7 พ.ค. 2020 เวลา 12:26 • ปรัชญา
เราสร้างอุตสาหรรมใหญ่โตมากมาย แต่เรากลับมีพื้นที่สีเขียวให้ลูกหลานเราน้อยลง
เราติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้รวดเร็วใกล้ชิดมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์เรากับคนรอบข้างที่ไกล้ตัวที่สุดกลับเหินห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
เรารักษาผลประโยชน์ของตัวเองมากจนลืมไปเลยว่า แท้สุด จนสุดท้าย การที่เราแบ่งปันให้กับคนอื่นนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
เราให้ความผิดกับคนอื่นมากมาย จนแท้จริงเราลืมไปสนิทเลยว่าเรานี่แหละต้นเหตุ
เรามีอุปกรณ์ต่างๆในร่างกายมากมาย สมาร์ทโฟน สมาร์ทวอชซ์ สมาร์ททีวี แต่กลับลืมไปเลยว่า บางครั้งมุมบางมุมในชีวิต เราต้องการแค่ที่สงบๆ นั่งมองท้องฟ้าที่สดใส ไม่ใช่ท้องฟ้าขุ่นมัว นั่นคือชีวิตที่อาจจะสมาร์ทที่สุด
เรากินอาหารหรูหรามากมายเพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่าความสุขให้กับชีวิต แต่บ้างครั้งก็ลืมไปเลยว่า การทานอาหารกับครอบครัวที่บ้านง่ายๆ นี่แหละ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้แย่งกันกินกับน้องพี่ ไปด้วยกัน นั่นอาจจะสุขมากกว่า
เราใส่หูฟังไวเลส เพื่อที่จะเข้าสู่และอยู่กับตัวเองท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้ว เราไม่ได้อยู่กับตัวเองเลย ในหัวกลับคิดไปแต่เรื่องอื่น ณ เวลานั้น บางครั้งหูฟังก็มีไว้เพื่ออำพรางไม่ให้คนอื่นเข้ามารบกวนแค่นั้น
เราทำสิ่งต่างๆมากมายในแต่ระหว่างเพื่อให้ตัวเองดูยุ่งอยู่ตลอด โดยบางครั้งก็ลืมไปเลยว่า บางทีการอยู่นิ่งๆในบางเวลา มันก็ช่วยให้เราคิดงานได้ออกมาดีไม่แพ้ตอนยุ่งเลยนะ พักบ้าง
เราใช้ชีวิตอยู่กับโลกสี่เหลี่ยมเล็กๆในมือของเรา จนเราลืมไปเลยว่า โลกที่แท้จริงใบกลมๆนี้ มันกำลังหมุนไปทางไหนกันแน่
บางครั้งทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา เราอาจจะต้องการแค่เพียงกาแฟหอมๆ1แก้ว รสชาติที่อร่อยและเหมาะกับตัวเรา เดินไปตรงนะเบียงและได้มองดูพระอาทิตย์ รับแสงแดดที่อบอุ่น เดินไปให้อาหารปลา รดน้ำต้นไม้ เล่นกับหมา พูดคุยกับคนรอบข้างอย่างสนุกสนานโดยไม่มีอะไรคั่น
ใช้ชีวิตแบบที่ลืมไปเลยว่าเงินคืออะไรนะ
ผักเราก็ปลูก ผลไม้เราก็มี ไข่ก็มี เนื้อก็มี ทุกอย่างก็ครบหมดแล้วนี่นะ ยิ่งต้องการก็ยิ่งโหยหา ยิ่งโหยหาก็จะกลายเป็นความไม่สบายใจ
ยิ่งไม่สบายใจ ข้าวก็กินไม่อร่อย ...
โทรศัพท์ โลกออนไลน์ก็อาจจะใช้บ้างเป็นบางเวลา แต่มันจะไปสู้โลกจริงๆของคนไกล้ตัวเราได้ยังไงกันล่ะครับ
พอดีว่าผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านแฟนของผม มันเลยกลายเป็นบทความนี้ขึ้นมาครับ
โฆษณา