1 เม.ย. 2020 เวลา 09:33 • กีฬา
นี่คือเรื่องโศกนาฏกรรมมิวนิคตอนที่ 4 กับความรู้สึกที่ถาโถมใส่เมืองแมนเชสเตอร์ หลังจากที่ข่าวเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ทุกคนรู้กันแล้ว นี่คือ 1 วันแห่งความทรมานของครอบครัวคนที่อยู่บนเครื่องบิน
หลังคนเจ็บทั้งหมดถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาล แพทย์เร่งรักษาคนที่อยู่ในอาการโคม่า
ส่วนคนที่ไม่บาดเจ็บมาก อย่างแฮร์รี่ เกรก หรือ บิลล์ โฟ้กส์ ได้รับการตรวจเช็กอาการทั่วไป เมื่อทำแผลเสร็จแล้ว สายการบินบริติช ยูโรเปี้ยน แอร์เวย์ส ได้จองห้องพักเอาไว้ที่โรงแรมสตาร์เฮาส์ ให้คนที่ไม่ถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาลได้มาพักผ่อนที่โรงแรมนี้
เกรก และโฟ้กส์ มาถึงโรงแรม แต่ทั้ง 2 คนนอนไม่หลับเลย แฮร์รี่ เกรก เดินออกมานั่งนอกระเบียง โฟ้กส์เดินตามออกมาด้วย หิมะยังคงตกโปรยลงมา ในใจของเกรกยังคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
โฟ้กส์ปกติไม่เคยดื่มเหล้า แต่วันนี้เขานั่งดื่มกับเกรก เพื่อให้ผ่านพ้นคืนที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
ขณะที่กัปตันเจมส์ เธนส์ ก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บมากนัก เขาถูกส่งมาที่โรงแรมสตาร์เฮาส์เช่นกัน เธนส์ขึ้นมาถึงห้องพัก และได้อยู่กับตัวเองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินชน และสุดท้ายเขาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้
ตัดกลับมาที่โรงพยาบาล เรช เดอ อิซาร์ ในเมืองมิวนิค ได้แบ่งผู้รอดชีวิตเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่มีอาการไม่หนักมาก เช่นหัวแตก เจ็บหลัง เหล่านี้ก็จะรักษาตามอาการ ใครรักษาเสร็จ ถ้าไม่ไหวก็นอนที่โรงพยาบาล แต่ถ้าไหว ก็ส่งไปที๋โรงแรมสตาร์เฮาส์
ส่วนอีกกลุ่ม เป็น 5 คนที่มีการโคม่า ประกอบด้วย แมตต์ บัสบี้, กัปตันเคนเน็ธ เรย์เมนต์, นักข่าวแฟรงค์ เทย์เลอร์, จอห์นนี่ เบอร์รี่ และ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์
5 คนนี้อยู่ในสภาวะเป็นตายเท่ากัน นอกจากแพทย์ต้องใช้ความสามารถอย่างที่สุดแล้ว พวกเขาต้องมีพลังชีวิตแข็งแกร่งพอที่จะยืนหยัดผ่านชั่วโมงวิกฤติไปให้ได้ด้วย
บ่าย 4 โมงของวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ จิมมี่ เมอร์ฟี่ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด มือขวาของแมตต์ บัสบี้ ที่ไม่ได้ไปเบลเกรดด้วย เนื่องจากมีภารกิจกับทีมชาติเวลส์ เขาเดินทางกลับจากคาร์ดิฟฟ์ มาแมนเชสเตอร์ และเมื่อถึงสถานีรถไฟก็เรียกแท็กซี่แล้วบอกให้ไปโอลด์แทรฟฟอร์ดทันที
ในวันเสาร์นี้แมนฯยูไนเต็ดจะมีโปรแกรมใหญ่ ที่ต้องเจอกับจ่าฝูงวูล์ฟแฮมป์ตัน เขาต้องเข้าไปเช็กสภาพสนามทุกอย่างให้พร้อมสมบูรณ์ที่สุด โดยระหว่างนั่งแท็กซี่ เขาก็เอาแต่คิดว่า นักเตะจะฟิตแค่ไหนหลังเดินทางไกลกลับมาจากเบลเกรด
เมื่อมาถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดทุกอย่างเงียบผิดปกติ สตาฟฟ์แต่ละคนหายไปไหน เมอร์ฟี่รีบเดินขึ้นมาถึงห้องทำงาน และพบกับอัลม่า จอร์จ เลขาส่วนตัวของบัสบี้
"คุณเมอร์ฟี่ คุณยังไม่ได้ยินข่าวใช่ไหม เครื่องบินของยูไนเต็ดเกิดอุบัติเหตุที่มิวนิค" เมอร์ฟี่ได้ยินดังนั้นแต่ยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น "เครื่องบินชนที่มิวนิค มีคนมากมายเสียชีวิต" อัลม่าย้ำอีกครั้ง พร้อมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ถึงตรงนี้จิมมี่ เมอร์ฟี่ หัวใจแทบหยุดเต้น เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ เมอร์ฟี่เดินเข้าไปที่ออฟฟิศของเขาด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็เริ่มโทรไปหานักข่าวเพื่อเช็กว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งสื่อดังๆตอนนี้รู้ข่าวกันหมดแล้ว ก็ยืนยันว่า ใช่ มันเป็นเรื่องจริง
เมอร์ฟี่เริ่มร้องไห้ เด็กๆเหล่านี้เหมือนเป็นลูกชายของเขา เขาปั้นนักเตะเยาวชนพวกนี้ตั้งแต่เด็ก และเห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ ขณะที่บัสบี้ก็คืออาจารย์ของเขา นี่คือช่วงเวลาที่เจ็บปวดเหลือเกิน
สื่อมวลชนตอนนี้รู้เรื่องกันหมดแล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์ ที่มีผู้สื่อข่าวประจำที่เยอรมัน เป็นที่แรกที่รายงานเรื่องนี้ รอยเตอร์ระบุข่าวด้วยเฮดไลน์สั้นๆแต่ทรงพลังว่า
"เครื่องบินของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนที่มิวนิค ยังคงตามหาผู้รอดชีวิต"
จากนั้นหนังสือพิมพ์แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่งนิวส์ ได้ทำหนังสือพิมพ์ฉบับด่วนวางขายหน้าสถานีรถไฟ และตามป้ายรถเมล์ ซึ่งผู้คนต่างมุงดูแย่งซื้อหนังสือพิมพ์กันอย่างอลหม่าน และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พาดหัวของแมนเชสเตอร์อีฟนิ่งนิวส์ เขียนว่า "หายนะของยูไนเต็ด ผู้เล่นอยู่โรงพยาบาลสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนบัสบี้ 50:50"
ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองในพริบตา แฟนบอลแห่เดินทางมาที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อถามสโมสรว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่สนามก็ตอบไปว่ารู้เท่าๆกับที่ทุกคนรู้นั่นล่ะ
สื่อแรกที่ได้ข้อมูลจากปากผู้อยู่ในเหตุการณ์คือ เดลี่ เมล์ โดยปีเตอร์ ฮาวเวิร์ดช่างภาพที่รอดชีวิต เมื่อตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อยเขาโทรศัพท์หาสำนักพิมพ์ แล้วแจ้งข่าวทันทีว่า "ผมโทรมาบอกข่าวร้าย เครื่องบินแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนที่มิวนิค ในขณะที่พวกเรากำลังจะบินขึ้น ผมปลอดภัยดี รู้สึกอ่อนแรงนิดหน่อย บอกภรรยาของผมด้วย ว่าผมโอเค สถานการณ์ตอนนี้มันยุ่งเหยิงไปหมด บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, อัลเบิร์ต สแกลล่อน, เรย์ วู้ด บาดเจ็บไม่หนัก ตอนนี้ไปโรงพยาบาลแล้ว ส่วนลูกเรือส่วนใหญ่ปลอดภัยดี เอ้อ แฮร์รี่ เกรกก็โอเคดีเช่นกัน"
เดลี่ เมล์ นำเสนอข่าวอย่างรวดเร็ว เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับด่วนวางขายช่วงเย็น ซึ่งในตอนนี้ทั้งเมืองอยู่ในความสับสน ว่านี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า แล้วเครื่องบินชนได้อย่างไร แล้วใครรอดบ้าง คือทุกอย่างเต็มไปด้วยความสับสน
สุดท้าย ในเวลา 1 ทุ่ม ชาวแมนเชสเตอร์รออัพเดทข่าวหน้าโทรทัศน์ และบีบีซี สำนักข่าวที่คนอังกฤษเชื่อถือมากที่สุด ก็รายงานยืนยัน โดยเคนเน็ธ เคนดัลล์ ผู้ประกาศยืนยันว่า "เครื่องบินของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบอุบัติเหตุที่มิวนิค มีผู้รอดชีวิต 23 คน"
ครอบครัวของนักเตะที่อยู่บนเครื่องบิน ก็รับทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่า คนของตัวเองอยู่หรือตาย ทุกคนได้แต่สวดภาวนา ขอให้คนที่ตัวเองรักเป็นหนึ่งใน 23 คนที่รอด
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีอย่างนั้น
มาจอรี่ อิงลิช แฟนสาวของเอ็ดดี้ โคลแมน รู้ข่าวนี้เพราะมีเด็กคนหนึ่งตะโกนบอกว่า รู้หรือยังเครื่องบินของแมนฯยูไนเต็ดเกิดอุบัติเหตุ
"อย่าเล่นอะไรโง่ๆน่า มันไม่จริงหรอก" มาจอรี่ตอบ "ฉันไม่เชื่อหรอก"
เอ็ดดี้ โคลแมน นักเตะวัย 21 ปี แฟนหนุ่มของเธอเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ
เอ็ดดี้ โคลแมน
ที่บ้านของตระกูลเพ็กก์ พ่อแม่ และไอรีน พี่สาวของเดวิด เพ็กก์ เปิดวิทยุเพื่อรอฟังความเคลือนไหวล่าสุด เพราะสำนักข่าวแค่แจ้งว่ามีคนรอดเท่าไหร่ แต่ไม่ได้บอกว่ามีใครบ้าง ทุกคนรอด้วยความหวังว่าเดวิด เพ็กก์ วัย 22 ปี จะเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต
แต่ไม่ เดวิด เพ็กก์ ที่ตอนแรกนั่งกลางเครื่อง เขาตัดสินใจเปลี่ยนไปนั่งท้ายลำ ก่อนเครื่องบินขึ้น และเขาเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่จบลงไปที่มิวนิค
เดวิด เพ็กก์
จูน ภรรยาของมาร์ก โจนส์ กำลังตั้งครรภ์อยู่ เด็กในท้องนั้นเธอกับโจนส์คุยกันแล้วว่าถ้าเขาคลอดออกมาถ้าเป็นลูกสาวจะตั้งชื่อว่า ลินน์
จูนออกไปช็อปปิ้งนอกบ้านในช่วงบ่าย เพื่อรอสามีที่กำลังจะกลับมาคืนนี้ แต่สิ่งที่เธอไม่เคยรู้เลยคือ มาร์ก โจนส์ จะไม่มีวันกลับมาแล้ว
มาร์ก โจนส์
บิลลี่ วีแลน กองกลางทีมชาติไอร์แลนด์ มีแพลนแต่งงานกับแฟนสาว รูบี้ แม็คคัลลาฟ พนักงานโรงงานขนมบิสกิต ที่คบกันมานาน ทั้งสองคนจองวันเวลา Wedding Day ที่โบสถ์เชิร์ช ออฟ ไครสต์ ทางตอนเหนือของดับลินเอาไว้แล้ว แต่แทนที่ รูบี้จะได้เป็นเจ้าสาว แต่สิ่งที่เธอต้องทำในโบสถ์ คือจัดงานศพให้วีแลนแทน
บิลลี่ วีแลน
สำหรับ โรเจอร์ เบิร์น กัปตันของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความฝันว่าสักวันเมื่อเขาแขวนสตั๊ดแล้ว เขาจะไปเรียนเป็นโค้ชและกลับมาเป็นผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ดสานต่อบัสบี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะไม่มีโอกาสได้เรียนโค้ชอีกแล้ว และอีกเรื่องที่โรเจอร์ไม่รู้เหมือนกัน คือภรรยาของเขา จอย กำลังตั้งครรภ์ลูกชายคนแรกอยู่ เธอตั้งใจจะบอกเขาหลังกลับมาจากเบลเกรด
แน่นอนโรเจอร์ เบิร์น ไม่เคยได้รู้ และอีก 8 เดือนต่อจากนั้น จอย ก็คลอดลูกชายและเธอตั้งชื่อเด็กน้อยคนนี้ว่า โรเจอร์ ตามชื่อคุณพ่อที่เสียชีวิตที่มิวนิค
โรเจอร์ เบิร์น
ส่วนนีล เบอร์รี่ ลูกชายวัย 8 ขวบของจอห์นนี่ เบอร์รี่ เพิ่งกลับมาจากโรงเรียน ก่อนจะวิ่งไปเล่นที่ถนนหน้าบ้าน ทันใดนั้นคุณแม่ของเขาเรียกให้นีลเข้ามาในบ้านด่วน ในตอนนั้นนีล นึกว่าเขาไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า แม่จะดุอะไรเขาอีก
2
คุณแม่คว้าตัวลูกชายมาแล้วบอกว่า ตอนนี้คุณพ่อประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องบิน ซึ่งตอนแรกนีลจินตนาการภาพคุณพ่อกระโดดออกมาจากเครื่องบิน โดยใส่ชุดนักฟุตบอลแล้วมีร่มชูชีพกางอยู่ ซึ่งเป็นภาพที่น่าตลกดี แต่แค่ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น คุณแม่ก็ย้ำให้ได้รู้ชัดเจนว่าเรื่องนี้มันจริงจังกว่าที่เขาคิด
จอห์นนี่ เบอร์รี่ คุณพ่อของนีลกำลังสู้เพื่อยื้อชีวิตของตัวเองไว้ ในตอนนี้ที่โรงพยาบาลในมิวนิค เบอร์รี่มีสายห้อยระโยงระยางเต็มตัว ดร.จอร์จ เมาเรอร์ หัวหน้าฝ่ายศัลยกรรม ของโรงพยาบาลยอมรับว่าโอกาสรอดของเบอร์รี่มีแค่ 25% เท่านั้น
การต่อสู้ของแพทย์ และพยาบาลที่มิวนิคเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย 5 เคสโคม่าอาการหนักทุกคน
รองกัปตันเคนเน็ธ เรย์เมนต์ ยังหายใจอยู่ก็จริง แต่เขาอาการหนักมากเกินไป แพทย์ส่งเขาไปอยู่ในเต๊นท์ อ็อกซิเจน ซึ่งเขาก็ไม่ได้สติอีกเลย นี่เป็นคนแรกที่แพทย์ยอมรับว่าน่าจะยากต่อการยื้อชีวิต
คนต่อมาคือจอห์นนี่ เบอร์รี่ ที่กรามยุบเข้าไปเลย หน้าเขาเละเทะมีรอยแผลเต็มไปหมด ในตอนที่เข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ แพทย์ต้องไปถามบิลล์ โฟ้กส์ ให้ยืนยันว่านักเตะคนนี้ชื่ออะไรกันแน่
นอกจากหน้าจะเละไปหมด เขายังแขนหัก ขาหัก กระดูกเชิงกรานหัก กะโหลกร้าว นี่เป็นอาการที่หนักมากจริงๆ
แต่ด้วยปาฏิหาริย์ของดร.เมาเรอร์ และพลังใจของเบอร์รี่ แม้โอกาสรอดจะมีแค่ 25% แต่เขาทำได้ เบอร์รี่รอดชีวิตได้อย่างเหลือเชื่อ แพทย์บอกให้เขาทำใจว่า จากนี้ไป จะไม่มีวันกลับไปเล่นฟุตบอลได้อีกแล้ว
จอห์นนี่ เบอร์รี่
ในภายหลังเมื่อออกจากโรงพยาบาลมา ก็เป็นไปตามที่แพทย์ว่าไว้ เบอร์รี่ไม่สามารถกลับไปเตะฟุตบอลได้อีก ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้มอบเงินก้อนสุดท้ายให้กับเบอร์รี่ก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ด เพื่อที่เบอร์รี่จะได้เอาไปซื้อบ้านและทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมา
ขณะที่นักข่าวแฟรงค์ เทย์เลอร์ ขาหัก ซี่โครงหัก และศีรษะมีแผลขนาดใหญ่ แต่คุณหมอก็ยื้อชีวิตได้สำเร็จ เขาเป็นนักข่าวคนเดียวจาก 9 คนที่รอดชีวิต
คนต่อมาคือแมตต์ บัสบี้ ดร.เมาเรอร์ บอกว่าอาการอยู่ที่ 50-50 ต้องอยู่ในเต๊นท์ออกซิเจน บัสบี้ซี่โครงหัก ปอดฉีก ข้อเท้าบิดผิดรูป อาการของเขาไม่ดีนัก แต่ด้วยความพยายามของแพทย์หลายชั่วโมง ในที่สุดบัสบี้ก็พ้นขีดอันตราย เขากับนักข่าวแฟรงค์ เทย์เลอร์ ถูกย้ายออกจากห้องไอซียู ไปอยู่ในห้องผู้ป่วยปกติ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
หลังผ่านเหตุการณ์ไป 1 วัน สื่อมวลชนก็รู้แล้วว่า ใครที่รอด และใครที่เสียชีวิตบ้าง ครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ต้องเริ่มต้นใช้เวลาทำใจกัน ขณะที่ครอบครัวของผู้รอดชีวิตก็ล้วนแต่ขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่พรากชีวิตของคนที่รักไปในเหตุการณ์ครั้งนี้
อย่างไรก็ตามมีอยู่หนึ่งคนที่กำลังยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ เขาคือดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์
ดันแคนยังไม่ตาย แต่อาการหนักมาก ขาหัก ซี่โครงร้าว และโดยเฉพาะอวัยวะภายใน "ไต" มีความเสียหายรุนแรง
ตามธรรมดาคนทั่วไป เจออาการหนักขนาดนี้แล้วต้องตายไปแล้ว แต่ดันแคนยื้อชีวิตของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แม้แต่แพทย์ ดร.เมาเรอร์ ก็ยอมรับว่าเขาไม่เคยเจอใครที่มีพลังใจมากขนาดนี้
ดันแคนคือสัญลักษณ์แห่งอนาคตของฟุตบอลอังกฤษ เขาคือนักเตะที่เก่งที่สุดในรอบหลายสิบปี ดันแคนลงเล่นให้แมนฯยูไนเต็ดครั้งแรกด้วยวัย 16 ปี กับอีก 185 วัน เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีก ที่ได้ลงสนาม
จากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นมายึดตัวจริงได้ และติดทีมชาติอังกฤษในที่สุด จนถึงอายุ 21 ปีในวันเกิดเหตุ เขาติดทีมชาติอังกฤษถึง 18 นัด
ในปี 1957 เขาได้อันดับ 3 ของการประกาศรางวัลบัลลงดอร์ ว่ากันว่าอีกไม่นานดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ จะกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกแน่ๆ
เฟเรนซ์ ปุสกัส ตำนานชาวฮังการีของเรอัล มาดริด กล่าวว่า "ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ คือผู้เล่นมหัศจรรย์ เขายังหนุ่มแน่น และมีพลังมหาศาล ร่างกายเขาแข็งแกร่งมากเหลือเกิน"
การมีชีวิตอยู่ของดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์ มันจึงเป็นเหมือน แสงสว่างเล็กๆ ในช่วงเวลาที่มืดมนเช่นนี้ อย่างน้อยนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ก็ยังมีชีวิตอยู่
ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์
ตอนนี้บัสบี้หายแล้ว บ๊อบบี้ ชาร์ลตันก็ไม่ได้เจ็บอะไร เดี๋ยวพอเอ็ดเวิร์ดส์หายดีทีมก็คงกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
แต่สิ่งที่แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่เคยรู้เลย ก็คือการหวังมาก ก็ยิ่งทำให้เจ็บปวดมาก
การมีแสงเทียนในค่ำคืนที่มืดมิด ยังทำให้พอเห็นทางเดินไปต่อ แต่เมื่อจู่ๆแสงเทียนนั้นดับลง ไม่รู้ทำไม ค่ำคืนนี้มันยิ่งมืดมนมากกว่าเดิมเสียอีก
[ จบ PART 4 ]
โฆษณา