23 เม.ย. 2020 เวลา 16:31 • ปรัชญา
🙏สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ วันนี้ผู้เขียนได้ติดตามข่าว ในสื่อสังคมออนไลน์กับการฆ่าตัวตาย เนื่องด้วยปัญหาจากพิษเศรษฐกิจ😴
ผู้เขียนจึงอยากเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างกำลังใจ ให้กับผู้ที่กำลังท้อแท้ในชีวิต และผู้ที่กำลังรู้สึกว่า ตัวเองนั้นไร้ค่า ได้ตระหนักถึง คุณค่าของชีวิต
บางครั้งคนเราอาจจะคิดว่า การสูญเสีย ในสิ่งที่เราคาดหวังที่สุด แล้วชีวิตจะต้องเป็นศูนย์
ถ้าสิ่งที่เราคาดหวัง ไม่เป็นดั่งใจหวัง สิ่งที่เราทุ่มเท ทำสุดแรงกายและแรงใจ ไม่ประสบผลสำเร็จ
ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้น มันได้สร้างความบอบช้ำให้กับเรา นั่นหมายความว่า เราได้ก้าวเข้าสู่ โลกแห่งความเป็นจริงของชีวิตแล้ว
เครดิตภาพ:pixabay.com
เพราะความเป็นจริงของชีวิต ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ทุกอย่างมันก็แค่ รอเวลาจากเราไปเท่านั้น
เชื่อว่าหากชีวิตคนเราไม่ยึดติด ไม่ต้องแขวนชีวิตไว้กับความคาดหวัง เวลาที่เราสูญเสีย หรือเวลาที่ต้องเจอกับความล้มเหลว
เราคงมีภูมิต้านทานมากพอ ที่จะเอาไว้ต่อสู้กับความท้อแท้ อย่าคิดว่าสูญเสียแล้ว ชีวิตจะต้องเป็นศูนย์ เพราะว่าเรา นับหนึ่งใหม่ได้เสมอ ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ
ไม่เคยมีใคร ที่ทำอะไรแล้ว จะสำเร็จไปซะทุกอย่าง และเช่นเดียวกันที่ไม่เคยมีใคร ทำอะไรแล้ว จะประสบความล้มเหลวไปซะทุกเรื่อง
ความเป็นจริง จะค่อยๆสอนให้เราเรียนรู้ความพ่ายเเพ้ และการเสียน้ำตา เพื่อจะให้ได้คืนมา ซึ่งรอยยิ้มในวันที่ฟ้าเป็นใจ
ถ้าเราตกอยู่ในช่วงเวลา แห่งความยากลำบากที่สุดของชีวิต ให้คิดไว้เสมอว่า ยิ่งมืด ยิ่งดึก ยิ่งดึกก็ยิ่งใกล้สว่าง เพราะดวงอาทิตย์จะสาดแสง ในรุ่งอรุณของวันใหม่เสมอ
เครดิตภาพ:pixabay.com
หากเปรียบชีวิตเรา ดุจเรือน้อยที่ล่องไปในทะเลกว้าง เมื่อกระแสลมพัดมา เราย่อมไม่อาจเปลี่ยนทิศทางของลมได้
แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการปรับใบเรือ แทนที่จะปล่อยให้เรือล่องลอยไปตามยถากรรม
ชีวิตของเราก็เช่นกัน เราไม่อาจบังคับเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต ให้เป็นอย่างใจคิด และไม่อาจสั่งให้ใคร เป็นอย่างที่เราต้องการได้
แต่เราสามารถ ปรับความคิดของตัวเราเอง โดยอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา เป็นพลังในการขับเคลื่อน นาวาชีวิตลำนี้ไปสู่เป้าหมาย และความสำเร็จที่เราต้องการ
ดังนั้น ในสิ่งที่ผู้เขียนได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็เพื่อสร้างแรงใจ และชวนให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต
เมื่อใดก็ตาม ที่เรารู้สึกด้อยค่าในชีวิต
และความเป็นมนุษย์ ให้นึกถึงเรื่องราวต่อไปนี้ครับ
อาจารย์ท่านหนึ่งเริ่มการสนทนาในชั้นเรียน ด้วยการควักธนบัตรใบละ1000บาทออกมา แล้วถามว่ามีใครอยากได้บ้าง
ทุกคน รีบยกมือ ทันใดนั้นอาจารย์ก็ขยำธนบัตรจนยับยู่ยี่ แล้วถามนักเรียนอีกครั้งว่า มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อยู่อีกหรือไม่
ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม อาจารย์ถามต่ออีก ว่า สมมุติธนบัตรใบนี้ ถูกทิ้งอยู่บนพื้น มีคนเดินเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีคนอยากได้อีกหรือไม่
ทุกคนก็ตอบว่า ยังอยากได้ เพราะอะไร? นั่นแสดงให้เห็นว่า เพราะธนบัตรใบนั้นคือสิ่งที่มีค่า
ใครจะทำอะไรกับธนบัตรใบนั้น มันก็ยังมีราคา1000บาทอยู่เสมอ ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน
บางครั้งเราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติมเหยียบย่ำทับถม เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต
จนทำให้เกิดความรู้สึก ว่า ตัวเองไร้ค่า แต่รู้ไหม? ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ยังคงมีคุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู่ยี่ ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเราจะให้ค่าและความสำคัญกับสิ่งใด ขอให้ใช้สิ่งนั้นเป็นแรงผลักดันชีวิตไปในทางที่ดี เพราะการที่เราให้ค่า และความหมายกับสิ่งสิ่งนั้น คือสิ่งแสดงให้เห็นว่า ชีวิตเราก็มีความหมายไม่ต่างกัน
เครดิตภาพ:pixabay.com
เขียนและเรียบเรียงข้อมูล
โดย..พระจันทร์สีน้ำเงิน
23/04/2563
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและติดตามเป็นกำลังใจให้กันครับ
โฆษณา