4 พ.ค. 2020 เวลา 09:24
iPhone 6 ,6s และ 7 ถึงเวลาเปลี่ยนหรือยัง? หลังจากการเปิดตัว iPhone SE
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Apple ได้ทำการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งเป็น iPhone ในราคาประหยัด ที่ถูกพัฒนาต่อมากจากรุ่นเดิมอย่าง iPhone SE ที่มีดีไซน์คล้ายคลึงกันกับใน iPhone 8 แต่ให้สเปคมาในระดับเรือธงตัวล่าสุดอย่าง iPhone 11 Series เลยทีเดียว
โดยราคาของ iPhone SE 2020 นั้นเปิดตัวมาที่ 14,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างจะต่ำหากเทียบกับ iPhone ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้หลายคนก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่สมควรหรือยัง สำหรับผู้ใช้งาน iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 6 ,6s และ 7 ที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ หรือควรจะรอต่อไปจนถึงสมาร์ทโฟนเรือธงของ Apple อย่าง iPhone 12 Series ซึ่งเราจะมาพูดถึงเหตุผลที่เกี่ยวข้องสำหรับประเด็นนี้ไปพร้อมกันครับ
สำหรับสเปคในเบื้องต้นของ iPhone SE 2020 มีดังนี้
-ดีไซน์เป็นแบบกันกับ iPhone 8
-ตัวเครื่องเป็นกระจก
-หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว
-ชิปเซ็ต A13 Bionic
-กล้องหลังเดียวขนาด 12 ล้านพิกเซล
-กล้องหน้าขนาด 7 ล้านพิกเซล
-เซ็นเซอร์แสกนลายนิ้วมือ Touch ID
-รองรับฟังก์ชั่นการชาร์จไร้สาย
-รองรับฟังก์ชั่นการชาร์จเร็ว
1
การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาขึ้นของ iPhone SE กับรุ่นอื่นๆ
หากเทียบกับรุ่นก่อนของ iPhone SE
เรียกได้ว่ารุ่นนี้มีการพัฒนาขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก เริ่มต้นจากขนาดของตัวเครื่อง หน้าจอ และดีไซน์ที่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมซึ่งใช้ดรไซน์ของ iPhone 5s และใส่สเปคมาให้เป็น iPhone 6s ทำให้ในช่วงนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบัน Apple ได้มีการเปลี่ยนดีไซน์การออกแบบไปตั้งแต่ iPhone X ซึ่งหากคุณยังคงรักในดีไซน์แบบคลาสสิกของ iPhone นี่ก็อาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่คุณจะสามารถหาซื้อ iPhone ในดีไซน์นี้ได้
การตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกทำให้ตัวเครื่องมีความบางลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามหลายคนยังคงต้องการ ที่จะให้ตัวเครื่องยังคงมีรูหูฟังนี้อยู่ในการใช้งาน ซึ่งพอร์ตดังกล่าวจะยังคงมีอยู่ใน iPhone 6 ,6s และ 7 ซึ่งถ้ายังคงต้องการที่จะใช้รูหูฟัง 3.5 อยู่ รุ่นนี้ก็จะยังคงเป็นอีกรุ่นที่ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ อย่างไรก็ตามในอนาคตไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่ Apple จะนำรูหูฟัง 3.5 กับสมาร์ทโฟนรุ่นต่อๆ ไปที่จะเปิดตัวมา ทำให้ผู้ใช้งานอย่างเราก็คงจำเป็นที่จะต้องเปิดใจ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรม ที่กำลังจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แทนครับ
1
การเปลี่ยนไปใช้ Haptic Touch แทน 3D Touch
ในระยะหลังมานี้ Apple ได้มีการจัดฟีเจอร์ 3D Touch ออกไปจาก iPhone ซึ่งเริ่มเป็นตั้งแต่ช่วงของ iPhone 11 Series โดยยังมีหลายคนที่ยังคงติดใจฟังก์ชั่นการใช้งานของ 3D touch ซึ่งการทดแทนฟีเจอร์นี้ Apple จึงได้ทำการเปิดตัว Haptic Touch ออกมาแทน ซึ่งผู้ใช้งานที่ยังคงติดใจฟีเจอร์ 3D Touch ก็อาจจะไม่ถูกใจในรุ่น iPhone SE แต่อาจจะเปลี่ยนไปลองใช้งานในตัว iPhone XS Series ซึ่งเป็นรุ่นที่ยังคงไม่ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออกไป
1
มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่มากขึ้น
จากในรุ่นเดิมอย่าง iPhone 6 และ 6s เป็นรุ่นที่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นที่ต่ำกว่า iPhone SE แต่ใน iPhone 7 ซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอน เนื่องจาก iPhone SE เป็นรุ่นที่ถูกเปิดตัวมาหลังจากรุ่นอื่นๆ หลายปีมาก โดยในปัจจุบันรุ่นนี้มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นอยู่ที่ IP67 ซึ่งสามารถกันน้ำลึกได้อยู่ที่ 1 เมตร ในเวลา 30 นาที โดยที่ iPhone 7 ก็มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นแบบเดียวกัน ส่งผลให้หากต้องการความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับ iPhone 6 และ 6s นี่ก็คงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่แล้วครับ
การรองรับการชาร์จไร้สาย
การเปิดตัวฟีเจอร์การชาร์จไร้สายบน iPhone นั้นได้เริ่มทำการเปิดตัวมาตั้งแต่ในช่วงของ iPhone 8 ซึ่งฟีเจอร์นี้ในปัจจุบันก็นับเป็นฟีเจอร์ ที่มีความสะดวกสบายในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ซึ่งแท่นชาร์จไร้สายในปัจจุบันก็มีราคาถูกลงกว่าในอดีต อีกทั้งยังมีให้เลือกซื้ออย่างหลากหลายอีกด้วย ซึ่งหากคุณต้องการอัพเกรดมาใช้งานฟีเจอร์นี้ ก็เตรียมเงินสำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ และแท่นชาร์จได้เลยครับ
ฟังก์ชั่นการชาร์จเร็ว
สำหรับหัวข้อนี้นับเป็นหัวข้อที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก สำหรับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดย iPhone ตั้งแต่ก่อน iPhone 11 Pro ถึงแม้ในบางรุ่นจะมีการรองรับการชาร์จเร็ว แต่ก็ไม่ได้มีการแถมอุปกรณ์ชาร์จไวมาในกล่อง ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 6 ,6s และ 7 ไม่รองรับการใช้งานฟีเจอร์การชาร์จเร็วอย่างแน่นอน แต่ iPhone SE 2020 นั้นมีการใส่ฟีเจอร์ดังกล่าวมาให้แล้วในรุ่นนี้ ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจอย่างมาก ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนจาก iPhone ที่คุณถืออยู่มาเป็น iPhone SE
1
ชิปเซ็ต A13 Bionic
เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนจากเดิมมาเป็น iPhone SE ซึ่งจุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้ ก็แน่นอนว่าเป็นการใส่สเปคเรือธงในดีไซน์แบบเดิม แล้วขายในราคาที่ถูกลงอย่างมาก ซึ่งถ้าพูดเรื่องความคุ้มค่า และระยะเวลาที่เปิดตัวมาของ iPhone 6 ,6s และ 7 ก็ถึงเวลาที่สมควรแล้วสำหรับการอัพเกรดมาในรุ่นต่อไป และชิปเซ็ตที่ให้มานี้สามารถทำให้รุ่นนี้ สามารถใช้งานได้อีกในระยะเวลายาวนานเลยทีเดียว
กล้องที่พัฒนาขึ้นและการมีโหมด Portrait
สำหรับการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เรื่องกล้องเป็นอีกเรื่องที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทาง Apple จากทำการอัพเกรดกล้องของ iPhone ขึ้นอยู่แล้วในทุกๆ ปีเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งด้วยระยะห่างระหว่างการเปิดตัวของ iPhone 6 ,6s และ 7 ทำให้สามารถฟันธงได้เลยว่า iPhone SE 2020 มีกล้องที่ดีกว่า iPhone รุ่นอื่นที่กล่าวมาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีการใส่ Portrait Mode มาให้ในรุ่นนี้ ซึ่งสามารถทำได้จากกล้องเพียงตัวเดียว ซึ่ง Apple เคยทำออกมาแล้วบน iPhone XR นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน Night Mode และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K อีกด้วย ส่งผลให้มีความคุ้มค่าอย่างมาก ที่จะยอมเสียเงินเปลี่ยนจากรุ่นเดิมมาเป็น iPhone SE
หน่วยความจำเครื่องที่มาขึ้น
จากเดิมในรุ่นก่อนๆ อย่าง iPhone 6 ,6s และ 7 มีการเปิดตัวหน่วยความจำเครื่องที่เริ่มต้นเพียง 16 GB ในรุ่น 6 และ 6s และ 32 GB ในรุ่น 7 ในราคาที่แพงกว่า iPhone SE ในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ใน iPhone SE 2020 เปิดตัวมาในราคาเพียงหมื่นกลาง แต่ให้ความจำเครื่องเริ่มต้นถึง 64 GB ทำให้มีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้น และน่าสนใจอย่างมากในปัจจุบัน ที่การส่งไฟล์ออนไลน์นับเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวกกว่า
เป็นอีกเรื่องที่มีความสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันคนเราจำเป็นจะต้องใช้งานสมาร์ทโฟนตลอดทั้งวัน ทำให้แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานในระหว่างวันที่ความจำเป็นอย่างมาก และด้วยชิปเซ็ต A13 Bionic ที่สามารถประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม และการใช้งานแบตเตอรี่ ที่ไม่ได้เยอะเท่ากับ iPhone 11 หรือ 11 Pro ทำให้รุ่นนี้จะสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ยาวนานกว่ารุ่นอื่น ที่มีอยู่ในปัจจุบันทุกรุ่นอย่างแน่นอน
การรับส่งข้อมูลและการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
ใน iPhone SE 2020 นั้นให้ฮาร์ดแวร์มาเป็น Wifi 6 และ Bluetooth 5.0 ซึ่งทำให้การรับส่งข้อมูล หรือการเชื่อมต่อการใช้งาน Wifi มีความรวดเร็วกว่าในรุ่น iPhone 6 ,6s และ 7 เป็นอย่างมาก ซึ่งความเร็วในการรับส่งข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยในปัจจุบัน ส่งผลให้ถึงเวลาที่สมควรเปลี่ยนสมาร์ทโฟนจากเดิมไปเป็น iPhone SE 2020 แล้วเช่นกัน
การรองรับการอัพเดตระยะยาว
สำหรับ iPhone แต่ละรุ่นนั้น จะมีการเปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS ที่เปิดตัวมาพร้อมกับตัวเครื่องในแต่ละรุ่น ซึ่ง iPhone 6 ,6s และ 7 ที่เปิดตัวมาหลายปีแล้ว จะถูกลอยแพเร็วกว่า iPhone SE ตัวล่าสุดนี้อย่างแน่นอน ซึ่งหากพูดถึงเรื่องการอัพเดต ก็ถึงเวลาแล้วสำหรับรุ่นเก่าทั้งสามรุ่น ที่ควรเปลี่ยนเพื่อระยะเวลาการอัพเดตของระบบปฏิบัติการที่ยาวนานขึ้น
ปุ่มโฮมของตัวเครื่อง
ปุ่มโฮมของ iPhone SE นั้นเป็นแบบเดียวกันกับบน iPhone 7 และ 8 แต่แตกต่างกันกับ iPhone 6 และ 6s ที่เป็นปุ่มแบบ Physical ซึ่งสามารถพังได้ง่ายกว่า ซึ่งถ้าใช้ iPhone 6 และ 6s ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงในช่วงนี้ ก็น่าจะเป็นเวลาที่สมควรในการเปลี่ยนแล้ว แต่หาก iPhone7 ของคุณยังปกติ ก็อาจจะยังสามารถรอต่อไปที่ iPhone 12 ได้ครับ
โฆษณา