15 พ.ค. 2020 เวลา 23:50 • ท่องเที่ยว
Road Trip Norway 2019 (7) … เดินเขาสู่ RYTEN PEAK & ทิวทัศน์ของ Kvalvika Beach
“หากฉันบิน บินไปได้ดั่งนก … ฉันจะบิน บินไปในนภา”
… บ่อยครั้งที่แรงบันดาลใจในการก้าวเท้าออกเดินทางไกลของฉันเกิดจากเพลงนี้ และมักจะมีคำถามต่อมาอีกว่า แล้วจะอยากออกไปเห็นโลกที่ไกลตัวมากมายไปทำไม
ฉันมีความฝันที่อยากโผผิน บินได้อย่างอิสระเหมือนนก .. อยากไปไหนก็บินไปเท่าที่มีแรงบันดาลใจ
ฉันว่า บางทีเราก็ได้เรียนรู้ใจของเราเองจากการเดินทางที่ไม่ใช่จะสบายๆ … นอกเหนือไปจากสัญชาตญาณปกติของความอยากรู้อยากเห็นแบบคนปกติทั่วๆไป
… เราเรียนรู้ในการอยากได้เห็น อยากได้ภาพที่เห็นคนอื่นมาโพสให้ผ่านสายตาของเรา … บ่อยครั้งเช่นกันที่ได้เรียนรู้เรื่องความอดทนและการรอคอย …
เรียนรู้ความรู้สึกลิงโลดเมื่อพบเจอในสิ่งที่รอคอย … และหลายๆครั้งแม้แต่ความริษยาในใจเราเอง เมื่อเห็นว่ามีคนอื่นได้เห็นในสิ่งที่เราอยากจะเห็น ทำบางสิ่งในสิ่งที่เราทำไม่ได้
แสงแดดยามเช้า (ในฤดูที่มีแสงสว่างตลอดทั้งวัน) ปลุกฉันให้ลุกจากที่นอนที่อ่อนนุ่ม เพื่อค้นพบว่าวันนี้ช่างแตกต่างมากมายจากเมื่อวาน .. ฉันกระตือรือร้นมากมายที่วันนี้จะได้ไปเดินขึ้นภูเขาสูง เพื่อเดินไปให้ถึง Ryten Peak จุดสูงสุดบนภูเขาในเกาะแสนสวยเป็นครั้งแรก
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนก้าวเดินขึ้นสู่ภูเขาสูงในเขตที่อากาศหนาวเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และต้องใส่ใจ …
ทั้งเรื่องพยากรณ์อากาศ เครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับภูมิประเทศและภูมิอากาศ .. ไม้เท้าช่วยเดินที่จะทำให้การเดินและการถ่ายน้ำหนักง่ายขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ .. อาหารและเครื่องดื่มที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ควรเตรียมให้พร้อม เพราะนอร์เวย์เป็นประเทศที่อนุรักษ์สภาพแวดล้อมดั้งเดิมมากๆ ไม่มีร้านค้าให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในเส้นทาง และไม่มีห้องสุขา
เราเดินทางออกมาจากที่พัก และใช้เส้นทาง E10 เช่นเคย .. เราต้องข้ามสะพาน The Fredvang Bridges (Norwegian: Fredvangbruene) ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมเกาะที่สวยจนต้องเก็บภาพมาให้ชมค่ะ
The Fredvang Bridges : เป็นสะพานที่ไม่เรียบตรงอย่างที่เราเห็นเจนตาในที่อื่นๆ ตัวสะพานดูเหมือนจะเอนๆในองศาที่ดูสวย .. เป็นสะพานแพ๊คคู่ในเขตเมือง Flakstad ที่เชื่อมหมู่บ้านชาวประมง Fredvang บนเกาะ Moskenesøya กับหมู่บ้าน Flakstadøya
Kubholmleia Bridge (Norwegian: Kubholmleia bru) คือชื่อของสะพานทางด้านทิศใต้ ส่วนทางทิศเหนือคือ Røssøystraumen Bridge (Norwegian: Røssøystraumen bru)… สะพานทั้งสองยาวเท่ากัน คือ 240 เมตร เปิดใช้เมื่อปี 1988
การเดินขึ้นสู่ Ryten Peak ทำได้ 3 ทาง เราเลือกเส้นทางที่คิดว่าสั้นที่สุด แต่ไม่ค่อยมีคนรู้เส้นทางนี้เท่าไหร่ ..
เราเริ่มต้นการเดินขึ้นเขาในช่วงเวลาสายๆของวันที่ฟ้าสวย แดดไม่แรง และมีลมอ่อนๆพัดมาเป็นระยะๆ หันกลับไปมองฉากหลังที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีทะเลสาบสีฟ้าเข้มเป็นฉากหน้า ส่งให้ภาพที่เห็นในสายตางดงามเกินบรรยาย
ลึกเข้าไปในพื้นที่ระหว่างภูเขาโอบล้อม มีม่านหมอกสีฟ้าน้ำเงินห่มไอหนาว มีธารน้ำเล็กๆหลากไหลพัดพาสรรพชีวิตให้เคลื่อนไหวเหมือนบทเพลงที่มากมายด้วยท่วงทำนองและจังหวะแห่งชีวิต ...
จังหวะ ..ที่บางทีเราอาจจะต้องใช้หัวใจฟัง นอกเหนือจากสิ่งที่เห็นด้วยตา และได้ยินด้วยหู จึงจะได้คุณค่าที่รื่นรมย์ของความเคลื่อนไหวอันเรียบง่าย
เราเดินต่อไป ตามรอยทางที่มีใครหลายคนก้าวผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า …เนินเขามีหญ้าเขียวๆ และดอกไม้ป่าดอกเล็กๆชูช่อดอกแซมเป็นจุดๆ คลุมอยู่ทุกอณูของพื้นผิว .. ยังไม่มีไอเดียเลยค่ะว่าจะต้องเดินอีกนานแค่ไหน …
แต่ไม่นานเราก็มาถึงจุดที่เป็นเหมือนแอ่งน้ำ หรือทะเลสาบแห่งแรก และมีทะเลสาบเล็กๆอันที่สองอยู่ใกล้ๆกัน
ณ จุดนี้เราเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่เลือกเดินขึ้นมาจากทางหมู่บ้าน และชายหาดด้านล่าง .. เส้นทางที่เราเดิน กับอีกเส้นทางจากหมู่บ้านมาบรรจบกัน ณ จุดนี้เองค่ะ
เราพักถ่ายรูป … ภาพของหมู่บ้านด้านล่างและหาดขาวๆ ดูสวยดีเมื่อมองจากด้านบน
เราเดินลัดเลาะทะเลสาบ … พอพ้นแนวนั้น หนทางก็เริ่มชันขึ้นอีกเรื่อยๆ เส้นทางเดินยังคงมุ่งตรงไปยังภูเขาที่อยู่สูงขึ้นไปอีก … เหงื่อชุ่มหลังและเม็ดเหงื่อพราวพร่างเต็มใบหน้า …น้ำในขวดเล็กๆที่เตรียมมาก็ถูกเปิดออกดื่มบ่อยครั้งขึ้น … พอพ้นทางชันเราก็เข้าสู่ลานแคบๆแห่งหนึ่ง
การเดินทางไกลขึ้นไปบนภูเขาที่สูงชัน เป็นการเดินสวนทางกับความโน้มถ่วงของโลก .. น้ำหนักที่ต้องแบกไว้บนไหล่และที่เท้าดูเสมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ..
.. ณ เวลานี้ ทำให้เราตระหนักว่า คนเราต้องการสิ่งของเพียงแค่น้อยนิดที่จะช่วยให้การก้าวเดินสบายขึ้น ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรมากมายให้มาเป็นภาระที่ต้องแบกหาม .. รวมถึงภาระในจิตใจของเราด้วย บ่อยครั้งที่การปล่อยวางนั้นสำคัญในการที่ก้าวเดินต่อไป
หายใจลึกๆ แล้วเดินต่อ … มองเห็นนักท่องเขาคนอื่นๆอยู่ไกลออกไปในสายตาบนภูเขา เหมือนลูกโป่ง เหมือนจุดสีๆที่ลอยอยู่ข้างหน้า
หยดเหงื่อยังคงเกาะพราวบนใบหน้า … ฉันมองภาพเพื่อนร่วมทางที่เดินไปข้างหน้าเหมือนพบที่ทางของตน คำถามอย่างหนึ่งพลันผุดขึ้นในใจ … เราเดินขึ้นเขาด้วยความลำบากด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่?
ความคาดหมาย ปลายทาง เพื่อเป็นผู้พิชิต สะสมแต้ม หรือแค่ทบทวนเพื่อค้นหาตัวเอง … คำตอบเหมือนล่องลอยอยู่ไกลแสนไกล พร่าเลือน แต่ชัดเจนในจังหวะเต้นของหัวใจ
ในรอยทางที่ก้าวเดิน บางครั้งเกิดความรู้สึกที่แปลก แต่จริง … ในธรรมชาติ เราสามารถที่จะ Connect กับผืนป่า ต้นไม้ และสรรพชีวิตทั้งหลายได้ง่ายๆ เพียงแค่ปล่อยกายและใจให้ลื่นไหลเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งรอบตัว โดยไม่ต้องอาศัย wifi หรือเทคโนโลยี่ใด
บางช่วงในเส้นทางเดิน .. ทางเดินไม้แคบๆเดินได้ทางเดียว (one way traffic) ที่ใครบางคนมาทำไว้ได้ช่วยให้การเดินง่ายขึ้น โดยที่รองเท้าไม่เปียกดิน น้ำ และโคลน
เรามองเห็นภาพของภูผาสูงชัน ตั้งตระหง่าน ให้ความรู้สึกว่าตัวเรานั้นช่างเล็กกระจ้อยร่อยมากมาย
ฉันเพ่งมองภูเขาเบื้องหน้า .. บทความที่เปี่ยมพลังที่ใครบางคนเคยเขียนเอาไว้ผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง
ภูเขา … ภูมิทัศน์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นซึ่งมักจะถูกจับจ้องมองเพ่งโดยนักเดินทาง ..
ขุนเขายิ่งใหญ่ อาจเป็นหลายอย่างในสายตาของหลายคน … ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด ความจริงพื้นฐานของภูเขาคือเป็นที่สถิตของความสูง
ความจริงถัดมา … ภูเขาทุกแห่งไม่ว่าสูงปานใด ล้วนถูกเหยียบย่ำมาแล้วโดยมนุษย์ธรรมดา … ใช่หรือไม่ว่า สูงส่งกับต่ำต้อย บางทีก็ยากจะจำแนก
แต่ผู้คนที่ย่างย่ำไปบนภูเขา ท้ายสุดก็ต้องเดินลงมา … ท้ายที่สุดก็ต้องคารวะแก่มหาบรรพตที่ตนล่วงเกิน
เช่นเดียวกับขุนเขา ชีวิตที่สูงส่งอาจถูกเหยียบย่ำได้ หากจะไม่มีวันถูกทำลาย ….
ทุกครั้งที่อยู่บนภูเขา เราได้รับการทักทายจากความเขียวขจีของต้นหญ้าและดอกไม้ป่า รวมถึงการสัมผัสของละอองหมอก ซึ่งราวกับจุมพิตของเหล่าเทพ
ทุกครั้งที่ไปเยือนสถานที่ในธรรมชาติ ฉันจึงมักจะหาจังหวะของชีวิตที่กลมเกลียวกับธรรมชาติ … แม้จะต่างสถานที่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาพที่คุ้นตาและคุ้นเคย
บางช่วงของการเดินทาง .. ความลำบากเล็กๆของเส้นทางที่หินและไม่ราบเรียบ หรืออาจจะชันไปบ้าง แต่มีโซ่ให้เราใช้ดึงตัวขึ้นไปได้ ไม้เท้าช่วยเดิน ก็เป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์มาก หากต้องการการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมั่นใจ
พอพ้นจุดนี้ ก็พอจะมีลมเย็นชื่นพัดไล้ใบหน้า … กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าล่องลอยในแสงแดดยามสาย ดอกไม้บางดอกกำลังเริงระบำท้าลมแรง
สายลมเย็นพัดปะทะสวนทางกับทางที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไป .. ไกลลิบๆออกไปคือเทือกเขาและเส้นทางยาวเหยียด
เช้านี้ธรรมชาติมอบรางวัลให้เราอย่างงดงาม …… ท้องฟ้าเปิดพร้อมกับหมู่เมฆสีฟ้าใส แต่งแต้มวันนี้ให้สดชื่น ภูเขาเบื้องหน้ากว้างไกลยิ่งกว่าพาโนรามา จนภาพที่อยู่ในใจกลายมาเป็นภาพจริงตรงหน้า
ณ จุดนี้ .. ภูเขาสูงทะมึนเบื้งหน้าที่เราเห็นมาตลอด ต้องเปิดทางให้กับภาพของฟยอร์ดเว้าๆแหว่งๆ ที่มีน้ำทะเลสีเข้มนำทางสายตาให้มาเห็นหาดทราย Kvalvika Beach สีขาวเบื้องล่าง
ฉันกับเพื่อนร่วมทาง เดินเลี้ยวเข้าไปยังชะง่อนหินที่ฝังตัวอยู่บนหน้าผา … นั่งลงบนชะง่อนหิน
ที่นี่ ... แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ งดงาม… แต่เป็นธรรมชาติที่เปลี่ยวเปล่าเหมือนโลกที่เคยเป็นมาเมื่อนานมาแล้ว สิ่งที่มองเห็นเสมือนโลกลึกลับมากมายหลายอารมณ์ ... ทว่าเมื่อเรานั่งนิ่งๆ แล้วทอดตาเฝ้ามอง ... โลกบางใบก็ค่อยๆชัดเจน กระจ่างขึ้นในหัวใจ
ทิวทัศน์จากมุมสูงที่สวยจนน่าทึง .. Kvalvika Beach หาดทรายขาวๆที่ซุกตัวอยู่ในสถานที่ที่ยากจะเข้าถึง แต่ ณ จุดที่เรายืนอยู่เหมือนกับเราลอยอยู่เหนือหาด
Ryten Peak อยู่ไม่ไกลนัก …
ในที่สุดเราก็เดินทางมายังจุดชมวิวที่สวยที่สุดบนภูเขาแห่งนี้
ฉันชอบความรู้สึกของการเข้าไปนั่งห้อยขาที่ชะง่อนหิน … ที่เบื้องหน้าคือ ภูเขา สถานที่สถิตย์ของความสูง เบื้องล่างคือหาดทราย สายลม และทะเล … โดยมีความว่างเปล่าอยู่ตรงกลางระหว่างฉันกับผืนน้ำ
ภาพวิวทิวทัศน์สวยจับใจที่อยู่เบื้องหน้า รวมถึงบรรยากาศที่เหมือนจะรวมเอาความงดงาม สวยบริสุทธิ์ของธรรมชาติหลายอย่างให้มาอยู่ในที่เดียวกัน …
เมื่อเราตามสายตาออกไปไกลๆ สร้างความรู้สึก อิสระ โปร่ง โล่ง … สร้างความรู้สึกสดชื่นไร้ขอบเขตที่ส่องสะท้อนเข้ามาในใจของผู้พิศมอง ความรู้สึกที่เห็นความงดงามเหนือจินตนาการ
ใครบางคนเคยบอกว่า ชีวิตควรเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่แข็งขืน ฝืนใจ .. การได้มาเยือนที่นี่ ก็คงจะเป็นจังหวะจะโคนแห่งชีวิต ที่ไหลหลั่งดั่งสายน้ำ สงบนิ่งดุจก้อนหินในลำธาร
ฉันอยากจะทำอะไรบางอย่าง .. สิ่งเดียวกันกับผู้คนมากมายที่ดั้นด้นมาจนถึง Ryten Peak
การมาเดินขึ้นเขาครั้งนี้ … จะว่าไปก็ค่อนข้างลำบากสำหรับคนที่ผ่านพ้นช่วงชีวิตในวัยรุ่นมานานแล้วอย่างฉัน แต่ก็ช่วยเติมสีสันให้กับวันพักผ่อนได้ไม่น้อยทีเดียว
… แต่กระนั้นการเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้จบลงแค่รูปภาพ และความทรงจำเท่านั้น .. หากแต่มักตามมาด้วยการนึกฝันถึงการเดินทางครั้งต่อไปเสมอ
โฆษณา