27 พ.ค. 2020 เวลา 12:46 • ท่องเที่ยว
Road Trip Norway 2019 (14) … Rysstad : Sulskard Village
ฉันเชื่อเสมอว่า การเดินทางทำให้เราพบสิ่งที่ต่างจากความคุ้นเคย .. ต่างสถานที่ ต่างทิวทัศน์บรรยากาศ ต่างวิถีวัฒนธรรม …ความต่าง ที่ทำให้เราพบโลกอีกมุมหนึ่ง ที่ไม่เคยรู้ หรือ เพียงรู้ แต่ทว่าไม่เคยสัมผัส หากมิได้พานพบคงยากเข้าใจ
โลกทั้งใบกว้างใหญ่ .. ความงดงามของการเดินทาง จึงมิใช่แค่การมุ่งไปให้ถึงจุดหมายปลายทางแค่นั้น ทว่าในรายทางยังมีสิ่งที่น่าสนใจ และสวยงาม รอคอยให้เราเข้าไปเรียนรู้ และชื่นชม ..
เราออกจาก Heddal stave church .. ตั้งหมุดหมายในการเดินทางต่อไป คือ การไปพักที่เมือง Rysstad ก่อนที่จะไป hiking ที่ภูเขาอันเป็นที่ตั้งของ Pulpit Rocks ที่โด่งดังในวันถัดไป
บริเวณที่เราเดินทางผ่านเป็นภูเขาสูง และมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ … บางช่วงมีโตรกผา ทางน้ำเชี่ยวๆ และน้ำตก อันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีให้เห็นตลอดทาง
น้ำตกในรายทาง แม้จะไม่สูงหลายสิบเมตร … แต่ความสวยงามยังเหนือชั้นอยู่ดี
ทิวทัศน์ของ Rest Area แห่งหนึ่งระหว่างแวะพัก .. ตรงนี้น้ำดูนิ่งสงบ ไม่ไหลเชี่ยวเกี้ยวกราด
การได้นอนนิ่งๆ ส่งสายตาไปยังผิวน้ำ ทิวสน และภูเขา .. จึงเป็นความสุขที่เก็บเกี่ยว สัมผัสได้ในรายทาง
ที่พักของเราในคืนนี้ค่ะ เป็นที่พักแห่งเดียวในชุมชน Rysstad แห่งนี้ .. เป็นอาคารที่มีกลิ่นไอของสถาปัตยกรรมแบบสวิสต์ .. อาคารของส่วนที่เป็นโรงแรมจะเป็นแบบชาเล่ย์ ปลูกไม้ดอกที่ระเบียง
ที่พักมีหลายแบบ .. ทั้งบังกะโลที่พัก พื้นที่ที่รองรับ Camper Van และสถานที่กางเต้นท์ ให้เลือกพักตามจริตความต้องการ
รอบๆบริเวณที่พักมีภูมิประเทศที่สวยงาม … ด้านหลังติดแม่น้ำที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง
ด้านหน้ามีฟาร์ม บ้านเรือน และภูเขา
Sulskard Village
เราเดินทางมุ่งหน้าสู่ทิศทางของ Pulpit Rocks …
เส้นทางที่เราเดินทางในช่วงนี้สวย แตกต่างจากถนนที่เราผ่านในหลายวันที่แล้วมากมากค่ะ … เราขับรถผ่านโตรกผา ลัดเลาะภูเขาสูง โค้งแล้ว โค้งเล่ามาเรื่อยๆ
วิวข้างทางเปลี่ยนไปเรื่อย ตลอดทางที่เราผ่านแต่ละโค้ง .. เส้นทางเว้าเข้า เว้าออก อาจจะขับได้ช้า และมีหวาดเสียวนิดๆ .. แต่เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะสอดส่ายสายตามองวิวทิวทัศน์ในรายทางไปเรื่อยๆ
ฉันสังเกตและให้ความเห็นกับรุตน์ว่า สภาพภูมิประเทศแถบนี้คล้ายกับที่ ไอซ์แลนด์มาก คือเป็นที่ราบสูงแบบ Norwegian tundra ไม่มีต้นไม้ มีภูเขาหิน ทะเลสาบเล็กๆ ภูมิประเทศเกือบทั้งหมดปกคลุมด้วยมอสสีเขียวๆ แม้จะไม่หนาเท่าที่ไอซ์แลนด์ แต่ก็คล้ายกันมาก .. รวมถึงลมที่พัดผ่านโตรกเขามีกำลังลมที่แรงมาก .. อาจจะเหมือนที่บ้านเราเรียก ช่องลม
… สภาพของ western fjords เช่นนี้ จึงก่อเกิดตำนานโบราณเรื่องของดินแดนพ่อมด แม่มด และ Trolls
บางทีเราเห็นกองหินแบบในภาพ .. คำอธิบายคือ หินเหล่านี้คือ เหล่า Trolls ที่กลับบ้านไม่ทันก่อนแสงอาทิตย์จะทาบทาขอบฟ้าของวันใหม่ .. Poor Trolls!
Road Trip ของเราในนอร์เวย์ … เป็นการเดินทางไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน พร้อมกับเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆที่ผ่านสายตา และเลนส์กล้อง เอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่เราต้องการ พูดง่ายๆคือ หยุดรถทุกครั้งที่มองเห็นสิ่งที่น่าสนใจและอยากถ่ายภาพเก็บไว้
.. อย่างไรก็ตาม การขับรถเที่ยวในนอร์เวย์นั้นแตกต่างจากที่ไหนๆในโลกที่เราเคยเดินทางผ่านมาแล้ว … อยากจะเล่าเกี่ยวกับ Nowegian Road Trip สักเล็กน้อยค่ะ
อย่างแรก .. สภาพถนนในนอร์เวย์มีลักษณะเหมือนกับแม่น้ำ คดเคี้ยว บางช่วงแคบมากๆ มีสิ่งกีดขวางมากมาย เช่นอุโมงค์ที่มีเยอะจริงๆ เดี๋ยวมุด เดี๋ยวลอดตลอดเส้นทาง .. อาจจะขับรถไม่สนุกสำหรับคนที่ชอบความเร็ว เพราะขับไปสักพักก็ต้องลดความเร็วเพื่อหักพวงมาลัยเลี้ยวแบบหักศอกที่เรียก Hairpin Road ชนิดที่เส้นทางแม่ฮ่องสอนที่บ้านเราต้องเรียกถนนที่นี่ว่าพี่ใหญ่เลยล่ะ ฮา ฮาๆๆๆ ..
ประการที่สอง .. บนเส้นทางส่วนใหญ่จะมีบ้านหลังเล็กๆ น่ารักๆ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่ไม่น่าเชื่อ ไม่สมเหตุสมผลปรากฏอยู่ในสายตาเสมอ บ้านเหล่านี้หลังคามุงด้วยหญ้าสีเขียวๆ มีฝูงแกะและเล็มหญ้าอยู่ที่สนามหน้าบ้านด้วย
เรื่องที่สาม … ปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งอยู่ห่างออกไปมากๆ เวลาขับรถต้องใส่ใจในระดับน้ำมันในถังด้วย ไม่งั้นอาจจะต้องกินข้าวลิงกันกลางทาง หรือในกรณีที่ต้องการทำธุระส่วนตัว อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปใช้บริการของปั๊มน้ำมัน .. Bush Toilet อาจจะเป็นทางที่ไม่ต้องเลือก จำเป็นอ่ะค่ะ
เรื่องที่สี่ … การขับรถในนอร์เวย์อาจจะน่ารื่นรมย์ จนกระทั่งคุณผ่านเข้ามาในเขตที่ราบสูง Suleskard นี่เองแหละค่ะ พูดง่ายๆก็คือ สภาพภูมิประเทศองที่ราบสูงแห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากสถานที่ทุกแห่งที่เราผ่านมาแล้ว ไม่มีเนินเขาสีเขียว แต่แทนที่ด้วยภูเขาหินลักษณะแปลกๆ จนบางครั้งคุณอาจจะนึกว่า นี่แหละเจ้า Troll ในนิยายปรัมปรา .. อาจจะเห็นหิมะอยู่ประปรายในหน้าร้อน มีทะเลสาบเล็กๆ มีน้องแกะน่ารักๆเดินเป็นเจ้าถนนแบบทองไม่รู้ร้อน เราต้องอดทนรอให้เหล่าน้องๆที่น่ารักผ่านไปจนหมด จีงจะเหยียบคันเร่ต่อไปได้
เวลาผ่านไปสักพัก เราเริ่มเห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงในหุบเขา
“จอดรถให้พี่ออกไปเก็บภาพสัก 2-3 นาทีได้มั๊ยคะ?” ฉันบอกรุตน์
.. แต่หลังออกจากรถไป ฉันพบว่าลมแรงเกินไป และอาจจะไม่ปลอดภัย เราจึงออกเดินทางต่อ โดยจะแวะที่หมู่บ้านที่เราเห็น
Sulskard Village เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ห่างจากกรุงออสโลราว 146 กิโลเมตร
เราเริ่มการเยือนหมู่บ้านด้วยการไปเก็บภาพมุมสูงตรงเนินสูงใกล้ๆทางเข้าหมู่บ้าน
ครั้งแรกที่มองเห็นหมู่อาคารขนาดย่อยที่เรียงรายไปตามสโลปของเนินเขาด้านล่าง หลังคาสีเขียวๆด้วยหญ้าที่คลุมหลังคาอยู่ ทำให้เราคิดถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ใช้หญ้ามุงหลังคาเช่นเดียวกัน ความแตกต่างอยู่ที่ ที่นี่อาคารมุงด้วยหญ้าสด ส่วนที่ญี่ปุ่นเป็นหญ้าแห้ง
เนินดินตรงที่เรายืนเก็บถ่ายรูป สภาพพื้นดินค่อนข้างชื้น มีมอสสีเขียวปกคลุม และดอกไม้ป่าคลุทดินเหมือนพรมธรรมชาตอ หยุ่นยวบยามที่รับน้ำหนักคนที่เดินผ่าน … บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่
เราเข้าไปเยือนหมู่บ้าน แต่ฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสสาย ทำให้มองไม่เห็นว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่นี่ บรรยากาศดูเงียบๆเหงา
บ้านทุกหลัง นำหญ้าสดมาเป็นส่วนหนึ่งที่สวยงามของบ้าน .. บางบ้านทำเป็นสวนดอกไม้บนหลังคาไปเลย เลิศจริงๆ คงจะดีไม่น้อย หากจะมีโอกาสเปลี่ยนบ้านเราเองให้เป็น Green House
ไวกิ้ง เป็นคนพวกแรกที่สร้างบ้านแบบ turf house ขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 9 .. แรงจูงใจในการสร้างบ้านแบบนี้ เกิดจากความจำเป็นในการต่อสู่เพื่อให้อยู่รอดในสภาพธรรมชาติแวดล้อมที่แปรปรวนและยากลำบาก โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อากาศเยือกเย็น
… หญ้าพวกนี้จะทำหน้าที่เป็นฉนวนอย่างดี แม้ในช่วงเวลาที่หนาวเย็นที่สุดของปี
ในช่วงเริ่มแรก พวกไวกิ้ง สร้างบ้านด้วยไม้และหิน หลังจากนั้นก็คลุมหลังคาด้วยแผ่นหญ้าหนามากๆ … ซึ่งว่ากันว่าสามารถคงทนได้หลายสิบปีทีเดียว
เราเคยไปเยือน Turf Houses ในประเทศ Iceland ที่ได้รับการประกาศจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกมาแล้ว ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นหลักฐานของความงดงามของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่สำคัญของมนุษยชาติ ที่กำลังเลือนหายไป
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ผู้คนในแถบ Norway, Ireland, Scotland, Greenland และที่ Faroe Islands ก็นำไอเดียของพวกไวกิ้งโบราณมาสร้างบ้านในสไตล์นี้ จนเราเห็นได้ทั่วๆไปในแถบ Scandinavia .. แต่อาจจะไม่เหมือน Turf House ของ Iceland ร้อยเปอร์เซ็นต์
หลังคามุงหญ้าเหล้านี้ ประอบไปด้วยหญ้าหลายๆชั้นที่ถูกวาทับอยู่บนระแนงไม้บนหลังคาที่อาจจะมีพื้นหลังคา .. หากจัดสร้างอย่างถูกต้อง หลังคาเหล่านี้อาจจะมีอายุการใช้งานได้นานถึง 30-50 ปีทีเดียว
เราอาจจะมองดูว่า บ้านเรือนสีเขียวๆเหล่านี้ดูเก๋ๆ เท่ๆ มากกว่าบ้านสีเทาๆ ทึมๆในเมือง .. แต่ประโยชน์มีมากกว่าการเป็นฉนวนกันความเยือกเย็นจากภายนอก
Turf ให้ความสวยงามในแง่ของ Landscape คนอยู่ก็รื่นรมย์ .. นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเก็บกักน้ำฝน เป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์เล็กๆ เช่นนก รวมถึงช่วยลดประเด็นเรื่องโลกร้อน ลดมลภาวะ
โฆษณา