28 พ.ค. 2020 เวลา 14:54 • ปรัชญา
กล้าที่จะลุก กล้าที่จะเดิน กล้าที่จะทำ กล้าที่จะสู้
ช่วงนี้คงไม่มีเวลาในการเขียนบทความเนื่องจากหลายอย่างที่ต้องทำทั้งงานส่วนรวม งานตนเอง และงานที่ถูกขอให้มาช่วย หลายวันมานี้สถานการณ์ในการใช้ชีวิตคงจะดีขึ้นหลังจากมีการปลดล็อคให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตกันตามปกติในเวลาที่ทางภาครัฐกำหนดไว้ ไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา
หลายอย่างที่ทางรัฐบาลคอยช่วยเหลือทั้งกลุ่มผู้ตกงาน กลุ่มว่างงาน กลุ่มงานอิสระ และกลุ่มเกษตรกร ต่างก็ได้รับการเยียวยากันถ้วนหน้า แม้บางคนจะได้ช้าหน่อย ก็ยังถือว่าดีที่ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือทอดทิ้งไป ยิ่งตอนนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เข้าสู่ฤดูกาลทำนา ปลูกพืช บางพื้นที่น้ำท่วมเพราะพายุอำพัน บางพื้นที่ก็ยังคงแห้งแล้ง ก็คงต้องรอฝนกันต่อไป
สำหรับพื้นที่ใดที่ฝนตกหนักก็แนะนำให้ระมัดระวังขับรถก็ควรขับอย่างปลอดภัยไว้ก่อน การอยู่กลางแจ้งอาจจะทำให้ฟ้าฝ่าได้ ถนนขาด ต้นไม้ล้ม ก็ว่ากันไป ส่วนความเสียหายของชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงโค กระบือ ก็คงต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงจากฟ้าฝ่า คงจะทำใจได้ยาก เพราะเหตุการณ์ทางธรรมชาติไม่มีใครกำหนดและล่วงรู้ได้
สถานการณ์ในสังคมตอนนี้มีทั้งข่าวดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากที่ทาง อว. ได้มีการจ้างงานกลุ่มผู้ที่ตกงาน ว่างงาน มีโอกาสได้ทำงาน ซึ่งมีการสมัครงานในเฟสที่ 1 จำนวน 10,000 อัตรา และมีการว่าจ้างเพิ่มอีก 40,000 อัตรา ในเฟสที่ 2 เพื่อช่วยผู้ที่กำลังว่างงานและจบการศึกษาใหม่ ใครที่ญาติอยากทำงานลองสมัครดูหาข้อมูลตามออนไลน์ หมดเขต 28-29 พ.ค. นี้
การจ้างงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างมากที่จะได้เรียนรู้การทำงานในมหาวิทยาลัยต่างๆ จังหวัดของตนเอง โดยไม่ต้องไปทำงานต่างพื้นที่ มีโอกาสอยู่กับครอบครัว ได้เรียนรู้พัฒนาตนในการทำโครงการ และวิจัย หากใครที่มีความประสงค์จะพัฒนาตนเองขึ้นไป ทางมหาลัยจะมีโครงการส่งเสริมให้ศึกษาเรียนรู้เพิ่มขึ้น
1
บทความนี้ได้นำเสนอความจริงของชีวิตในช่วงวิกฤติโรคไวรัสโควิด เพื่อการอยู่รอดจากโรค อยู่รอดในสังคม และดำรงชีวิตในสังคมได้ ถ้ามัวแต่คิดถึงในโชคชะตาที่ต้องเดือดร้อน ตกงาน ไม่มีงานทำ ค้าขายไม่ได้ ทำอะไรลำบาก ถ้าเราคิดเช่นนั้นสุดท้ายเราจะไม่มีกำลังใจ ทั้งที่หลายหน่วยงานพร้อมที่จะช่วยเหลือ ทั้งรัฐบาล มหาวิทยาลัยต่างๆ, องค์กรต่างๆ, หน่วยงานต่างๆ และประชาชนด้วยกัน
สังคมไม่ได้ทอดทิ้ง เหลือแค่ว่าเราพร้อมเปิดใจ พร้อมที่จะลุก พร้อมที่จะเดิน พร้อมที่จะทำ และพร้อมที่จะสู้ หลายคนที่ตกงาน หลายคนเดือดร้อน แต่ตอนนี้ผมอยากจะให้กำลังใจ รอเวลาและโอกาสที่กำลังเข้ามา ช่วยให้เราได้มีจิตใจที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็งในจิตใจมากขึ้น จึงขอเสนอข้อคิดนี้ไว้แก่ทุกคน
คำคมข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่จะนำมากล่าวถึง เพื่อเตือนใจเราเอง ส่วนมากผมเองจะเขียนคำเหล่านี้ไว้ติดข้างๆ กระจกส่อง ข้างที่นอน หนังสือ และสมุด เพื่อบันทึก เขียนเรื่องราว คำสอนให้กับตนเองแบบสั้นๆ แต่เข้าใจง่าย คือ
.......... ล้มลุก ฉุดอยู่ สู้ต่อ ท้อลุย.........
.......... ปลุกตื่น ฟื้นตัว กลัวแพ้ แก้ไข.........
1. ล้มลุก เมื่อใดก็ตามที่เราล้มลงแล้ว ควรที่จะต้องลุกขึ้น อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไป ควรที่จะลุกขึ้นทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสร้างพลังใจให้กับตนเอง ดังพุทธศาสนาสุภาษิตที่ว่า หิยฺโยติ หิยฺยติ โปโส ปเรติ ปริหายติ. แปลว่า คนที่ผัดวันว่าพรุ่งนี้ ย่อมเสื่อม ยิ่งว่ามะรืนนี้ ก็ยิ่งเสื่อม.
2. ฉุดอยู่ การที่เราเกิดความท้อแท้ภายในจิตใจ มีความห่อเหี่ยว ไม่มีพลังใจ กำลังกาย ก่อนที่จะสายเกินแก้ ควรที่จะรีบฉุดจิตใจตัวเองให้มาอยู่กับตนให้เร็วที่สุด เพื่อเราจะได้มีสติในการทำสิ่งต่างๆ รีบทำสิ่งที่ดีให้กับตนเอง ดังพุทธศาสนาสุภาษิตที่ว่า อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ. แปลว่า ควรรีบทำความเพียรในวันนี้.
3. สู้ต่อ การเผชิญกับสิ่งที่เป็นอุปสรรค เมื่อใดที่เราได้รับความเดือดร้อน ทำให้เกิดความทุกข์กาย ทุกข์ใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามีจิตใจที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้ เพราะไม่มีใครที่สามารถช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเองที่จะลุกขึ้นต่อสู้ในปัญหาที่เกิดขึ้น ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ. แปลว่า ตนแล เป็นที่พึ่งของตน.
4. ท้อลุย หากวันใดที่เราเกิดความท้อแท้จงลุกขึ้นลุย อย่าทำให้จิตใจของตนอ่อนแอ จงชนะใจของตนให้ได้ เพื่อเดินต่อไปเพื่อพ้นความทุกข์ได้ การที่เรามัวแต่โทษสิ่งต่างๆ โดยไม่ยอมที่จะไปต่อ ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย. แปลว่า ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี.
5. ปลุกตื่น การปลุกใจตนเองให้ตื่นอยู่เสมอ เหมือนดังที่ว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน การปลุกจิตใจให้มั่นคงด้วยการมีสติอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ทำให้ตนเองหลับ จงปลุกใจให้ตื่นเพื่อรับวันใหม่ ดังพุทธศาสนิกสุภาษิตที่ว่า สติ โลกสฺมิ ชาคโร. แปลว่า สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ในโลก.
6. ฟื้นตัว เมื่อใดที่เราเจอกับปัญหา ความไม่เป็นดั่งใจ ความผิดหวัง หากล้มลงควรที่จะฟื้นตัวเองให้เร็วที่สุด พยุงตัวเองให้พ้นจากความทุกข์ได้ ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ ปงฺเก สนฺโนว กุญฺชโร. แปลว่า จงถอนตนขึ้นจากหล่ม เหมือนช้างตกหล่มถอนตนขึ้นฉะนั้น.
7. กลัวแพ้ หากเรามัวแต่กลัวความแพ้ จิตใจที่อ่อนแอยอมแพ้ต่อสิ่งที่เกิดกับตน การกระทำสิ่งใหม่ที่เราเองไม่มีความรู้ความสามารถอย่ากลัวที่จะทำไม่ได้ จงเตือนตัวเองให้มีความกล้า ไม่กลัวต่อการทำในสิ่งใหม่ๆ พร้อมเดินต่อไป ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อตฺตนา โจทยตฺตานํ. แปลว่า จงเตือนตนด้วยตนเอง.
8. แก้ไข เราควรเข้าใจเสมอว่าการที่คนเราจะประสบความสำเร็จ หรือพ้นจากความทุกข์ได้ เราจำเป็นต้องแก้ไขความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ปรับปรุงพัฒนาตนเอง ตรวจสอบตนเองอยู่เสมอว่าเรามีความบกพร่องอะไร ควรเรียนรู้และพัฒนาตนเองไม่หยุดนิ่ง ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า ปฏิมํเสตมตฺตนา. แปลว่า จงพิจารณาตนด้วยตนเอง
ดังนั้น กล้าที่จะลุก กล้าที่จะเดิน กล้าที่จะทำ กล้าที่จะสู้ ไม่ว่าเหตุการณ์ที่ไม่ดี เกิดวิกฤติต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของตนเกิดความทุกข์ มีความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต การดำรงอยู่ด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เราลุกขึ้นสู้ ไม่ท้อแท้ ยอมแพ้ เมื่อนั้นเราจะเห็นโอกาสที่เกิดขึ้นในยามวิกฤตินี้ได้ ต่อให้จะเกิดเรื่องร้ายกี่เรื่องเราก็พร้อมผ่านพ้นไปด้วยดี
ฝากกด like
ฝากกด share
ด้วยนะครับ
โฆษณา