31 มี.ค. 2020 เวลา 01:56
“Expert Financial by Bom”
“COVID-19” กับ “Emergency Cash”
ในสถานการณ์ที่เชื้อ COVID-19 กำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในปัจจุบัน
ทำให้มีผลกระทบกับ 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ “งาน & เงิน”
แทบจะทุกอาชีพ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19
- บางอาชีพไม่สามารถหารายได้ได้เลย
- บางอาชีพยังทำงานได้ แต่รายได้ลดลงมาก
- บางอาชีพต้องยอมสละอาชีพปัจจุบัน แล้วรอหลังสถานการณ์ดีขึ้น ค่อยหางานใหม่ทำ
แม้จะมีมาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น
- การประปานครหลวง : ลดค่าน้ำและคืนเงินประกันมิเตอร์ พร้อมให้โรงแรมผ่อนชำระค่าน้ำ 6 เดือน
- การไฟฟ้านครหลวง : คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า สำหรับบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก
- สรรพากร : จัดมาตรการภาษีชุดใหญ่ ทั้งเลื่อนชำระภาษีและยื่นแบบบุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) จาก 31 มี.ค. 63 เป็น 31 ส.ค. 63 และเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีในหมวดของประกันสุขภาพ จากเดิม 15,000 บาท เป็น 25,000 บาท (เมื่อรวมกับการลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท)
- รัฐบาล : จ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน
- สำนักงานประกันสังคม : ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน , ขยายเวลาส่งเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา 33,39 , เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เนื่องจากเหตุสุดวิสัย
และธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีมาตรการที่เกี่ยวกับการพักชำระหนี้ของสินเชื่อรถยนต์ , พักชำระเงินต้นของสินเชื่อบ้าน , พักชำระเงินต้นของสินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ
*สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของมาตรการต่างๆได้ตามเวปไซต์ของส่วนงานนั้นๆ ครับ
แต่มาตรการต่างๆ ก็ช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
ที่สำคัญคือ เมื่อคุณขาดรายได้ แต่รายจ่ายยังดำเนินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าผ่อนสินค้าต่างๆ(หนี้สินบางอย่างพักชำระได้แค่เงินต้น) ทำให้คนหันมามองถึง”เงินสำรองฉุกเฉิน” หรือ “Emergency Cash” กันมากขึ้น
”เงินสำรองฉุกเฉิน” หรือ “Emergency Cash” นั้นเปรียบเสมือนกระปุกออมสินยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน หรือวิกฤติ COVID-19 เช่นปัจจุบัน ทำให้ขาดรายได้ไป แต่รายจ่ายยังเดินต่อไปไม่หยุด การสำรองเงินสดไว้จึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกในกระบวนการวางแผนการเงิน
ตามอัตราส่วนทางการเงินส่วนบุคคล (Personal Financial Ratios) เรื่องเงินสำรองฉุกเฉิน(Basic Liquidity Ratio) นั้น
สามารถบอกได้ว่าเรามีเงินสำรองมากเพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤติต่างๆได้หรือไม่ ในอัตราส่วนได้กำหนดค่ามาตรฐาน(Benchmark) เอาไว้ที่ 3-6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน
เช่น เรามีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 20,000 บาท เราก็ควรจะมีเงินสำรองกันเอาไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 60,000-120,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของหน้าที่การงานของเราเอง)
ถ้าเรามีเงินสำรองฉุกเฉินเอาไว้เพียงพอแล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์ที่จะทำให้เราขาดรายได้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเรามากนักนั่นเอง
สถานการณ์แบบนี้ คงมีหลายๆ ท่านประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องกันพอสมควร
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายอันเนื่องจากการระบาดของไวรัส COVID-19 นี้ไปด้วยกันนะครับ
พอสถานการณ์ดีขึ้น สามารถกลับมาประกอบอาชีพและหารายได้ได้เหมือนเดิมแล้ว อย่าลืมวางแผน ”เงินสำรองฉุกเฉิน” หรือ “Emergency Cash” กันด้วยนะครับ 😊
“เพียงแค่คุณเจอผม โลกการเงินของคุณจะเปลี่ยนไป”
#ExpertFinancial
#FinancialPlanner
#FChFP
#ChLP
#AFPT™️
#THAIFAรวมพลังสร้างอนาคต
#THAIFAส่งกำลังใจสู้ภัยโควิด
โฆษณา