25 เม.ย. 2020 เวลา 04:00 • ไลฟ์สไตล์
ยักษ์ใหญ่เจ้าของไวน์ ตอนที่ 2
LVMH ผู้ที่สามารถกว้านซื้อได้ทุกอย่าง กับ สองผู้เฒ่าที่ต่อให้เอาทองมาปูเต็มผืนไร่ก็ไม่ขาย
ในบรรดาไวน์ชื่อดังที่เรารู้จัก หรือได้ดมได้ดื่มผ่านลิ้นผ่านจมูกกันมา อย่างเช่นไวน์กรองครูชั้นหนึ่ง 5 เสือจาก Medoc หรือ DRC จากแคว้นบูร์กอญ หรือแชมเปญอย่าง Louis Roederer เราๆ ท่านๆ เคยสงสัยกันไหมครับว่าใครคือเจ้าของไวน์ชื่อดังเหล่านั้นกันบ้างนะ
วันนี้ Aftertaste ได้พยายามรวบรวมข้อมูลเพื่อจะพาไปรู้จักเจ้าของตัวจริงไวน์ชื่อดังบางส่วนเหล่านั้นกัน ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าล้วนแต่เป็นเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลกหรือไม่ก็กลุ่มทุนที่มีกำลังซื้อมหาศาลทั้งนั้น
ตอนที่ 2 นี้ ไปเริ่มที่ Bordeaux ฝั่งขวากันครับ
แผนที่และไวน์จาก Bordeaux ฝั่งขวา
มาเริ่มที่ หนึ่งในไวน์ที่แพงที่สุดในโลกอย่าง CHATEAU PETRUS แห่ง Pomerol
CHATEAU PETRUS ตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของพี่ชายคนโตของตระกูลนาม Jean-Francois Moueix ผู้ซึ่งดำเนินกิจการจนครอบครัวสามารถถือครองส่วนแบ่ง CHATEAU PETRUS ทั้งหมดจาก Mme Lily Lacoste ในปี 1969 แถมยังไปดึงเอาผืนไร่ส่วนที่ดีที่สุดของไร่ Gazin มารวมเข้ากับ CHATEAU PETRUS อีกด้วย
Jean-Francois Moueix
ตั้งแต่ปี 1970 Jean-Pierre Moueix ผู้พ่อ (จากไปในปี 2003 ด้วยวัย 90 ปี) มอบหมาย ให้ Christian Moueix ผู้น้องที่มีพรสวรรค์และฝีมือเป็นเลิศในการทำไวน์เป็นคนดูแลและควบคุม CHATEAU PETRUS มาตลอด 38 ปี ก่อนที่จะถ่ายโอนสู่มือผู้พี่ในปี 2009
CHATEAU PETRUS ยังเป็นเจ้าของ ไร่ไวน์ชื่อดังอีกหลายแห่งในเขต Pomerol ด้วยกันเอง อันได้แก่ La Fleur Petrus, Trotanoy, Hosanna, Latour-Pomerol, Chateau Lagrange และ Chateau La Grave
ในช่วงปี 1982-1983 Christian Moueix เองได้เข้าถือครอง DOMINUS ใน Napa Valley และได้สร้างให้ DOMINUS กลายเป็นไวน์ที่คอไวน์ต่างยกย่องว่า เป็นไวน์นาปาที่มีความเป็นไวน์ฝรั่งเศสมากที่สุดตัวหนึ่งอีกด้วย
Christian Moueix ผู้ทำให้ไวน์ PETRUS ยืนหนึ่งมาตลอดกว่า 3 ทศววรษ และได้รับการยกย่องอย่างสูงในแวดวงคนทำไวน์ด้วยกัน
มาที่เขต Saint-Emilion บ้าง… ณ เวลานี้ Saint-Emilion เป็นเขตที่มีไร่ไวน์ถูกซื้อขายกันมากที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส เนื่องจากไร่ไวน์ส่วนใหญ่ขนาดไม่ใหญ่มากและชื่อเสียงก็ยังไม่โด่งดังเท่ากับชาโต้ทางฝั่งซ้าย ทำให้ราคายังพอจับต้องได้(สำหรับเหล่ามหาเศรษฐี) ประกอบกับเจ้าของเดิมที่เป็นคนรุ่นเก่าก็เริ่มโรยราร่วงโรยจากไป
ไร่ไวน์ในเขต Saint-Emilion
ขณะที่รุ่นลูกรุ่นหลานที่ขึ้นมาก็ไม่มีจิตใจเต็มร้อยที่จะรักษามรดกที่ตกทอดมาถึงมือ อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจเป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องด้วยการทำไวน์ยุคใหม่นั้นมีการแข่งขันสูง และต้องใช้เม็ดเงินลงทุนไม่น้อยหากหวังจะแหวกว่ายขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการ ทำให้บรรดาเศรษฐีทางฝั่งเอเชียทั้งหลายได้เข้าไปจับจองเป็นเจ้าของกันอยู่หลายเจ้า อย่างเช่น
Peter Kwok ซื้อ Chateau Haut-Brisson (Saint-Emilion Grand Cru) ในปี 1997 จนกลายเป็นจุดกระแสให้เศรษฐีจีนเข้ามาซื้อชาโตไวน์ในฝรั่งเศส ปัจจุบันพวกเขาครอบครองชาโตไวน์ในฝรั่งเศสแล้วประมาณ 100 ชาโต ส่วนใหญ่เป็นชาโตเล็กถึงกลาง
จ้าว เวย (Zhao Wei) เจ้าของบทบาทเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ในซีรีส์ชุด ‘องค์หญิงกำมะลอ’ ก็ซื้อ Chateau Monlot (Saint-Emilion Grand Cru)
ส่วน แจ็ค หม่า ก็ซื้อชาโตไวน์แห่งแรก พร้อมประกาศว่า ”จะซื้อไวน์ในฝรั่งเศสอย่างน้อย 20-30 ชาโต” โดยซื้อ Chateau de Sours จาก Martin Krajewski ซึ่งเป็นเจ้าของ Clos Cantenac (Saint-Emilion Grand Cru)
Premier Grand Cru Classe A ทั้ง 4 ตัวของเขต Saint-Emilion
และสำหรับไวน์ตัวเอ้ระดับ Premier Grand Cru Classe A ทั้ง 4 ตัวของเขต Saint-Emilion นั้นมีเจ้าของดังนี้
CHATEAU ANGELUS เป็นของเจ้าพ่อแห่งไวน์ Saint-Emilion นั่นคือ Hubert de Bouard แห่ง The de Bouard Family โดยตัว Hubert de Bouard เองก็ได้รับเชิญไปเป็นที่ปรึกษาการทำไวน์ให้กับ winery น้อยใหญ่อีกมากมาย ทั้งในฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ด้วย
Hubert de Bouard (คนขวาสุด) และครอบครัว
CHATEAU AUSONE อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ The Vauther Family นำโดย Alain Vauthier
ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวลือว่า Francois-Henri Pinault แห่ง Chateau Latour ได้ยื่นขอซื้อ CHATEAU AUSONE ในปี 1997 ด้วยสนนราคา 17 ล้านยูโรต่อเฮกตาร์ เปรียบเทียบราคาในช่วงเวลาเดียวกันที่ LVMH ซื้อ CHATEAU CHEVAL BLANC ในราคา 15 ล้านยูโรต่อเฮกตาร์ แต่ดีลของ CHATEAU AUSONE ไม่ประสบความสำเร็จ
Alain Vauthier แห่ง CHATEAU AUSONE
CHATEAU PAVIE เป็นของพี่น้อง Gerard Perse และ Chantal Perse ที่ถือครอง Chateau Monbousquet อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะมาช่วยกันผลักให้ CHATEAU PAVIE ได้ขึ้นมาบนแท่น Premier Grand Cru Classe A ในปี ค.ศ. 2012 พร้อมกับ CHATEAU ANGELUS
Gerard Perse (ซ้าย) และ Hubert de Bouard ผู้ผลักดันให้ไวน์ของตัวเองขึ้นมายืนบนแท่นเบอร์หนึ่งเคียงข้าง CHATEAU AUSONE และ CHATEAU CHEVAL BLANC
CHATEAU CHEVAL BLANC เจ้าม้าขาวแห่ง Saint-Emilion เป็นของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่นับว่าร่ำรวยที่สุดในฝรั่งเศส นั่นก็คือ LVMH Group นำโดย Bernard Arnault เจ้าพ่อแห่งวงการ Luxury brands นั่นเอง
CHATEAU CHEVAL BLANC ภายใต้อุ้งมือของ LVMH
พูดถึง LVMH (ย่อมาจาก Louis Vuitton Moët Hennessy Group มีสินค้าเกือบทุกอย่างที่คนรวยจะต้องจ่ายเงินให้ เช่น ไวน์ชั้นดี, สปิริตชั้นยอด, กระเป๋าแฟชั่น Louis Vuitton, Dior, Fendi, Marc Jacobs, Rimowa, Kenzo เครื่องประดับนาฬิกา Bulgari, TAG Heuer)
ลองไล่เรียงรายชื่อไร่ไวน์ที่ Bernard Arnault มหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆ ของโลก ได้กวาดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดมาให้ดูกัน ได้แก่
ใน Champagne ประกอบไปด้วย MOËT & CHANDON, DOM PERIGNON, VEUVE CLICQUOT, KRUG, RUINART, และ MERCIER
ในเขต Sauternes มีสุดยอดไวน์หวานของโลกอย่าง CHATEAU D'YQUEM
ใน Burgundy ก็มีไวน์ไม่ธรรดาจาก DOMINES DES LAMBRAYS
ที่ New Zealand มี CLOUDY BAY ส่วนใน Australia มี CAPE MENTELLE
ที่ Argentina มีสุดยอดไวน์อย่าง CHEVAL DES ANDES และ TERRAZAS DE LOS ANDES
นอกจากนี้ก็ยังมี NEWTON VINEYARD จาก Napa Valley BODEGA NUMANTHIA ใน Spain และ AO YUN ในประเทศจีนด้วย
Bernard Arnault ผู้ครอบครองทุกอย่างใน LVMH
ข้ามกลับมาที่ฝรั่งเศสอีกที คราวนี้ไปดูตรงเนินทองคำ Cote d’Or ในแคว้น Burgundy กันบ้าง ไปดูว่าผู้ผลิต Top 10 ใน Burgundy มีเจ้าไหนและเป็นของใครกันบ้าง
ไร่ไวน์ใน Burgundy
อันดับแรก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก DRC หรือ DOMAINE DE LA ROMANEE-CONTI
ผู้เฒ่า Aubert de Villaine กับไวน์ DRC
DRC นั้นบริหารโดย 2 ครอบครัวคือตระกูล de Villaine และตระกูล Leroy แต่ก็มีเรื่องระหองระแหงกันมาโดยตลอด ทางฝั่ง Leroy นั้นถนัดเรื่องการทำไวน์ดูแลไร่ ส่วนฝั่ง de Villaine นั้นก็ถนัดการขายการตลาด ก็เลยมีแนวคิดแนวทางขัดแย้งกันอยู่ตลอด จนในที่สุดมาดาม Lalou Bize-Leroy ทนไม่ไหว จึงต้องขอแยกตัวออกไปจาก DRC โดยมี Henry-Frederic Roch มาแทนที่
ทุกวันนี้ DRC อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เฒ่า Aubert de Villaine จับมือกับรุ่นลูกคนเก่งอย่าง Perrine Fenal ลูกสาวของมาดาม Lalou Bize-Leroy ที่เข้ามาแทน Henry-Frederic Roch ผู้ล่วงลับ
Aubert de Villaine กับ Perrine Fenal
ถัดมาคือ DOMAINE ARMAND ROUSSEAU เป็นของ Rousseau family มี Charles Rousseau รุ่นที่สองเป็นแกนนำ ซึ่งให้ลูกชาย Eric Rousseau รับช่วงต่อในการเป็นไวน์เมกเกอร์ พร้อมกับให้รุ่นที่ 4 อย่าง Cyrielle Rousseau เข้ามาร่วมทีมในปี 2014 ด้วย
Rousseau family
ลำดับถัดมาเป็น DOMAINE LEROY ซึ่งชื่อก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นของสุดยอดหญิงเหล็กคนแกร่งมาดามเลอฮอย Lalou Bize-Leroy ที่แยกตัวออกมาจาก DRC เพื่อมาทำไวน์ในไร่ของตัวเอง ด้วยวิถีของตัวเอง นั่นคือ ที่นี่ไม่มีไวน์เมกเกอร์ พวกเราทำแค่เฝ้าดูแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีของธรรมชาติและวิถีของไวน์เท่านั้น
1
Lalou Bize-Leroy
ต่อมาคือผู้ผลิตไวน์ที่ก่าแก่ที่สุดใน Burgundy อย่าง DOMAINE COMTE GEORGES DE VOGUE ที่สืบทอดการทำไวน์และถือครองตวามเป็นเจ้าของมาถึงรุ่นที่ 20 คือสองสาวพี่น้อง Comtesse Claire de Causans และ Marie de Ladoucette
โดยให้ Trio men ช่วยดูแล Domaine Comte Georges de Vogue ได้แก่ Francois Millet ทำหน้าที่ไวน์เมกเกอร์, Eric Bourgogne ดูแลงานในไร่, และ Jean-Luc Pepin ดูแลด้านการขาย
Trio men แห่ง Domaine Comte Georges de Vogue
ถัดมาขอพูดถึง DOMAINE PONSOT ที่ก่อตั้งและถือครองภายใต้ครอบครัว Ponsot มาจนถึงปัจจุบันเช่นกัน โดย Laurent Ponsot พี่ใหญ่ทายาทรุ่นที่ 4 ได้ถอยตัวเองออกจากไร่ไปในปี 2017 ออกไปทำไวน์ที่อื่นกับลูกชาย แต่ยังถือกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ DOMAINE PONSOT ร่วมอยู่ (ข่าวว่าแยกทางกันด้วยความขัดแย้งกันบางประการ)
Laurent Ponsot แห่ง DOMAINE PONSOT
โดยน้องสาว Rose-Marie Ponsot ขึ้นมาแทนที่ และน้องอีกสองคนคือ Catherine และ Stéphanie Ponsot ถือครองด้วยกัน
Rose-Marie Ponsot ขึ้นมาแทนที่พี่ชาย
ผู้ผลิตเจ้าต่อมาคือ DOMAINE GEORGES & CHRISTOPHE ROUMIER เริ่มต้นที่ Georges Roumier ถือครองผืนไร่องุ่นที่เป็นสินสอดจากการแต่งงานในปี 1924 ซึ่งในเวลานั้น Georges Roumier ก็ทำทั้งไวน์ของตัวเองและไปเป็นคนดูแลไร่องุ่นให้กับ Domaine Comte Georges de Vogue ด้วย
ปัจจุบัน DOMAINE GEORGES & CHRISTOPHE ROUMIER อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหลานชาย Georges Roumier คือ Christophe จึงเป็นที่มาของการรวมชื่อกลายมาเป็น DOMAINE GEORGES & CHRISTOPHE ROUMIER
Christophe Roumier
ผู้ผลิตชื่อดังรายต่อมาคือ DOMAINE LAFLAIVE หนึ่งในผู้ผลิตไวน์ขาวได้ดีที่สุดในโลก เป็นของครอบครัว The Leflaive ซึ่งพำนักอยู่ใน Puligny-Montrachet มาตั้งแต่ปี 1717 และเริ่มก่อตั้ง DOMAINE LAFLAIVE โดย Joseph Leflaive ในปี 1920 ปัจจุบันดูแลภายให้ทายาทรุ่นที่ 4 คือ Brice de La Morandiere
Brice de La Morandiere ทายาทรุ่นที่ 4 DOMAINE LAFLAIVE
มีผู้ผลิตอีก 3 เจ้าใหญ่แต่ถือครองโดยเจ้าของรายใหม่แล้วได้แก่
Domaine Bonneau du Martray มี Stan Kroenke เศรษฐีชาวอเมกันเป็นเจ้าของ คอฟุตบอลและแฟนๆ ทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อลน่าจะรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี ซึ่ง Stan Kroenke คนนี้ก็คือเจ้าของไวน์ชื่อลือลั่น Screaming Eagle ใน Napa Valley ด้วยนั่นเอง
Stan Kroenke เจ้าของ Screaming Eagle และทีม Arsenal FC
Domaine des Lambrays นี่ก็เป็นของ Bernard Arnault แห่ง LVMH ตั้งแต่ปี 2014 ส่วน Clos de Tart ก็ถูกซื้อไปรวมอยู่ในค่ายคู่แข่งอย่าง KERING Group ของ Francois-Henri Pinault แห่ง Chateau Latour
Domaine des Lambrays (LVMH) และ Clos de Tart (KERING)
จบเรื่องยืดยาวทางฝั่งฝรั่งเศสไปแล้ว มาสรุปสั้นๆ ของประเทศอิตาลีบ้าง
ที่อิตาลีเองก็มีผู้ผลิตไวน์รายเล็กรายย่อยอีกนับพันๆ ไร่ แต่ถ้านับเฉพาะรายใหญ่ที่เป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจไวน์อิตาลีก็จะมีอยู่ประมาณ 6 เจ้า อันได้แก่ ANTINORI, FRESCOBALDI, LA-VIS/CEMBRA, GRUPPO ITALIANO VINI (GIV), LE TENUTE DI GENAGRICOLA, และ ZONIN
ANTINORI, FRESCOBALDI และ ZONIN นับว่าเป็น 3 ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในวงการไวน์อิตาลี
ปิดท้ายด้วยไวน์ออสซี่ที่น้อยคนจะไม่รู้จัก และเป็นเจ้าต้นตำรับของการเรียกชื่อ BIN ต่างๆ นั่นก็คือ PENFOLDS เป็นของบริษัทที่ชื่อว่า Treasury Wine Estates เรียกชื่อย่อในวงการไวน์ว่า TWE ซึ่งยังเป็นเจ้าของไวน์ชื่อดังและคุ้นหูอีกเป็นกระบุง เช่น
ในออสเตรเลียประกอบไปด้วย Wolf Blass, Lindeman's, Seppelt, Wynns Coonawarra Estate, Rawson's Retreat, Rosemount Estate ใน USA ก็มี Stags' Leap Winery, Beringer Vineyards, Beaulieu Vineyard (BV), Chateau St Jean ใน New Zealand มี Matua แถมมีไร่ไวน์ที่อิตาลีและฝรั่งเศสด้วย
บรรดาไวน์ของ TWE โดย Penfolds Grange หรือ BIN95 คือไวน์ที่สร้างชื่อให้กับ TWE มากที่สุดตัวหนึ่ง
แถมท้ายอีกนิดสำหรับไวน์ออสซี่ที่มีจำหน่ายแพร่หลายในบ้านเราอย่าง Jacob’s Creek เป็นของบริษัทแม่ที่ชื่อว่า PERNOD RICARD ที่มี Brancott Estate จากนิวซีแลนด์, Campo Viejo จากสเปน, Kenwood Vineyards จาก USA และ G.H. Mumm Champagne จากฝรั่งเศส อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
ไวน์ในมือของ PERNOD RICARD
รู้หรือไม่ ?
ในประเทศไทยเองก็มีไร่ไวน์ชื่อเสียงระดับสากลอยู่ถึง 2 แห่ง นั่นก็คือ Monsoon Valley จากหัวหิน และ GranMonte จากเขาใหญ่ ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย ใช้องุ่นที่ปลูกในประเทศทั้งหมดในการผลิตไวน์ และไวน์เมกเกอร์ก็เป็นคนไทยทั้ง 2 ค่ายอีกด้วย
"นิกกี้" วิสุตา โลหิตนาวี ไวน์เมกเกอร์ของ GranMonte
"เอ" ศุภเชษฐ์ สะสมสิน ไวน์เมกเกอร์ของ Monsoon Valley
References

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา