14 มี.ค. 2020 เวลา 06:29
Faviparivir ความหวังใหม่และตัวพลิกเกมส์ในสงครามระบาด COVID-19
https://www.thailandmedical.news/news/china-approves-favipiravir-avigan--as-an-experimental-drug-to-treat-coronavirus
ท่ามกลางกระแสข่าวร้ายของ COVID-19
" มันจบแล้วครับนาย" น่าจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินไป
สำหรับประเทศจีน
วันนี้เป็นวันแรกที่
จีนเสียแชมป์ประเทศที่มี active case มากที่สุดในโลกให้แก่อิตาลี
ปัจจุบัน ในจีน ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่นอกเมืองอู่ฮั่นเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน
ส่วนใน Wuhan ก็มีจำนวนผู้ป่วยใหม่เพียงหลักหน่วย
ปิดโรงพยาบาลสนามทั้งหมด 16 แห่งแล้ว
อีกทั้ง เคสอาการหนักก็มีปริมาณลดลงเรื่อยๆ
ในอัตราวันละ 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์/วัน เคสหายใกล้แตะ 7 หมื่น
เคสผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบทั้งหมด เป็น Import case
และประกาศชัยชนะ ต่อ Covid-19ไปแล้ว (1)
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2048997
กลับกันกับ อิตาลี ซึ่งยังโคม่าไม่ฟื้น
วันเดียวมีผู้ติดเชื้อใหม่ สูงถึงเกือบ 3 พันคน
ตายเพิ่มถึง 250 คนสูงสุดตั้งแต่ที่โรคนี้ระบาดมา
และจำนวนเคสต่อประชากรสูงถึง 292 คน ต่อล้านประชากร (2)
นำประเทศอื่นไปถึง 2 -3 เท่า เป็นรองเฉพาะ Wuhan ที่เดียวเท่านั้น
ต้องตั้ง ICU cohort + สร้าง criteria คัดคนที่น่าจะรอดเข้าICU
อ่านเพิ่มได้ที่
ทำให้คนไข้รายไหนที่แม้ว่าจะอาการหนักแต่ดูมีโอกาสน้อย
ก็ต้องปล่อยให้รักษาตามอาการ
เบื้องหลังความสำเร็จของประเทศจีน
เกิดจากมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคมากมาย
ข้อมูลที่แม่น แน่น ไวต่อเหตุการณ์ พลังแห่ง AI
อ่านเพิ่มได้ที่ อ้ายจง ได้ครับ
ทั้งที่ตอนเริ่มระบาด แทบไม่มีประเทศไหนจะช่วยจีน
แถมยังช่วยกระทืบซ้ำ ด้วยสารพัดมาตราการ ที่ป้องกันการระบาด
แต่จีนกลับเปลี่ยนสถานะ
จากผู้แพร่กระจายเชื้อ กลายเป็นผู้นำด้านการควบคุมโรค
ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
จนอิตาลีต้องร้องขอให้จีนเข้าไปช่วยควบคุมการระบาด จากข่าว
" จีนส่งทีมแพทย์ พร้อมเวชภัณฑ์ 31 ตันช่วยอิตาลี "
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2051544
คาดว่าเวชภัณฑ์ 31 ตัน ต้องมียาที่ชื่อว่า
Favipiravir ไปด้วยแน่นอน
โดยส่วนตัวเชื่อว่า
ยา Favipiravir น่าจะปัจจัยหนึ่งที่น่าจะทำให้จีนพลิกสถานการณ์ได้
เพราะอะไร เรามาดูข้อมูลกัน
จากref (5+11)
จีนอนุมัติให้ใช้ยา ในการรักษาโรค เมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์
http://www.stdaily.com/index/kejixinwen/2020-02/15/content_879549.shtml
โดยอ้างอิงการศึกษาวิจัยจาก Pilot study 70 ราย
พบว่า ได้ผลดีในการรักษา และเกิดผลข้างเคียงต่ำ
และสามารถช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้มากกว่ากลุ่มทดลอง
ตั้งแต่ 3-4 วันแรกของการรักษา(5+11)
https://coronavirus.thebaselab.com/
จะเห็นได้ว่า หลังจากนำยามาใช้ ไม่เกิน 1 สัปดาห์
จำนวนคนไข้จีนลดลง อย่างไม่น่าเชื่อ(6)
ผู้เสียชีวิตก็ลดลงจากหลักร้อยเหลือ หลักสิบ ทั้
งที่ก่อนหน้านั้นจีนกำลังเมาหมัด ชุดตรวจหาเชื้อไม่พอ
ต้องเปลี่ยนเกมเป็น clinical diagnosis เปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม
พอใช้ยามา 2 สัปดาห์ เอาอยู่เลยหรือมันเป็นความบังเอิญที่
- คนไข้ในอู่ฮั่น เริ่มมี herd immnuity
- มาตรการที่ใช้ไป เริ่มเห็นผลพอดี
หรือเป็นผลของยาที่ ยาเค้าดีจริง คงต้องรอRCT กันต่อไป
แต่คาดว่าไม่นานเกินรอ เพราะบ.ยา จีนก็คงอยากจะขายยา เต็มแก่เช่นกัน
นอกจากประเทศจีนแล้ว
ยังอีกประเทศที่เป็นต้นตำรับยาและมีสูตรยาตัวนี้ นั่นก็คือ
ประเทศญี่ปุ่น ประเทศซึ่งมีทุกอย่างพร้อม กับการระบาดหนักเฟส 3 ทั้ง
- สังคมผู้สูงอายุ
- Massive Transport ที่แออัด
- อากาศที่หนาวเย็น Low UV index
- ความหนาแน่นของประชาชนที่สูง
- อีกทั้งความล่าช้า โบราณในการจัดระบบจัดการโรคระบาดของญี่ปุ่นเอง
ดังที่เห็นได้จากกรณี เรือ Diamond Princess
ก่อนวันที่ 22 กพ ญี่ปุ่น ก็ดูเป็นเหมือนจะอิตาลีตอนแรก
จำนวนคนไข้เพิ่มขึ้น แบบ Exponantial
จนต้องปิดเกาะฮอกไกโดในวันที่ 26 กพ.
แต่พอ fda ญี่ปุ่น approve ให้ใช้ ยาตัวนี้ (8)
อัตรการเพิ่ม case ก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรก
https://www.statista.com/statistics/1100172/japan-confirmed-cases-of-coronavirus-by-place-of-infection/
ไม่เหมือนประเทศทางยุโรป อิหร่าน และอเมริกา
ที่กราฟทรงเดียวกันทุกประเทศ
นอกจากfavipiravir
ยังมียา remdesivir ที่กำลัง ongoing RCT ใน USAเหมือนกัน (8)
แต่ดูจากสถานการณ์ในอเมริกา ณ ขณะนี้
คงหวังพึ่งยาตัวนี้ไม่ได้
สรุป ในสงครามกับโรค covid-19 มนุษย์
กำลังน่าจะมีความหวัง อาวุธที่สมน้ำสมเนื้อกับโรคนี้
และไทยเรานำเข้ายาตัวนี้เข้าตั้งแต่ต้นเดือน กพ. (9)
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/869298
ตอนนี้ น่าจะมีstock ยา หลายพันเม็ด
จึงทำให้กรมการแพทย์ + สมาคมหมอโรคปอด
บรรจุยา favipiravir เป็น 1 ใน 3 ยาหลักที่ใช้ รักษาโรคนี้
https://www.dms.moph.go.th/backend//Content/Content_FIle/Bandner_(Big)/Attach/25630313144830PM_%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%20COVID_13032020.pdf
+ กรมควบคุมโรค กำลังพัฒนา rapid test ไม่เกิน 2 สัปดาห์
น่าจะมีใช้กันทั่วประเทศ (11)
https://mgronline.com/qol/detail/9630000024948
ดังนั้น แม้ว่าจะมีเรื่องแย่ๆ เสียความรู็สึกมากมายในประเทศ
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เรามั่นใจได้ว่า
การแพทย์ไทย ทั้งตัวหมอ และ กรมควบคุมโรค ยังอยู่ในระดับโลก
ถ้าเป็นไปได้ โดยเฉพาะ ช่วง 2 สัปดาห์นี้
ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าประเทศไทย
จะรอดจากการระบาดหนักใน Phase 3 หรือไม่
อดทน งดเที่ยว ใส่ mask ล้างมือ อด event
ถ้าป่วยไม่มากให้ลางาน ไม่ไปกระจายเชื้อในผู้อื่น
ร่วมมือ ไม่ไปสถานที่เสี่ยงโดยไม่จำเป็น
ยื้อ phase 3 ให้นานที่สุด
เพื่อคนไข้อาการหนักจะได้ไม่เยอะเกินกว่ายาที่เรามี
เพื่อให้ บุคคลากรทางแพทย์ไทยได้ชูธงชาติ
ประกาศชัยชนะในการควบคุมโรค COVID-19
เฉกเช่นเดียวกัน หมอจีน
มิฉะนั้น ประเทศไทย เราก็อาจจะมีชะตากรรมที่น่าจะเลวร้ายกว่า อิตาลี
โฆษณา