7 มิ.ย. 2020 เวลา 05:51 • ท่องเที่ยว
เชียงใหม่ Alone EP.3 : "ตัวเมืองเชียงใหม่" เที่ยวไหนก็ฟินนน
วันนี้เราจะเที่ยวในเมืองกันนะคะทุ๊กคน ด้วยสโลแกน "เราจะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใจบุญ และดูมีความรู้ด้วย" 55 (โยงไปเรื๊อย)
ใช่ค่ะ...วัด & พิพิธภัณฑ์ ก็มา
หลังจากเมื่อวานใช้พลังงานไปเยอะ ตื่นเช้ามาเราก็หิวเลยค่ะ 😁 อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ถึงเวลาออกหาอาหารเช้ามื้อแรกในเมืองเชียงใหม่
สิ่งแรกที่ทำคือหยิบมือถือมาก่อนเลยค่ะ...ทำไมน่ะเหรอ เอามาถาม "อากู๋" สิจ๊ะรออะไร 🤣 ร้านไหนเด็ดร้านไหนดัง บอกมาจ่ะกู๋จ๋า เพราะเรานั๊นนน "no idea" มาก 55
ใช้เวลาไม่นาน (เพราะหิวละ) เลยเลือกว่าจะกินไข่กะทะ เพราะไม่เคยกินมาก่อน (อนาจ)
ร้านอาหารเช้าในรีวิวมีไข่กระทะแทบทุกร้านเลยค่ะ แต่สุดท้ายเลือกร้าน "ไข่กระทะเลิศรส" เป็นที่ลองของ คิดจากตรรกะง่ายๆ ชื่อเขามีคำว่าไข่กระทะ มันต้องมีไข่กระทะนี่ล่ะวะเป็นของเด็ดของดัง 😆
จากนั้นก็ขี่มอร์ไซด์ไปตาม google map ("เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ววว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลยยย" ถ้า google ร้องเพลงได้ คงจะร้องเพลงนี้แหละเราว่า 🤣)
พอถึงร้านก็จอดมอร์ไซด์ไว้ข้างๆร้าน (มันมีมอร์ไซด์จอดอยู่ก่อนแล้วคันหนึ่ง เลยจอดตามเขา) จากนั้นก็เดินเข้าร้านสั่งอาหารอย่างสบายใจ ไข่กะทะ โจ๊ก และชาร้อน (มีรายการอาหารให้เลือกทานเยอะดีนะ แบบเป็นเซ็ตก็มี แบบอยากกินอะไรก็สั่งๆก็ได้)
อืมมม อร่อยดี ประทับใจในไข่กระทะครั้งแรกนี้ 😀 ไข่สองฟอง ให้เครื่องเยอะดี (หมูสับ หมูยอ กุญเชียง ผัก) แต่คนกินเยอะแบบเรา "เท่านี้ไม่พอ" 555 ดีที่สั่งโจ๊กมาด้วย
ภาพจาก : https://www.reviewchiangmai.com/1623-p/
ขณะที่นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นนนน......
พนักงานก็ส่งเสียงถึงทุกคนเบาๆ..."ลูกค้าคะ ลูกค้าคะ" ทุกคนก็ pay attention ทันที เงยหน้าขึ้น พร้อมเงี่ยหูฟังว่านางจะพูดอะไร
"รถมอร์ไซด์ใครจอดอยู่ข้างร้านคะ มาเร็วค่ะ ตำรวจกำลังจะล็อกล้อ"
ประมวลผลสักพัก.... 😯😳😨😱
เวรแล้วไงงงงงง นี่รีบวางช้อนวางส้อม สาวเท้าไปหน้าร้านเลยจ่ะ
แต่มันเรียบร้อยค่ะ....โดนล็อกล้อเรียบร้อยแล้วค่าาาาทุกค๊นน 😂 โซ่ที่คุณตำรวจใช้ล็อกยาวกว่าหางว่าวอี๊กกก 55
คุณตำรวจนางก็ยังอยู่ แล้วก็ยื่นใบสั่งให้เรา ทำไงได้ล่ะ...ก็ต้องรับใบสั่งมาด้วยสีหน้าเจี่ยมเจี้ยม 😶 (โดนกันท่วนหน้า ทั้งเราและอีกคันที่เราไปจอดข้างๆ)
เหตุมันเกิดจาก..."จอดไม่ดูตาม้าตาเรือ"...เองค่ะคุ๊ณณ มองให้ดีๆ "เส้นขาว-แดง" เต็มลูกตาเลยจ๊าา ผิดเต็มประตู รู้ตัว 😅
แต่มันต้องไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจไง อีนี่ก็ไปไม่เป็นอีก
และแล้วน้องเจ้าของรถอีกคันก็เป็นนางฟ้ามาโปรด 55 นางเป็นนักศึกษามากัน 2 คน คุ้นเคยกับเมืองเชียงใหม่ดี นางเลยบอกว่าเดี๋ยวพวกนางไปจ่ายให้เอง ให้เราเฝ้าโต๊ะให้ด้วย 55 (ต้องขอบใจน้องมากจริงๆ) อ่ะ สบายละ กลับไปกินต่อ รอน้องกลับมา
แต่โอ๊ยย ใครไปเที่ยวแบบขับๆขี่ๆก็ดูให้ดีๆกันด้วยนะคะ ปฏิบัติตามกฎจราจรด้วย ถ้าไม่อยากเสียตังค์ 200 บาทแบบไม่ตั้งใจอย่างเรา
อย่าคิดว่าจอดๆไปเถอะคงไม่เป็นไร อย่าหาทำ! 😅 คุณตำรวจเขาออกปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เช้าอีหลี 555 (ตอนนั้นประมาณ 8.30 น.)
เราทานอาหารเสร็จเรียบร้อย น้องก็กลับมา เราก็โทรเรียกคุณตำรวจให้มาปลดโซ่ให้ จากนั้น...สตาร์ทรถได้เราก็ไปจากตรงนั้นเลยจ่ะ 🤣
พอกลับมาถึงที่พัก ก็เจอกับชิงชิงน้อยทันที พอนางรู้ว่าเราไปกินข้าวมา นางก็โวยวายเบาๆว่าทำไมไม่ชวน 😅 ตอนจะออกไปเรานึกว่านางยังไม่ตื่น (เห็นนอนนิ่งมาก) เสียดายนางไม่ได้ไปเห็นรถถูกล็อกล้อ 555
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันค่ะทุกคน ที่อิฉันต้องกระเตงแม่นางน้อยชิงชิงไปด้วยทุกที่ 55 นางจะกลับกรุงเทพฯวันนี้แหละ แต่เป็นตอนดึกๆ นางเลยขอติดสอยห้อยตามไปด้วยอีกตลอดวัน (แถมต้องไปส่งขึ้นรถที่ขนส่งอีกนะ 😆)
และด้วยความที่ชิงชิงเป็นคนต่างชาติ นางก็เลยมี "ความอยาก" ที่จะศึกษาศิลปะ วัฒนธรรมของบ้านเมืองเรา ดังนั้นวันนี้ยาจกเลยจัดทริป "วัดและพิพิธภัณฑ์" ในเมืองขึ้นเพื่อชิงชิงโดยเฉพาะ
ทั้งๆที่โดยส่วนตัวแล้ว เวลาไปเที่ยวยาจกไม่เคยเข้าพวกพิพิธภัณฑ์เลยนะ เพราะคิดว่ามันน่าเบื่อ ไปสัมผัสของจริงเอาเลยดีกว่า
แต่ต้องยอมรับว่าการเข้าพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ เปลี่ยนความคิดเราไปได้เยอะเลยแหละ กลายเป็นคนชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ไปโดยปริยาย
เอาล่ะ ได้เวลาอันสมควรแล้ว เราไปเที่ยว "ตัวเมืองเชียงใหม่" กันดีกว่าค่ะ
♡ วัด
เอาจริงๆ วัดเป็นสถานที่ที่มีทุกมุมเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ มีเยอะมากกก แต่จะบอกว่าเป็นวัดสวยๆทั้งนั้นเลย แต่ละวัดค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง
และเนื่องด้วยยาจกเป็นสาวอีสานขนานแท้ คุ้นเคยกับวัดสไตล์ล้านช้าง (แบบลาว) พอมาเจอวัดเชียงใหม่ที่เป็นสไตล์ล้านนา บอกเลยว่า..ว๊าววมากกกก
โดยเฉพาะแต่ละวัดมีอายุยาวนานมาคู่กับบ้านกับเมืองเชียงใหม่เลย แต่เขายังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้ คือมันดีสำหรับชนรุ่นหลังอย่างพวกเรามากค่ะที่มีโอกาสได้เห็น สวยงามทรงคุณค่ามาก ตื่นตาตื่นใจสุด (วัดแถบอีสานส่วนใหญ่บูรณะให้สวยงามตามสมัยนิยมละ)
พวกเราไปกันมาหลายวัดนะคะ แต่ยาจกขอยกมาเพียงแค่ 4 วัดที่ยาจกไปชมแล้วประทับใจในโครงสร้างและศิลปะค่ะ (ถ้าใครเป็นสายวัด สายทำบุญ สามารถศึกษารายชื่อวัดอื่นๆได้ในลิ้งค์ที่แปะไว้ใน "เพิ่มเติมท้ายโพสต์" ได้เลยนะคะ")
มาเริ่มต้นกันด้วยวัดที่อยู่ใกล้ที่พักพวกเราที่สุดก่อนเลยค่ะ
》วัดโลกโมฬี
วิหารหลวงวัดโลกโมฬี ภาพจาก : https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/957135/
วัดโลกโมฬีเป็นวัดเก่าแก่ในเมืองเชียงใหม่ (ดูขลังมาก บอกเลย) ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่ปรากฏชื่อเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.1910 สมัยพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช กษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์มังราย (กษัตริย์องค์เดียวกับที่สร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพค่ะ)
สำหรับเรา จุดเด่นของที่นี่คือ "วิหารหลวง" ซึ่งเป็นวิหารไม้สักศิลปะแบบล้านนา ที่สวยมากกก
ตามประวัติได้เล่าไว้ว่า ช่วงที่เมืองเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่นานกว่า 200 ปี วัดวาอารามถูกเผาทำลายไปเยอะ แต่วัดโลกโมฬีไม่ได้ถูกเผาทำลายเลยค่ะ เพราะว่าเป็นวัดสำคัญในราชสำนักมาโดยตลอด จนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เองที่วัดโลกโมฬีถูกทิ้งให้ร้างไปเลย
จนปี พ.ศ.2502 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดโลกโมฬีเป็นโบราณสถานของชาติ และปี พ.ศ.2544 คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่มีมติให้พระญาณสมโพธิ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นประธานในการก่อสร้างและฟื้นฟูวัดโลกโมฬีให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษา
มีพระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ เป็นประธานสงฆ์ ทำหน้าที่ดูแลรักษาวัด จนวัดมีการพัฒนาในทุกๆด้าน ถึงขนาดถูกยกย่องให้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงติด 1 ใน 10 ของวัดในภาคเหนือที่จะต้องมีผู้กล่าวถึง และอยากมาเที่ยวชมที่สุดในปัจจุบันนี้
วัดโลกโมฬีเคยใช้เป็นฉากหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง "สุริโยทัย" ด้วยนะคะทุกคน เป็นฉากที่พระไชยราชาธิราช เสด็จนำทัพจากอยุธยาไปรบกับแคว้นล้านนา ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ "พระนางจิรประภามหาเทวี" (นำแสดงโดยพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) (นี่ก็แอบไปย้อนดูคลิปมาด้วย 55 เอ๊อ เป็นฉากในวัดนี้จริง)
ช่วงที่พระนางจิรประภามหาเทวีขึ้นครองราช เป็นช่วงที่เหล่าขุนนางเรืองอำนาจทำให้เมืองเชียงใหม่อ่อนแอ สมเด็จพระไชยราชาธิราช กษัตรย์อยุธยา เลยยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่
แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระนางจิรประภามหาเทวี ซึ่งมีความรักและความเป็นห่วงไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์ จึงทรงรักษาเอกราชของบ้านเมืองไว้ได้ โดยไม่เกิดความสูญเสียใดๆ พร้อมกับทูลเชิญพระไชยราชาธิราชเสด็จมาทำบุญที่วัดโลกโมฬีด้วยค่ะ
และด้วยเหตุนี้พระนางจิรประภามหาเทวี จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “เทพเจ้าแห่งความรัก” ตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา และในปี พ.ศ.2545 ก็ได้มีการเททองหล่อรูปเหมือนพระนางจิรประภามหาเทวีขึ้นไว้ในวัดโลกโมฬีอีกด้วย
และทายสิ๊ เกิดอะไรขึ้น เมื่อมีเทพเจ้าแห่งความรักในวัด 😄 ใช่ค่ะ....คนหนุ่มคนสาว ประชาชน คนศรัทธา ก็หลั่งไหลเข้ามา 555 บ้างขอ บ้างบนบาน (แว่วๆว่าประสบความสำเร็จสมหวังกันไปแล้วหลายรายเด้อ ใครมีโอกาสก็ไปสักการะท่านได้จ้าา)
รูปเหมือนพระนางจิรประภามหาเทวี ที่วัดโลกโมฬี ภาพจาก : https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/607107/
ต่อมาไปกันที่
》วัดพันเตา
วัดพันเตา เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของเชียงใหม่ (ที่นี่ดูเก่ามากจริงๆ ตั้งแต่หน้าประตูวัดเลย 55) ในอดีตคนเชียงใหม่เรียกวัดนี้ว่า “วัดปันเต้า” (พันเท่า) ส่วนอีกที่มาหนึ่งก็กล่าวว่า วัดนี้เคยใช้เป็นแหล่งสร้างเตาหล่อพระเป็นร้อยเป็นพันเตา จึงได้ชื่อว่า “วัดพันเตา” ค่ะ
วิหารวัดพันเตา ภาพจาก : https://www.emagtravel.com/archive/wat-pantao.html
ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้คือ "พระวิหารหอคำหลวง" เลยค่ะ ตัวอาคารเป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง มีการแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม ดูเก่าแก่ แต่งดงามมากจริงๆ และภายในพระวิหารยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระเจ้าปันเตา" พระพุทธรูปศิลปะล้านนา ด้วยค่ะ
"พระเจ้าปันเตา" พระพุทธรูปศิลปะล้านนา ภาพจาก : https://www.emagtravel.com/archive/wat-pantao.html
ตามด้วย
》วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
เดินมาจากวัดพันเตาไม่ไกล เราก็จะเจอกับวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร หรือ วัดโชติการาม แห่งนี้ค่ะ
ว่ากันว่าวัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่เลย ตัววัดมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีสิ่งให้เข้าไปชมหรือสัการะหลายอย่างทีเดียว
วัดนี้เป็นพระอารามหลวงเก่าแก่ของเชียงใหม่ และเป็นสถานที่ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดด้วยค่ะ ซึ่งเจดีย์นี้เก่ากว่า 500 ปี สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย
เจดีย์หลวง ภาพจาก : emagtravel.com/archive/wat-chediluang-cm.html
จุดเด่นของที่นี่ นอกจากเจดีย์หลวงแล้ว ก็เป็น "วิหารของวัดเจดีย์หลวง" เลยค่ะ
ตั้งแต่ทางเข้าที่เป็นบันไดนาค ที่หางของนาคสองตัวพาดไปเกลียวกันเป็นซุ้มประตู ส่วนภายในวิหารก็มีภาพเขียนและลวดลายสวยงาม มีการตกแต่งด้วยโคมและตุงแบบล้านนา ได้บรรยากาศของวัดเมืองเหนือสุดๆ และมีพระประธานเป็นพระพุทธอัฏฐารส ค่ะ
ภายในวิหารของวัดเจดีย์หลวง ภาพจาก : https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/955904/
นอกจากนี้ที่วัดเจดีย์หลวงยังมี "เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง" ที่สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยที่บริเวณหน้าวัดอีกด้วย โดยเสาหลักเมืองนี้สร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1839
และในวัดยังมีพระเจ้าทันใจ ซึ่งเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการอธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนาให้สำเร็จรวดเร็วทันใจ (แต่ว่ากันว่า ที่เป็นที่นิยมเลื่องลือสุดจะเป็นพระเจ้าทันใจที่พระธาตุดอยคำจ่ะ)
นอกจากสิ่งต่างๆที่กล่าวมาแล้ว รอบบริเวณวัดยังมีทั้งวิหารบูรพาจารย์ วิหารพระอาจารย์มั่น ศาลารายประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หอธรรมและพิพิธภัณฑ์ และศาลยักกุมภัณฑ์ ด้วยเด้อ (วัดนี้เดินจนเมื่อยเลย 55)
และสุดท้าย
》วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
วัดพระสิงห์วรมหาวิหารเป็นวัดสำคัญมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นในสมัยพญาผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังราย เมื่อปี พ.ศ.1888
โดยวัดพระสิงห์ฯเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอย่าง “พระพุทธสิหิงค์” หรือพระสิงห์ โดยประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ ที่มีภาพเขียนฝาผนังอันเก่าแก่ (ภาพบางส่วนหลุดร่อนไปบ้างแล้วนะคะ ตามกาลเวลาแหละ แต่ภาพส่วนที่เหลือก็ยังให้ความรู้สึกสวยงามมากๆอยู่เลย)
ภาพจาก : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีรูปหล่อของครูบาศรีวิชัย วิหารหลวงซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อโต และหอไตรหรือหอธรรมที่สะท้อนศิลปะความเป็นล้านนาได้อย่างชัดเจนอีกด้วยค่ะ
และว่ากันว่าวัดพระสิงห์ฯ ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) หากได้มานมัสการสักครั้งหนึ่ง จะเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
ดังนั้น...ใครที่เกิดปีมะโรงถ้ามีโอกาสมาเชียงใหม่ก็อย่าพลาดนะค๊าา
♡ พิพิธภัณฑ์
จบวัดไปแล้ว เรามาต่อกันที่พิพิธภัณฑ์กลางเมืองกันบ้างนะคะ เราไปกันมา 3 ที่ค่ะ คือมันอยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละ 555 ออกจากที่นั่นก็เดินเข้าที่นี่ต่อได้เลย
โดยพวกเราซื้อตั๋วแบบเข้าชมได้ทั้ง 3 พิพิธภัณ์ ในราคา 40 บาท ชิงชิงก็ได้ในราคาเดียวกัน เพราะนางใช้บัตรนักศึกษา (แทนที่จะเป็นราคาคนต่างชาติ 180 บาท) คือดี 55
ภาพจาก : https://www.museumthailand.com/th/museum/Chiang-Mai-City-Arts--Culture-Centre
》หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่
เป็นพิพิธภัณฑ์ใจกลางเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ ตั้งอยู่ด้านหลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แต่ก่อนอาคารนี้เคยใช้เป็นศาลาว่าการจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังได้ย้ายศูนย์ราชการออกไปนอกเมือง อาคารนี้จึงได้รับการปรับปรุงเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่แทน
ภาพจาก : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/332
วัตถุประสงค์ในการสร้างหอศิลปวัฒนธรรมนี้ขึ้น ก็เพื่อให้คนในท้องถิ่นได้เรียนรู้ถึงคุณค่าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น เป็นการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ต่อไปในอนาคตนั่นเองค่ะ
ที่นี่มีห้องนิทรรศการถาวรถึง 15 ห้อง แบ่งตามเนื้อหา นับตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยุคของการสร้างบ้านแปงเมือง ล่วงเลยผ่านวันเวลาอันรุ่งเรืองและเสื่อมถอยเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเป็นเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังจัดแสดงเรื่องราววิถีชีวิต ภูมิปัญญา การเมืองการปกครองและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภูมิใจของคนเชียงใหม่ไว้ด้วย
ภาพจาก : https://www.chiangmaitouring.com/สัมผัสวิถีชีวิตคนในเวี/
มันดีตรงที่การนำเสนอนี่แหละค่ะ มันไม่น่าเบื่อเลย เขาใช้แบบจำลองผสานสื่อที่ทันสมัย ทั้งสไลด์ วีดิทัศน์ ซอฟต์แวร์ หุ่นจำลอง บอร์ดกราฟิก และภาพประกอบคำบรรยาย ทำให้มันน่าสนใจมากขึ้น
ตัวเราเองก็ยังตั้งใจอ่านตั้งใจดู อินไปด้วยโดยไม่รู้ตัว 55 ทั้งๆที่ปกติไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้มาก่อนเลย
เมื่อชมในส่วนหอศิลปวัฒนธรรมเสร็จ เราก็เดินต่อไปยังอาคารที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ...
》หอประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่
ที่นี่จะเป็นการจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ นับแต่สร้างเมืองเชียงใหม่จนถึงปัจจุบันเป็นหลักค่ะ
ภาพจาก : http://www.painaidii.com/business/117505/photo/3/lang/th/
ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมานับตั้งแต่สร้างเมืองเชียงใหม่ จนเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนา และสามารถขยายอาณาจักรล้านนาออกไปอย่างกว้างขวาง และมีการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งทางการค้า ศาสนา และศิลปะวัฒนธรรม
จนถึงยุคสมัยที่เชียงใหม่อ่อนแอลง จนพ่ายแพ้และกลายเป็นเมืองขึ้นต่อพม่า
สุดท้ายได้ต่อสู้จนเป็นอิสระจากพม่า และเข้าสู่ยุคสมัยของการเป็นประเทศราชของสยาม จนรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ภายในยังมีการจัดแสดงหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีแนวกำแพงโบราณ 2 แห่ง และมีห้องสมุดที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเชียงใหม่อีกด้วยค่ะ
สุดท้าย เราก็เดินข้ามไปอีกฟากถนน เพื่อไปสู่....
》พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา
ซึ่งที่นี่จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในล้านนาเป็นหลักจ่ะ
เมืองเชียงใหม่ล้านนามีศิลปวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมายาวนาน มีรูปแบบโดดเด่นที่สะท้อนถึงคติความเชื่อของบรรพชน ความผูกพันศรัทธาในพุทธศาสนา จนกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตพวกเขาค่ะ
ภาพจาก : https://www.topchiangmai.com/trip/lanna-folklife-museum/
ด้านในมีทั้งหมด 18 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวของการดำเนินชีวิต พุทธประวัติ พุทธศิลป์ เครื่องใช้ สำหรับพิธีกรรมต่างๆ สถาปัตยกรรม และงานศิลปกรรม ต่างๆมากมายของชาวล้านนา จากอดีตจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ
พวกเราใช้เวลาอยู่กับ 3 พิพิธภัณฑ์นี้นานมาก น่าจะสักเกือบ 3 ชั่วโมงได้ 55 แต่จะบอกว่ามันสนุก ไม่เบื่อเลย ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะมากกก (แบบ ก.ไก่ ล้านตัว)
ที่เราพูดไว้ในตอนต้นว่า "เราไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ เราชอบไปสัมผัสของจริงเอาเลยดีกว่า" หลังจากเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้ว มันทำให้เรารู้สึกแตกต่างออกไปเลยนะ...
เราได้รู้ว่าการที่เราเลือกไปสัมผัสของจริงเลย มันคือการที่เราเห็นวิถีชีวิตของคนที่นั่นแหละ แต่มันเป็นเพียง "วิถีชีวิตปัจจุบัน" ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบในอดีตที่มันมีความแตกต่างกันแบบโคตรๆ และเราไม่สามารถเห็นมันได้อีกแล้ว
พิพิธภัณฑ์จึงเป็นทางเลือกที่ดีมาก ในการเข้าถึงการเดินทางผ่านอดีตของผู้คน และสถานที่ ณ ที่แห่งนั้น.....
ยาจก
เพิ่มเติมท้ายโพสต์
- วัดสวย เชียงใหม่
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา