27 เม.ย. 2020 เวลา 11:40 • สุขภาพ
COVID-19 จะเป็นตัวเร่งให้เกิด TOUCHLESS SOCIETY
เมื่อก่อน ถ้าเห็นใครใช้ข้อศอกกดลิฟต์ เราคงมองว่าคนนั้นแปลก
แต่อาการแปลกๆ นี้ กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติ
จากการระบาดที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วของ COVID-19
ทำให้หลายคนไม่สัมผัสกับของสาธารณะ
เพราะเราไม่รู้เลยว่า ของใช้เหล่านี้ได้ผ่านมือใครมาแล้วบ้าง
ลูกบิดประตู เสา หรือที่จับในรถไฟฟ้า หรือแม้แต่โต๊ะเก้าอี้ตามที่สาธารณะ
ต่อจากนี้ไป จะกลายเป็นสิ่งที่เราลังเลที่จะสัมผัส
ปากกาที่เราต้องใช้เซ็นชื่อเวลาจ่ายบัตรเครดิตหรือธนาคาร
บัตรโดยสารรถไฟฟ้าแบบเที่ยวเดียว บัตรจอดรถ หรือบัตรในศูนย์อาหารที่ถูกใช้วนกันมาแล้วไม่รู้กี่มือ
หรือแม้แต่ของส่วนตัวบางอย่างที่เคยยื่นให้กันอย่างไม่คิดอะไร อย่างหูฟัง หรือ ขนมกินเล่น
ตอนนี้เราก็อาจจะต้องคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะแบ่งให้ หรือรับมาจากคนอื่นหรือไม่
และหนึ่งในของที่ใกล้ตัวเรามากสุดก็คือ “เงินสด”
โดยบางงานวิจัยระบุว่า ธนบัตร 1 ใบ มีแบคทีเรียสะสมมากกว่า 2.6 หมื่นตัวเลยทีเดียว
ดังนั้น ธนบัตรจึงถือเป็นแหล่งกำเนิดโรคได้อย่างดีเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดนี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี
Cr. Daily Express
จากสถิติแล้ว การล้างมืออย่างถูกต้อง
สามารถลดจำนวนคนท้องเสียได้ 23-40%
สามารถลดการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดได้ 16-21%
และสามารถลดการป่วยจากระบบทางเดินอาหารในเด็กได้ 29-57%
ดังนั้น ในช่วงที่ COVID-19 ระบาดนี้ จึงมีการเตือนให้ประชาชนล้างมือบ่อยๆ
และทำให้ เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ กลายเป็นสิ่งที่ต้องติดอยู่ในกระเป๋า
ซึ่งแม้ว่าการล้างมือให้สะอาดจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเลือกได้ หลายคนก็คงเลือกที่จะไม่สัมผัสสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ต้นเลยน่าจะดีกว่า
พอเรื่องเป็นแบบนี้
เทรนด์ Touchless Society หรือสังคมไร้การสัมผัส
จึงอาจกลายเป็นเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจ
แล้วโลกแบบ Touchless Society จะเป็นอย่างไรบ้าง?
เริ่มจากเราคงเห็นอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำงานแบบอัตโนมัติมากขึ้น
ประตูอัตโนมัติ ก๊อกน้ำอัตโนมัติ รวมถึงชักโครกอัตโนมัติ
เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ร่างกายของเราไปสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุด
Cr. Nasi Lemak Tech
ซึ่งเรื่องนี้คงทำให้เทคโนโลยีเซนเซอร์ต่างๆ เติบโตขึ้นอย่างมาก
รวมถึงเทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง ก็จะได้รับความนิยมเช่นกัน
สำหรับในธุรกิจภาคบริการ ก็อาจจะต้องหาวิธีมารองรับ
เพื่อให้ลูกค้ามีการ “สัมผัส” น้อยที่สุด
ยกตัวอย่างแอปพลิเคชันส่งอาหารบางแพลตฟอร์ม ก็เริ่มมีตัวเลือกการ Contactless Delivery
โดยเป็นการให้คนส่งอาหารวางอาหารไว้ในจุดรับ-ส่งของเลย เพื่อเลี่ยงการสัมผัสกับคนขับโดยตรง
สำหรับสิ่งของจำพวกสารพัดบัตร
ไม่ว่าจะเป็นบัตรจอดรถ บัตรโดยสาร บัตรศูนย์อาหาร หรือบัตรสะสมแต้ม
รวมถึงการเซ็นชื่อ เพื่อยืนยันตัวตน เช่น เวลาทำธุรกรรมทางการเงิน
ก็จะเปลี่ยนให้มาเชื่อมผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือใบหน้าแทน
โดยตัวเรา หรือโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องสัมผัสอะไรเลย
Cr. The Times
Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ตามมา
เพราะจริงๆ แล้ว ในปัจจุบัน การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็นเรื่องใหม่
ทั้งการใช้ E-Wallet หรือการสแกน QR Code
และต่อไปการชำระเงินด้วยระบบ Facial Recognition ก็อาจได้รับความนิยมมากขึ้น
ไม่ใช่แค่ความสะดวก แต่เพราะเป็นเรื่องของสุขอนามัยด้วย
Cr. DFNI
แปลว่า เราน่าจะมีเงินสด บัตรต่างๆ ทั้งบัตรสมาชิก บัตรสะสมแต้ม ติดตัวน้อยลง
และกระเป๋าเงินอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไป เพราะทุกอย่างสามารถทำผ่านโทรศัพท์มือถือ หรืออัตลักษณ์ตัวตนของเราเอง
จากเดิม Touchless Society น่าจะเป็นเทรนด์ระยะยาวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่า COVID-19 จะเร่งให้มันเกิดขึ้น “ทันที” ในตอนนี้
ทุกอย่างบนโลกจะถูกทำให้เป็นระบบไร้สัมผัสอย่างรวดเร็ว
และต่อไป ไม่แน่ว่า รุ่นหลานเราในอนาคต อาจเดินเข้ามาถามว่า
ลูกบิดประตู คืออะไร?
โฆษณา