง
ลักษณะการทำฟาวล์ของ เอริก เฌมบ้า เฌมบ้า ที่จงใจเล่นงาน โซล แคมป์เบลล์ แทบไม่ต่างกันนัก แต่กองกลางชาวแคเมอรูนกลับลอยนวลไม่มีการลงโทษอะไร
สตีฟ เบนเน็ตต์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ ยังราดน้ำมันโหมให้ไฟลุกโชนอีก เพราะทำรายงานส่งไปยังสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หลังจาก "บิ๊กโซล" ระงับอารมณ์ไม่อยู่ไปเอาคืนบ้าง
ผลคือโดนเอฟเอลงดาบย้อนหลังปรับเงิน 2 หมื่นปอนด์ สร้างความแค้นให้ฝั่งปืนโตหนักกว่าเดิม
แถมตอนจบเกมผู้เล่นสองทีมเกือบมีเรื่องกันอีก แข้งแมนฯยูไนเต็ดแสดงอาการดี๊ด๊ามากเกินไป ทั้งที่เป็นแค่เกมการกุศลเท่านั้น เหมือนไปยั่วยุให้พวกอาร์เซน่อลมีอารมณ์ขุ่นมั่วกว่าเก่า
ฉะนั้นมาเจอกันจริงในลีกอีกไม่ถึง 2 เดือนถัดมา ไม่แปลกที่สองฝ่ายจะเช็ดถูสตั๊ดคู่ชีพไว้รอกันเลยทีเดียว
ครึ่งแรกสองทีมบุกแลกหมัดกันสนุก แต่ผู้เล่นต่างยังมีสมาธิ ไม่วอกแวกกับการเล่นนอกเกมกันสักเท่าไรนัก
กระทั่งครึ่งหลังมีหลายจังหวะที่ปะทะกันหนักหน่วง ซึ่งใครที่ดูอยู่ในสนามหรือหน้าจอทีวีคงพอจะรู้ได้ว่า งานนี้ต้องมีบานปลายแน่ เพราะบางจังหวะน่าจะจงใจอัดกัน
กระทั่งเข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย รุด ฟาน นิสเตลรอย โหนตัวขึ้นโหม่งบอลแย่งกับ ปาทริค วิเอร่า กัปตันทีมของผู้มาเยือน แล้วพอหล่นลงพื้นดาวเตะเฟร้นช์มียกเท้าแถมให้เหมือนจะถีบใส่ แม้จะไม่โดนก็ตาม
รุด ไม่รอช้าปรี่ไปฟ้องผู้ตัดสิน ก่อนมิสเตอร์เบนเน็ตต์ ที่ยังคงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เกมนี้อีก ควักใบแดงให้ทันที พร้อมทั้งยืนยันอาจจะถีบไม่โดน แต่เจตนาส่อถึงอยากทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้าม
แน่นอนถึงตอนนั้น วิเอร่า เดือดจนเก็บไว้ไม่อยู่ วิ่งไปหา รุด เหมือนจะเอาเรื่องให้ได้ โทษฐานมารยาโอดโอยฟ้องผู้ตัดสินราวกับว่าโดนถีบเข้าจริงๆ จนผู้เล่นทั้งสองต้องเข้ามาแยกย้ายกันชุลมุนวุ่นวาย
ช่วงเวลาที่เหลือปืนโต ซึ่งมีอยู่แค่ 10 คนรวมพลังกันหวังจะต้านให้อยู่ สถานการณ์เสียเปรียบเต็มรูปแบบ เพราะเป็นฝ่ายมาเยือนด้วย
เกมทำท่าจะไม่มีดราม่าอะไรมาเพิ่มอีก แต่แล้วทดเวลาไปได้ 1 นาที แมนฯยูไนเต็ดมาได้จุดโทษกังขา จากช็อต มาร์ติน คีโอว์น โดนจับผิดที่ไปผลัก ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ล้มคะมำวัดพื้นหญ้า
เบนเน็ตต์ เจอผู้เล่นปืนโตรุมประท้วงหนัก แต่ยืนกรานไม่เปลี่ยนใจและเพชฌฆาตคือ รุด นั่นเอง
จะด้วยความกดดันหรืออะไรก็แล้วแต่ ดาวถล่มประตูดัตช์ที่ปกติยิงจุดโทษเฉียบขาดมาก กดเปรี้ยงเต็มข้อบอลพุ่งชนคานแทบหัก ตอนนั้นมีผู้เล่นบางคนมาถากถางเย้ยใส่ รุด แล้ว
แต่มาปะทุคุกรุ่นตอนที่สิ้นเสียงนกหวีดยาวสุดท้าย นักเตะอาร์เซน่อลวิ่งเข้าหา รุด ไม่ว่าจะเป็น คีโอว์น หรือ โลร็องต์ เอตาเม่ กระโดดกระแทกตัว แถมมีล้อเลียนเอาคืน
ไม่ใช่แค่นั้น เรย์ พาร์เลอร์ ยังเข้ามาผลักด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นปีศาจแดงไม่ยอมเหมือนกัน
ไรอัน กิ๊กส์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พร้อมบวกกับแข้งทีมเยือนที่ดูเหมือนยังไม่ยอมรามือ กว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายต้องเหนื่อยผู้ตัดสินและทีมงานหลายนาที
เอฟเอไม่พอใจกับพฤติกรรมดังกล่าวมาก โดยเฉพาะผู้เล่นอาร์เซน่อลซึ่งดูแล้วล้ำเส้นเหลือเกิน จนมีการลงโทษหนักสั่งปรับรวมถึง 175,000 ปอนด์ ซึ่งนับว่าเยอะมากๆเมื่อ 17 ปีก่อน
เป็นไปอย่างที่สื่อและแฟนบอลคาดเอาไว้ การให้สัมภาษณ์ของ อาร์แซน เวนเกอร์ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สองผู้จัดการทีมต้องมีพาดพิงกัน
กุนซือปืนโตเริ่มก่อนด้วยการตำหนิ รุด ว่ามีทัศนคติที่แย่ ซึ่งกลบความเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมซะหมด ไม่ควรเลยที่จะก้มหน้าก้มตาพุ่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ตัดสิน
แต่ เฟอร์กี้ ก็ศอกกลับด้วย ในเมื่อเห็นกันอยู่ว่า วิเอร่า มีเจตนาจะเล่นงานแบบรุนแรง ถ้าเกิดจังหวะนั้น รุด โดดหลบไม่ทันขึ้นมาคงเจ็บตัวหนักชัวร์
ผู้ตัดสินทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ต้องชูใบแดงให้ทั้งนั้นแหล่ะ ไม่มีใครบ้าให้ใบเหลืองหรือเรียกมาเตือนหรอก
เกมนั้นถูกเรียกว่า Battle of Old Trafford และกลายเป็นสตอรี่สำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยังพูดถึงจนทุกวันนี้
3 ปีก่อน ฟิล เนวิลล์ อดีตแข้งแมนฯยูไนเต็ดที่อยู่ในเหตุการณ์ เห็นทุกเรื่องราวความเป็นไป ปัดฝุ่นเรื่องนี้อีกรอบ
เขายืนยันว่าพฤติกรรมของ มาร์ติน คีโอว์น ครั้งนั้นแย่เกินกว่าใครจะรับได้ เป็นการกระทำที่ก้าวร้าว ขาดสปิริตและน้ำใจนักกีฬา ไม่เคยยอมรับความเป็นจริงเลย
"มันเป็นเรื่องอัปยศมากๆ น่าจะตลอดกาลเลยก็ได้สำหรับผม นี่คือการกระทำของเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง"
ในขณะที่ พอล สโคลส์ ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่บอกว่า "เชื่อเถอะว่านักเตะแมนฯยูไนเต็ด ไม่ทำอย่างนั้นให้อับอายแน่"
ดราม่าเกือบ 17 ปีที่แล้ว อาจจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีก จากการแสดงความเห็นของ คีโอว์น เมื่อสองวันก่อน
อดีตกองหลังอาร์เซน่อลที่ปัจจุบันหันมาเอาดีทางด้านวิเคราะห์เกมกับทางบีบีซี เชื่อว่า แกรี่ เนวิลล์ ทำตัวไม่เหมาะสมเอาเลยที่ออกมาเปิดแชมเปญฉลองออกสื่อ ทันทีที่ลิเวอร์พูลแพ้ยับ 0-3 ให้วัตฟอร์ด หยุดสถิติไร้พ่ายในลีก 37 เกม
"ถ้าเป็นผมคงจะพยายามแสดงอะไรที่มีคลาสกว่านี้นะ ผมมองไม่เห็นประโยชน์จากการที่ใครสักคนล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ เราชนะเมื่อเราชนะ จะมาล้อเลียนทำไม"
 
"บางทีเขาอาจจะหัวเราะออกมานิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วผมไม่รู้ว่าทำไมเราต้องฉลองให้กับความพ่ายแพ้คนอื่น ผมจะฉลองเมื่อเราชนะเท่านั้น"
การที่ คีโอว์น ออกมาวิจารณ์ถึงพฤติกรรมเนวิลล์ผู้พี่ มันก็เหมือนหนึ่งในความเห็นธรรมดาเท่านั้นเอง
แต่หากเขาเข้าใจพื้นฐานหรือน้ำเนื้อตัวตนของ แกรี่ จริงๆ น่าจะรู้ดีว่าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่นักเตะแล้ว ไม่เคยปกปิดว่าเกลียดลิเวอร์พูลมากแค่ไหน ก่อนจะกลายมาเป็นจุดขายอย่างหนึ่งเมื่อมาทำหน้าที่วิเคราะห์ทางทีวีร่วมกับ เจมี่ คาร์ราเกอร์
แล้วหากเราคิดว่ามันคือสีสันที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูบอลเพิ่มขึ้น ก็คงได้แค่ขำๆกับบรรยากาศเช่นนี้ไป
1
ถ้า แกรี่ ไม่ยอมรับว่าลิเวอร์พูลเก่งจริง แล้ววิจารณ์แบบเห็นต่างออกไปแม้ไม่มีน้ำหนักเหตุผลก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่เขายอมรับมาตลอดในช่วงหลังว่าหงส์แดงของจริง มีความพร้อมที่จะกวาดความสำเร็จในอนาคตมากมาย แค่เขาไม่อยากเห็นเท่านั้นเอง
อย่างที่บอกคนอื่นพูดอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจนัก แต่เมื่อเป็น คีโอว์น โจทย์เก่าเมื่อปี 2003 ถ้ามีการตอบโต้กัน เขาอาจจะต้องย้อนไปแก้ตัวในเรื่องอดีตดังกล่าวด้วย
เพราะเอาเข้าจริง คีโอว์น ก็มีพฤติกรรมที่แย่มากๆ เหมือนที่ ฟิล เนวิลล์ สาธยายไว้นั่นแหล่ะ
การวิจารณ์คนอื่นในบางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบให้ดูดีด้วยซ้ำ ยิ่งเขาบอกว่าจะฉลองก็ต่อเมื่อตัวเองชนะเท่านั้น ก็ยิ่งดูเฟคหนักกว่าเดิม
คีโอว์น ดีใจเย้ยใส่ รุด ในวันนั้น เพราะหัวหอกดัตช์ยิงจุดโทษพลาดไม่ใช่หรือ นั่นหมายความว่าคุณแสดงออกยินดีที่คนอื่นล้มเหลวด้วยสิ
เพราะถ้า คีโอว์น จะฉลองที่คว้าหนึ่งแต้มได้สำเร็จจริง ก็ควรดีใจกับเพื่อนร่วมทีมหรือกองเชียร์ฝั่งตัวเองมากกว่า
นี่อาจเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของนักเตะอาชีพที่ผันตัวมาวิเคราะห์เกม ซึ่งคำพูดที่ดูดีมีเหตุผลสวยหรูในวันนี้
มันอาจไม่ได้สอดคล้องรองรับกับความจริงในอดีตเลย
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา