27 มี.ค. 2020 เวลา 16:08 • ข่าว
#ปลายสายลุงสี่ถึงเสี่ยอ่าง
#ถึงเวลาหันหน้าเข้าหากัน
Cr. SCMP
วันนี้มีข่าวมาจากวงประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่จัดประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยที่ลุงสี่ จิ้นผิง ได้ขอคุยกับเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ในวาระฉุกเฉิน ที่จะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้ นอกจากวิกฤติ Covid-19
สาเหตุของการพูดคุยเบื้องต้น เกิดจากจีนจะใช้นโยบายปิดพรมแดน ไม่รับคนต่างชาติเข้าประเทศ เพราะเคสการติดเชื้อของจีนที่เพิ่มขึ้น ล้วนมากจากชาวต่างชาติที่เข้าเมืองมาใหม่ทั้งสิ้น ติดกันเองในประเทศแทบไม่มีแล้ว
เพื่อเป็นการป้องการ Super Spreader รอบสองในประเทศ จีนจึงตัดสินใจประกาศปิดพรมแดน
Cr. Xinhua News
ที่ต้องมาคุยกับเสี่ยอ่าง ก็เมื่อตอนที่จีนเกิดวิกฤติโรคระบาดใหม่ ประเทศอื่น รวมถึงสหรัฐประกาศแบนชาวจีนไม่ให้เข้าเมือง ยังโดนจีนแถลงการณ์ประณามเสียเละเทะ แต่คราวนี้สถานการณ์พลิกกลับ จีนต้องยอมกลืนน้ำลาย มาแบนชาวต่างชาติในประเทศที่เข้ากลุ่มเสี่ยงเสียเอง
ที่ตอนนี้ประเทศกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดในโลก กลายเป็นสหรัฐ ที่ยอดผู้ติดเชื้อรวมแซงจีนเป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้ว และมีแนวโน้มว่ายังไปได้อีกไกล จนถึงหลักแสนก็เป็นได้
สมฉายา Great America ของเสี่ยอ่างจริงๆ ทุกเรื่องชาวอเมริกันต้องเป็นที่ 1 🙏🙏🙏
Cr. The Guardian
นั่นเป็นแค่เรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือ ลุงสี่ขอใช้โอกาสนี้ เจรจาเรื่องการยุติสงครามการค้าระหว่างกัน และกลับมากระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศอีกครั้ง เพราะตอนนี้เราไม่ควรมาเสียเวลากับความขัดแย้ง ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องร่วมมือกัน
หลังคุยจบ เสี่ยอ่างก็ออกมาทวีตข้อความว่า ได้คุยกับลุงสี่จบแล้ว ถือเป็นการพูดคุยที่ดีมาก แล้วยอมรีบว่าจีนมีความเข้าใจเรื่องไวรัสดีมาก เราจะทำงานร่วมกันจากนี้ไป
ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้า 2 ลุง-เสี่ย ผู้ยิ่งใหญ่จะจับมือกันได้จริงๆ
เพราะสถานการณ์ในสหรัฐ ก็ต้องยอมรับว่าไม่สู้ดีจริงๆ กับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ขึ้นมาไม่หยุด ที่ตอนนี้ผู้ติดเชื้อทะลุ 85,000 แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ตัวเลขของผู้ที่รักษาหายแล้วกลับน้อยมาก ยังไม่ถึงหลักพันเลย
ความตลกร้ายสำหรับสหรัฐ จากประเทศที่มีแนวคิดที่จะสร้างกำแพงกันประเทศเพื่อนบ้านแอบลักลอบเขเมือง มาวันนี้ในแมกซิโก ชาวแม็กซิกันออกมาประท้วงเรียกรัองให้รัฐบาลปิดพรมแดน ไม่ให้ชาวอเมริกันเข้าประเทศ เพราะกลัวการแพร่กระจายเชื้อไวรัสในประเทศ
และจากประเทศที่เป็นเจ้าของทฤษฎีแนวคิด Disruption นวัตกรรมพลิกโลก และพยายามกีดกันจีนทุกทางในเรื่องเทคโนโลยี 5G แต่สิ่งที่ทำให้ จีนพลิกกลับขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในตอนนี้ ไม่ใช่ Huawei แต่เป็นหน้ากากอนามัย 😷
ตอนนี้สหรัฐกำลังขาดแคลนหน้ากากอนามัยอย่างหนัก แม้แต่จะจัดสรรให้แก่โรงพยาบาล
ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายก็พอจะรู้ว่า ถ้าถึงขนาดหน้ากากอนามัยขาดแคลนในโรงพยาบาลทั่วประเทศ อะไรจะเกิดขึ้น
แต่ทำไมประเทศร่ำรวยขนาดสหรัฐยังขาดแคลนหน้ากากอนามัยได้
Cr. New York Times
ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติโรคระบาด ย้อนกลับไปช่วงราวๆปี 2005 อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช เคยชงเรื่องไปที่สภาคองเกรซว่า เราควรจัดให้มีหน้ากากอนามัยคงคลังไว้อย่างน้อย 100 ล้านชิ้น เพื่อใช้ยามฉุกเฉิน กรณีฤดูที่เกิดไข้หวัดระบาด
แต่จำนวนหน้ากากอนามัย 100 ล้านชิ้นในสต็อคถูกใช้หมดไปแล้วตั้งแต่ปี 2009 ตอนที่สหรัฐเกิดโรคไข้หวัดหมู H1N1 ระบาด แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครชงเรื่องเติมหน้ากากอนามัยคงคลังอีกเลย
อาจจะคำนวนว่า สหรัฐผลิตหน้ากากได้เองในประเทศ ยังไงก็เหลือๆ แต่วิกฤติ Covid-19 คราวนี้ไม่ใช่
มีผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐประเมินว่า บุคลากรทางการแพทย์ในสหรัฐจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยถึง 3,500 ล้านชิ้น เพื่อสู้ศึกไวรัส Covid-19 นั่นยังไม่รวมของที่ประชาชนทั่วไปต้องใช้เลย
แต่ตอนนี้ ในสหรัฐมีหน้ากากอนามัยในประเทศอยู่แค่ 1%ของจำนวนดังกล่าว
ถึงแม้ว่าตอนนี้สหรัฐจะอัดฉีดงบเพิ่มกำลังผลิตเต็มสูบ ถึงขั้นขอร้องให้โรงงานผลิตเสื้อผ้าทั่วไป เทออร์เดอร์มาผลิตหน้ากากอนามัยให้ก่อน แต่กว่าจะเพิ่มจำนวนจนเป็นที่เพียงพอได้ อาจต้องใช้เวลากว่า 5 เดือน
นั่นคือสิ่งที่ลุงสี่กำลังจะบอก "ตอนนี้เรารอไม่ได้"
เพราะในตลาดหน้ากากอนามัยทั่วโลก ประเทศที่มีกำลังผลิตเกิน 75% ของโลกคือจีน ด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงคือ 100 ล้านชิ้นต่อวัน
ถามว่าตอนนี้ สหรัฐจะไปซื้อหน้ากากอนามัย รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ได้จากที่ไหนได้อีก ในเมื่อทั่วโลกเขาก็จำเป็นต้องใช้กันหมด ถ้าไม่ซื้อจากจีน
แล้วตอนนี้ยังจะมาตั้งกำแพงภาษี กีดกันสินค้าจีน อีกหรือ?
ถ้าจะลดกำแพงภาษีเฉพาะหน้ากากอนามัย เอาเฉพาะที่ตัวเองจะใช้ ก็ใช่ที่เนาะ ของอย่างนี้ก็ใจ-ใจกันหน่อย
ส่วนจีน ถึงจะพลิกฟื้นกลับจากวิกฤติได้ ก็ใช่ว่าจะหัวเราะอย่างผู้ชนะได้เต็มปาก เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จีนต้องทำ
นั่นก็คือ การกู้ภาพพจน์ จากประเทศที่เป็นต้นกำเนิด และศูนย์กลางการแพร่เชื้อ ไปสู่ผู้นำในการกอบกู้โลก ซึ่งจีนก็ต้องทุ่มหนักมาก ไม่ว่าจะผลิต แจกจ่ายอุปกรณ์การแพทย์ ส่งทีมแพทย์ไปประเทศอื่น ส่งเงินสนับสนุนให้แก่กองทุนป้องกันโรคระบาดทั่วโลก น่าจะเป็นงบประมาณแผ่นดินจำนวนไม่น้อยทีเดียว
เคยมีนักวิเคราะห์บอกว่า ไวรัส Covid-19 ส่งมาเพื่อดับความอหังการของจีน และอาจทำให้บัลลังก์ของลุง สี่ จิ้นผิง พังทลายได้
แต่ถึงตอนนี้ไม่ใช่ จริงๆแล้ว ไวรัสตัวนี้มาเพื่อดับความอหังการของพวกเราชาวมนุษย์ต่างหาก ให้พวกเราต้องย้อนกลับมาระลึกถึง มรณานุสติ อันเป็นสัจธรรมแห่งสากลโลก และควรดำเนินชีวิตบนความไม่ประมาท
ไม่ว่าจะเป็นประเทศยากจน หรือมหาอำนาจยิ่งใหญ่ อย่ามองเพียงแค่วันนี้ เพราะวันหน้ายังมีเรื่องที่เราคาดไม่ถึงอีกมาก
จากประเทศที่เคยร่ำรวย ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องมาเป็นที่หนึ่ง กลับต้องเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่น
หรือแม้ประเทศที่ชาตินิยมแข็งกร้าว ยอมไม่ได้ที่เคยถูกปิดประตูใส่หน้า ก็ยังถึงวันที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เราผ่านวิกฤติไปได้ คือ ต้องลดอัตตาของตัวเอง
พักเรื่องบาดหมาง หันหน้าเข้าหากัน ช่วยเหลือกัน ร่วมมือกัน เข้าใจซึ่งกันและกัน ปัญหาโลกแตกขนาดไหน ก็ข้ามผ่านไปได้แน่นอน
แต่หลังจบศึกไปแล้ว ค่อยทะเลาะกันใหม่ เอ๊ะ! ยังไงน้า😅
แหล่งข้อมูล
โฆษณา