17 มี.ค. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ถึงคราวที่โอกาสทิ้งคุณ ]
สมัยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง เดวิด มอยส์ หวง แจ็ค ร็อดเวลล์ ราวกับไข่ในหิน
เขาฟันธงเปรี้ยงอย่างไม่กลัวหน้าแหกเลยว่าลูกทีมวัยทีนรายนี้ จะต้องก้าวกระโดดสู่เวิล์ดคลาสอย่างแน่นอน
ดังนั้นในปี 2010 จึงรีบจับมัดยาวขยายสัญญาให้อยู่โยงกับเอฟเวอร์ตัน 5 ปีเต็มๆ
แต่เชื่อกันว่าเป็นการยืดออกไปเพื่อการค้ามากกว่า เพราะเวลานั้น ร็อดเวลล์ ถูกจับตามองอย่างมากและสองบิ๊กแมนเชสเตอร์ทั้งซิตี้และยูไนเต็ดต่างเทียวไล้เทียวขื่อ ตามจีบไม่เว้นวัน
นอกจากเป็นกองกลางเชิงสูง คุมจังหวะได้อย่างดีเยี่ยม ให้บอลง่าย วันทัชดีมากๆ ยังมีโปรไฟล์หรูเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษชุดยู-16 และ 17 มาก่อนด้วย
ขณะเดียวกันอายุได้เพียงแค่ 20 ปีก็ได้เล่นทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แล้ว โดยประเดิมสนามในปี 2011 ลงไปแทน ฟิล โจนส์ เกมอุ่นเครื่องบดสเปน 1-0
จากนั้น มอยส์ ลองปรับให้รับบทเบอร์ 10 หรือมิดฟิลด์ตัวรุกดูบ้าง เน้นการปั้นเกมมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีเลยทีเดียว
ร็อดเวลล์ มาเสียรังวัดมากในศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ เข้าบอลโฉ่งฉ่างแบบดุดันใส่ หลุยส์ ซัวเรซ อย่างไม่จำเป็น จนโดนตะเพิดออกตั้งแต่นาทีที่ 23 ของเกม
อย่างไรก็ตาม มอยส์ มองในมุมบวกของตัวเองว่านี่คือแพสชั่นที่นักเตะสายเลือดใหม่ต้องการแสดงออก แม้บางครั้งอาจไม่เหมาะสม ขาดการยั้งคิดทางอารมณ์ แต่อนาคตจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่
สิงหาคม 2012 แมนฯซิตี้ยื่นข้อเสนอมาที่ 12 ล้านปอนด์ บางแหล่งบอกทะลุ 15 ล้านปอนด์ เลยทำให้ บิล เคนไรท์ ท่านประธานใจอ่อนเซย์เยสออกไป
เวลานั้นซิตี้ต้องการตุนนักเตะอังกฤษไว้บ้าง เพื่อตอบโจทย์กฎ Home Grown ดังนั้นจึงพร้อมจ่ายอย่างเต็มที่ ต่างจากแมนฯยูไนเต็ดไม่บ้าเลือดสู้ราคาตามไปด้วย
แต่ 2 ฤดูกาลที่อีสต์แลนด์ ร็อดเวลล์ เล่นไปแค่ 15 เกมในลีกเท่านั้นและเกินครึ่งที่ลุกมาจากม้าสำรอง แถมยิงได้เพียงแค่ 2 ประตู
นอกจากฟอร์มไม่ดีอย่างที่คาดหวัง ร่างกายก็แย่เหลือเกิน เปราะบางมากๆ เล่นนิดหน่อยก็เจ็บอีกแล้ว
พอได้ข้อเสนอ 10 ล้านปอนด์จากซันเดอร์แลนด์ในฤดูร้อน 2014 แมนฯซิตี้จึงไม่รีรอ ยอมตอบรับขายให้ทันที
ร็อดเวลล์ แฮปปี้กับสัญญา 5 ปีและค่าเหนื่อยตก 60,000 - 70,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ยิ่งนัก
แฟนบอลแบล็คแคทก็ตีปีกเช่นกัน เพราะได้ของดีมีคลาสมาร่วมทีม น่าจะช่วยได้ไม่น้อย
ใหม่ๆเดินไปไหนในเมือง เขาถูกต้อนรับดีมากๆ หลายคนขอลายเซ็นบ้าง มีมาถ่ายรูปบ้าง เป็นซูเปอร์สตาร์ในชั่วข้ามคืน
ร็อดเวลล์ เลยออกมาบอกพวกแข้งรุ่นน้องอังกฤษ ที่พุ่งแรงขึ้นมาว่าอย่ารีบด่วนตัดสินเด็ดขาด หากแมนฯซิตี้ติดต่อเข้ามา ควรไตร่ตรองให้รอบคอบซะก่อน
การที่คุณติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ตั้งแต่อายุน้อยๆอย่าย่ามใจเด็ดขาด เอาเข้าจริงที่นั่นไม่ได้สนับสนุนหรือให้โอกาสพวกยังบลัดสักเท่าไร
เราควรเชื่อ ร็อดเวลล์ เพราะมีประสบการณ์ตรงสัมผัสเองเต็มๆ อีกทั้งทีมที่ใช้เงินเป็นหลักอย่างซิตี้ ไม่น่าจะสนใจสร้างทีมเพื่ออนาคตมากนัก เอาแค่ประสบความสำเร็จก่อน จึงมักมองข้ามหัวพวกดาวรุ่ง
แต่หากย้อนกลับไปดูจะรู้เลยว่าเขาเหมือนคนสับสนมากๆ
เพราะตอน อดัม จอห์นสัน อีกหนึ่งดาวรุ่งอังกฤษที่แมนฯซิตี้คว้าตัวมาจากมิดเดิ้ลโบรช์ ย้ายหนีไปซันเดอร์แลนด์ในปี 2012 ร็อดเวลล์ ออกมาแสดงความเห็นว่าเพื่อนร่วมทีมรายนี้ไม่มีความอดทน เพื่อจะรอคอยโอกาสมากกว่า
สุดท้ายอีก 2 ปีต่อมา ร็อดเวลล์ ก็มีชะตาไม่แตกต่างกันเลย
ต้องมาใช้ซันเดอร์แลนด์เป็นที่พักใจ
ร็อดเวลล์ สร้างความประทับใจแรกให้กับกองเชียร์ซันเดอร์แลนด์อย่างมาก
24 สิงหาคมเขาเป็นคนซัดประตูตีเสมอแมนฯยูไนเต็ด 1-1 ต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง แบ่ง 1 คะแนนอันล้ำค่าได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามมักจะถูกอาการบาดเจ็บพุ่งเข้าชนหลายต่อหลายครั้ง ราวกับว่าเป็นคนโชคร้ายบาดเจ็บง่ายเกินไป ทำให้ไม่ได้เล่นอย่างต่อเนื่องและพัฒนาตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
1
แต่ใครต่อใครที่ซันเดอร์แลนด์ต่างรู้เหตุผลดีว่า เขาไม่ค่อยใส่ใจดูแลสภาพร่างกายให้ดีสักเท่าไร เวลาซ้อมก็มักไม่เต็มที่ แทบไม่มีแพสชั่นให้เห็นเหมือนคำร่ำลือเลย
อย่างปี 2015 เขาบาดเจ็บระหว่างเกม โดนเปลี่ยนตัวออกถึง 9 ครั้งด้วยกัน แฟนบอลสันนิษฐานว่ามาจากร่างกายที่มีปัญหา ความฟิตไม่ถึงจะเล่นเต็ม 90 นาที ต่อให้ฝีเท้าดีแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
แทนที่จะเป็นกำลังสำคัญให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมาย เพราะค่าตัวแพง ค่าแรงก็สูงกว่าใคร นี่กลับกลายเป็นภาระหรือตัวถ่วงซะมากกว่า
การมาถึงสนามซ้อมแล้วโดดขึ้นเตียงเพื่อให้หมอนวดเฟ้นคลึงกล้ามเนื้อ แล้วค่อยๆเล่นเวทเบาๆฟื้นฟูร่างกาย เป็นภาพที่ทุกคนคุ้นชินกันดีในศูนย์อะคาเดมี่ ออฟ ไลท์หรือแคมป์ของสโมสร
ฤดูกาล 2016/17 เป็นช่วงที่แย่มากของซันเดอร์แลนด์ ตกชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพตั้งแต่ซีซั่นยังเหลืออีกหลายนัด สุดท้ายมีเพียงแค่ 24 คะแนน หมดสภาพเหลือเกิน
แฟนบอลจึงตั้งคำถามว่าแล้ว ร็อดเวลล์ ทำอะไรอยู่กันแน่ ไม่เคยรู้อัพเดตอาการบาดเจ็บเลย แต่ชื่ออยู่ในลิสต์ต้องขึ้นเตียงพยาบาลเยียวยาตลอดเวลา
เดวิด มอยส์ โดนปลดออก แล้วตั้ง ไซม่อน เกรย์สัน มาทำหน้าที่แทนด้วยเป้าต้องขึ้นพรีเมียร์ในฤดูกาลเดียว
ทัพแมวดำเริ่มต้นได้ดีใน 2 เกมแรก แต่จากนั้นทรุดหนักลงเรื่อยๆ หัวปักไปอยู่ท้ายตาราง ไม่เคยคว้าชัยในสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์บ้านตัวเองนานมากๆ จนต้องปรับให้ คริส โคลแมน มาเป็นผู้จัดการทีมแทน
โคลแมน ทำทีมกระเตื้องขึ้น จนมาถึงปีใหม่ที่ตลาดซื้อขายผู้เล่นเปิดอีกครั้ง เอลลิส ชอร์ต ประธานสโมสรในเวลานั้นประกาศิตว่า หากจะซื้อใครต้องขายเพื่อสร้างสมดุลการเงิน
มาร์ติน เบน ซีอีโอของทีมจึงมีแผนจะยกเลิกสัญญา ร็อดเวลล์ ที่เพิ่งลงสำรองไปแค่ 2 เกม หวังว่านักเตะจะเข้าใจสถานการณ์และรับเงินชดเชยไปหนึ่งก้อน
แต่ ร็อดเวลล์ ไม่ยอม ในเมื่อเหลือสัญญาอีก 18 เดือน นั่งเฉยๆก็มีเงินไหลเข้าบัญชีวีกละ 60,000 ปอนด์ จะไปแคร์อะไร นั่นทำให้ เบน หัวเสียอย่างมาก
แฟนบอลแบล็คแคทรุมประณามอย่างหนัก โขกสับแหลกในความเห็นแก่ตัวด้วยความโกรธแค้น
กระทั่งซันเดอร์แลนด์ตกชั้นอีกครั้ง 2 ปีติดต่อกัน จากพรีเมียร์ลีกสู่ลีกวัน นั่นแหล่ะ ร็อดเวลล์ จึงยอมยกเลิกสัญญา ท่ามกลางเสียงสาปแช่งไม่พอใจในความเห็นแก่ได้เกินจริง
เขาดอดไปเซ็นกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ช่วงสั้นๆ 1 ปี แต่ลงเล่นในลีกไปเพียงแค่ 11 นัด ช่วยอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ เพราะร่างกายไม่ฟิตพอ
พอฤดูกาล 2018/19 สิ้นลงกลายเป็นฟรีเอเจ้นต์ ตามหาสังกัดใหม่ในอังกฤษ ไม่มีใครสนใจ เพราะรู้กิตติศัพท์อย่างดี
กระทั่งตุลาคมที่ผ่านมามีข่าวโยงกับโรม่าในเซเรีย อาอิตาลีและเชื่อว่าน่าจะปิดดีลได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเช็คสภาพบวกกับค่าจ้างที่ร้องขอมา ทำให้ล่มไม่เป็นท่า ร็อดเวลล์ เลยต้องค้างแผงต่อไป
ปาร์ม่าเป็นอีกทีมจากนั้นที่ตั้งใจจะดึงไปใช้งานในช่วงที่เหลือของซีซั่น แต่ก็ต้องล่าถอยเช่นเดียวกัน
จนเมื่อ 3 มกราคม 2020 เขาได้สัญญา 6 เดือนจากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดจอมเซอร์ไพรส์แห่งซีซั่น
คริส ไวล์เดอร์ ผู้จัดการทีมดาบคู่มองว่าน่าจะพอเป็นอะไหล่สนับสนุนทีมได้และแพทย์สโมสรยืนยันว่าร่างกายน่าจะไหวอยู่
"ผมหวังว่าเขาสามารถจะเริ่มต้นใหม่ได้นะ" -- ไวล์เดอร์ ให้เหตุผลแบบค้านสายตา แต่เราพอจะเชื่อได้ว่านี่คือความเห็นใจ พร้อมให้โอกาสกลับมาอีกครั้ง หลังนักเตะโชว์ความมุ่งมั่นมาซ้อมตั้งแต่ธันวาคมปีก่อน
แต่ถึงตรงนี้ ร็อดเวลล์ ยังไม่ได้ลงเล่นเลยสักนัดเดียว
มันน่าเศร้าจากแข้งดาวรุ่งติดทีมชาติอังกฤษตั้งแต่อายุ 20 แล้วอีก 9 ปีต่อมาต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้
แน่นอนว่าเขาต้องการโอกาสอย่างมาก เพื่อพิสูจน์ตัวเองในวัย 29 ปี ซึ่งจ่อเข้าสู่ช่วงท้ายของการเป็นแข้งอาชีพ
ปัจจุบัน ร็อดเวลล์ น่าจะเข้าใจแล้วว่าโอกาสที่เคยมาหาหลายครั้ง แต่เขาต่างหากทิ้งมันไปเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา