7 มิ.ย. 2020 เวลา 10:41
หลี่ปู้เหว่ย ผู้ลงทุนในบุคคล
ประสบผล ที่สุดในโลก
ผู้ปั้น จิ๋นซี
เครดิตภาพ http://worldcivil14.blogspot.com/2015/11/blog-post_86.html https://pantip.com/topic/37939955
เชื่อว่า เอ่ยชื่อ จิ๋นซี ฮ่องเต้ รู้จักกันเกือบทั้งโลก แต่ถ้าสาวประวัติไป จะมีคนรู้ประวัติ ต่างๆ กันไป วันนี้ผู้เขียนจะพาท่านไปรู้จักกับ
"หลี่ปู้เหว่ย" ผู้ได้ชื่อว่า เป็น ผู้ลงทุนในบุคคลที่ประสบผลสำเร็จที่สุดในโลก เพราะ เขาคือ ผู้ปั้น "จิ๋นซี" ขึ้นมา จนทัศนคติของ "จิ๋นซี" เป็นในแบบที่สร้างประเทศจีนให้เป็นอาณาจักรหนึ่งเดียว หลังจากที่ อาณาจักรโจวตะวันออก ล่มสลาย
อาณาจักรแบ่งออกเป็น 7 ก๊กหรือ 7 รัฐ ซึ่งนิยมเรียกกันว่ายุคนั้น คือ "ยุคจั้นกว๋อ" ซึ่งแต่ละรัฐต่างแย่งชิงกันเป็นผู้รวบรวมรัฐทั้งหมดเป็นรัฐเดียว แต่ผู้ที่ทำสำเร็จ คือ "จิ๋นซี"
หลี่ปู้เหว่ย เครดิตภาพ https://pantip.com/topic/37939955
การที่ กล่าวกัน ว่า จิ๋นซี คือ ทรราช หรือ มหาราช กันมากมาย เกิดความไม่แน่ใจต่างๆ เพราะหลายสาเหตุ แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีผู้ใดในโบราณกาล
ทั้งอาณาจักรจีน อาณาจักรกรีก อาณาจักรโรมัน อาณาจักรเปอร์เซีย ยังไม่มีผู้ใดทำได้ ดั่งจิ๋นซี ได้กล่าวไว้ ก่อนรวมประเทศ นั่นคือ "ข้าจักทำในสิ่งที่
ไม่มีผู้ใดในประวัติศาสตร์ และในอนาคต ทำมาก่อน" และจวบจนทุกวันนี้ ยังไม่มีใครหรือผู้ใดทั้งอารยธรรมตะวันตก, ตะวันออก สามารถทำได้
เราจะหยุดเรื่องของ "จิ๋นซี" ไว้ตรงนี้ เพราะเนื้อที่นี้คือ เรื่องของ"หลี่ปู้เหว่ย" ผู้ปั้น"จิ๋นซี" ขึ้นมา ซึ่งเรื่องของ"จิ๋นซี" นี้ เราจะกล่าวกันถึงในบทความต่อไป ตั้งแต่ การเดินแผนสต๊อกสินค้า จวบจน สินค้าวางตลาด ตลอดจน Gimmick ในการวางตลาด ของ หลี่ปู้เหว่ย's Project
ภาพแผนที่จีนโบราณ เลียดก๊กจั้นกว๋อ เครดิตภาพ https://th.wikipedia.org/
ในยุค จั้นกว๋อ นั้น รัฐฉิน คือรัฐที่โดดเด่น ไม่เป็นรองใคร ทั้งๆที่ รัฐฉิน เป็น รัฐชายแดน ที่ติดอยู่กับตะวันออกกลาง ซึ่งอุดมไปด้วย ทะเลทรายและความแห้งแล้ง แต่สามารถทำ การเกษตร จนเศรษฐกิจของรัฐฉินดีเป็นมหาอำนาจได้โดดเด่นได้ ทั้งการรบและการค้า รวมถึงศิลปการต่างๆ
พ่อของ "จิ๋นซี" เป็นตัวประกัน ในรัฐจ้าว เพราะรัฐจ้าว ขอไม่ให้รัฐฉินรุกราน แต่ไม่วางใจในรัฐฉิน จึงให้ รัฐฉิน ส่ง องค์ชายมาเป็นตัวประกัน (ซึ่งทวดของ "จิ๋นซี" นั้น ครองรัฐฉิน ปู่ของจิ๋นซียังเป็นรัชทายาท มีภรรยาใหม่ที่ไม่ใช่ย่าแท้ๆของจิ๋นซี) "พ่อจิ๋นซี" ซึ่งเป็น องค์ชายตัวประกันขณะนั้น รัฐจ้าวให้การดูแลองค์ประกันไม่ดี ปล่อยให้ทุกข์ยากอดอยาก
หลี่ปู้เหว่ยสนทนากับบิดาตนเอง
"หลี่ปู้เหว่ย" เป็นพ่อค้า ระดับแนวหน้า และ ผู้กว้างขวางในหลายๆรัฐ ได้พบกับ "พ่อจิ๋นซี" และทราบปูมหลังทั้งหมด จึงคิดแผนการขึ้นมาแล้วไปพบปะตกลงปรึกษากับ"พ่อจิ๋นซี" และได้ตกลงร่วมใน แผนการกัน ซึ่งก่อนที่ จะกำหนดแผนการ นั้น "หลี่ปู้เหว่ย"ก็ได้ปรึกษากับบิดาของตัวเองมาก่อน
บทสนทนา ระหว่าง หลี่ปู้เหว่ย กับ บิดาของจิ๋นซี
** แผนการ ตั้งต้น พ่อของจิ๋นซีคือตัวสินค้ารุกตลาด **
การเจรจา ตกลง เพื่อให้ได้รับ สินค้า แน่นอน(กรณีนี้ ไม่ได้ผลิต แต่เหมือนซื้อสินค้า) คือ หลี่ปู้เหว่ย มอง พ่อของจิ๋นซีเป็นสินค้า
หลีปู้เหว่ย ได้เจรจายืนยัน กับ องค์ชายตัวประกัน ของรัฐจ้าว ซึ่งเป็นบิดา ของจิ๋นซี มีนามว่า อี้เหริน
แผนการ คร่าวๆ เพื่อประกอบการอ่าน
เราจะเห็นว่า *หลี่ปู้เหว่ย* ทุ่มเกือบสุดตัว(แต่สุดตัวในทางธุรกิจ) ใน Project นี้ เพราะหากProjectไม่สำเร็จ ก็ยังมีกิจการเดิมที่ยังหมุนเวียนไปได้
** การดำเนินแผนขั้นต้น **
*ก้าวแรก* โดยการสร้าง คอนเนคชั่น เข้าถึงตัว ผู้สนับสนุน
หลี่ปู้เหว่ย สืบรู้มาว่า แม่เลี้ยงของพ่อจิ๋นซี มีพี่สาว ที่สนิทกันมาก จึงได้เข้าไปพบปะพูดคุยตีสนิทกัน เพื่อ เข้าให้ถึงตัวของ แม่เลี้ยงของพ่อจิ๋นซี เขาจึงได้ ซื้อของมีค่ามากมาย กำนัลแก่พี่สาวของ แม่เลี้ยงพ่อจิ๋นซี นี้ ซึ่งพอนางเห็นของมีค่า จึงเกิด ความชอบใจ ในตัวของ หลี่ปู้เหว่ย แล้วจึงได้นัดหมายหลี่ปู้เหว่ย ไปพบกับ แม่เลี้ยงพ่อจิ๋นซี
*ก้าวที่สอง* โดยการ เข้าพบ ผู้สนับสนุน เพื่อเจรจา ให้เข้าถึง แผนการขั้นต่อไป
หลี่ปู้เหว่ย เตรียมของกำนัลไว้อีก สำหรับการเข้าพบนี้
"ข้าพระองค์ เป็นพ่อค้า ค้าขาย ระหว่างเมืองต่างๆ โดยเฉพาะ เมืองหานตานรัฐจ้าว และได้พบกับ บุตรเลี้ยงของท่าน พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ ข้าพระองค์นำสิ่งของมีค่าทั้งหลายมาถวายแด่พระองค์ด้วยความรัก ความคิดถึง ที่ไม่ได้พบพานพระองค์มา อย่างยาวนานยิ่งนัก"
ซึ่งหลังจากหลี่ปู้เหว่ย กลับไป นางก็เริ่มโปรดปรานลูกเลี้ยงของนางไม่น้อย พี่สาวของนาง จึงกล่าวกับนางว่า เจ้าไม่มีโอรส ถ้าเจ้าแก่ชราแล้ว สามีของเจ้าไม่โปรดปรานเจ้าแล้วจะเป็นอย่างไร ข้าว่าเจ้ารับ อี้เหริน(พ่อจิ๋นซี)เป็น บุตรบุญธรรม ของเจ้า ดีหรือไม่ เขาเป็นคน มารยาทดีงาม รู้จัก ขนบธรรมเนียมประเพณี เช่นนี้ ถ้าเจ้าแก่เฒ่าไปแล้ว ก็จะได้พึ่งพาอาศัยเขาได้
แม่เลี้ยงพ่อจิ๋นซี เห็นจริง ตามคำของพี่สาว นางจึงทูลขอให้ยกอี้เหรินให้เป็นบุตรบุญธรรมของตนจากสามี ซึ่งสามีก็เห็นดีด้วยกับการที่ภรรยาของตนจะรับลูกของตนเป็นบุตรบุญธรรม จึงอนุญาตตามคำขอ และให้ หลี่ปู้เหว่ย นำตราของราชบุตรไปมอบให้กับอี้เหรินที่แคว้นจ้าว
** แผน commitment งานเลี้ยงฉลองตำแหน่ง **
เมื่อ หลี่ปู้เหว่ย นำข่าวมาบอก และ นำตราของราชบุตรมามอบให้กับอี้เหริน นั้น ได้พากันดีใจเป็นอันมาก หลี่ปู้เหว่ยได้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น โดยที่มี วาระซ่อนเร้น ของ แผนการส่วนตัว ของ หลี่ปู้เหว่ย เริ่มต้นขึ้น
นั่นคือ หลี่ปู้เหว่ย ให้ภรรยาน้อยคนสวยและโปรดปรานของตน ซึ่งมีอดีตเป็นนางรำชื่อ จ้าวจี มาปรนนิบัติให้กับอี้เหริน
และเมื่ออี้เหรินเริ่มเมาก็เริ่มมองจ้าวจี ด้วยความเสน่หา และหลงใหลในความงาม และด้วยความเมาของอี้เหรินจึงกล้าเอ่ยปากขอนางจ้าวจีมาเป็นภรรยา ซึ่งหลี่ปู้เหว่ย แกล้งทำโกรธ ในตอนแรกว่า อุตส่าห์ช่วยอี้เหริน ด้วยการยอมลงทุนหมดหน้าตัก เพื่อให้อี้เหรินได้ตำแหน่ง แต่กลับตอบแทนด้วยการ ขอมากขึ้น ถึงกับขอภรรยาน้อย ไม่ไว้หน้ากันเลย ไปๆ มาๆ หลี่ปู้เหว่ยก็ให้อี้เหรินรับปากเลี้ยงดูอย่างจริงจัง แล้วจึงยกให้
ตัวจ้าวจี ในตอนแรกก็อิดออด แต่ หลี่ปู้เหว่ย ก็บอกว่า เป็น ส่วนหนึ่งของแผนการ เมื่อทำสำเร็จ จ้าวจีจะเป็นฮองเฮา หลี่ปู้เหว่ยเป็นมหาอำมาตย์ ก็ย่อมต้องได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก จ้าวจี จึงได้ยอมไปเป็นเมียของอี้เหวิน
หลายคนหลายตำราหลายปากหลายเสียงแต่ไม่มีบันทึกที่ว่าเป็นทางการยืนยัน ว่า ขณะที่ จ้าวจี แต่งออกไปอยู่กับอี้เหริน นั้น นางตั้งครรภ์ได้สองเดือน ซึ่งเด็กในครรภ์เป็นลูกของหลี่ปู้เหว่ย ติดท้องไป ซึ่งก็พยายามหาเหตุผลกัน จากทางราชวงศ์ฮั่น เพื่อจะให้ความผิดตกแก่ราชวงศ์ฉิน ซึ่งราชวงศ์ฮั่น จะได้รับสิทธิอันชอบธรรม ในการครองแผ่นดินจีน สืบต่อจากซึ่งราชวงศ์ฉินที่เป็นผู้รวบรวม และในเหตุอันนี้ก็ยังไม่มีการยืนยัน จากนักประวัติศาสตร์ท่านใดเลย จวบจนเจ้าจีคลอดลูกออกมาเป็นชายและตั้งชื่อให้ว่า **อิ๋งเจิ้ง**
** แผนเริ่มวางตลาด พาอี้เหรินกลับฉิน **
หลังจากนั้น ก็มีการติดต่อกันเนืองๆ ระหว่าง แม่เลี้ยง ของ บิดาจิ๋นซี กับ อี้เหรินบิดาของจิ๋นซี โดยมี *หลี่ปู้เหว่ย* ที่ เดินทางระหว่างเมืองระหว่างรัฐบ่อยๆ เป็นตัวประสานการติดต่อนี้ เพราะเป็น แผนการของหลี่ปู้เหว่ยโดยตรง จึงต้องทำหน้าที่ CRM อีก
สิบปีผ่านไป ก็ให้บังเอิญให้รัฐฉิน รุกรานรัฐจ้าวอีก ผู้ครองรัฐจ้าวจึงหาทางไล่ฆ่า อี้เหริน *หลี่ปู้เหว่ย* จึงยอมเสียเงินติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐจ้าว และจ้างมือดีมาคุ้มครองอี้เหรินกลับฉิน
เมื่อกลับถึงรัฐฉิน หลี่ปู้เหว่ยก็พาอี้เหรินไปพบกับมารดาเลี้ยงและให้อี้เหริน ใส่เสื้อผ้าชาวรัฐฉู่ ตามภูมิลำเนาของแม่เลี้ยง ซึ่งพอแม่เลี้ยงเห็นพอใจว่าลูกเลี้ยง รู้ใจ จึงโปรดปรานมาก อี้เหรินจึงเอาใจแม่เลี้ยงมากขึ้น
ไม่นานหลังจากอี้เหรินกลับรัฐฉิน พ่อของอี้เหรินซึ่งเป็นฉินหวง(ผู้เป็นทวดของจิ๋นซี)ได้สวรรคต อันกวอจิ๋น(ปู่ของจิ๋นซี) ก็ได้ขึ้นครองรัฐฉินแทน
แต่ อันกวอจิ๋น ได้เป็นผู้ครองรัฐเพียงสองวัน ก็ถึงแก่สวรรคต โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น อี้เหริน(พ่อของจิ๋นซี) จึงได้รับการสถาปนาเป็นฉินหวง ผู้ครองรัฐฉิน ต่อจากบิดา สมดังแผนการของ หลี่ปู้เหว่ยและอี้เหริน ที่วางไว้
อี้เหริน(พ่อของจิ๋นซี) จึงได้แต่งตั้งให้ *หลี่ปู้เหว่ย* เป็น สมุหนายก มีอำนาจ การปกครองแคว้นฉิน เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และ ให้มี ศักดินา หนึ่งแสนครัวเรือน กลายเป็นแผนการที่ *หลี่ปู้เหว่ย* ลงทุนในบุคคล สำเร็จลุล่วง
แต่ แผนการของ หลี่ปู้เหว่ย ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น เพราะเป้าหมายของ**หลี่ปู้เหว่ย* มีมากกว่านั้น จึงถือได้ว่า แผนต่อเนื่องของ หลี่ปู้เหว่ย นี้ เป็น Gimmick ที่ทำให้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ** คนที่ลงทุนในบุคคลประสบผลสำเร็จมากที่สุดในโลก **
** Gimmick ของแผนหลี่ปู้เหว่ย คือ การสร้างความมั่นคงของตลาด โดยปั้น จิ๋นซี ให้เป็นหุ่นเชิด **
ถึงแม้ ว่าเราไม่สามารถยืนยันได้ว่า หลี่ปู้เหว่ย เป็น พ่อของจิ๋นซี จริงหรือไม่ แต่ หลี่ปู้เหว่ย นั้น ได้นำตัว อิ๋งเจิ้งมาจากรัฐจ้าว เมื่อแผนการแรกสำเร็จ ซึ่งมี อุปสรรคมากมาย ในการนำตัวอิ๋งเจิ้งกลับรัฐฉิน นี้ แต่ก็สามารถนำกลับมาได้ ทั้งจ้าวจีและอิ๋งเจิ้ง
ซึ่ง หลี่ปู้เหว่ย ก็ได้อบรมขั้นแรกให้กับอิ๋งเจิ้ง เพื่อไปเข้าเฝ้าพระบิดาและสมเด็จย่าเลี้ยง หลังจากนั้น
อิ๋งเจิ้ง ก็ถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในวัง โดยให้ *หลี่ปู้เหว่ย* ซึ่งเป็น สมุหนายก รับอีก หน้าที่หนึ่ง คือ ดูแลอบรมอิ้งเจิ้ง โดยหลี่ปู้เหว่ยได้นำ หลี่ซือ(นายกคู่ใจของจิ๋นซี) มาร่วมในคณะผู้ดูแลอบรมการให้ความรู้กับอิ๋งเจิ้ง ด้วย
รวมทั้งนำขันฑีคู่ใจวัยไล่เลี่ยกับอิ๋งเจิ้ง อย่างเจ้าเกา มาคอยปรนนิบัติดูแลเรื่องส่วนตัว ให้กับอิ๋งเจิ้งด้วย (ซึ่งทั้ง หลี่ซือ และ ขันฑีเจ้าเกา ต่อไปจะเป็นกลจักรสำคัญของจิ๋นซีในการขึ้นสู่อำนาจและเดินแผนต่อๆไปของจิ๋นซี) และ อิ๋งเจิ้งเองก็ฉลาดหัวไวรับวิทยาการต่างๆได้หมด จนได้รับ การสถาปนา เป็น รัชทายาท
อี้เหริน พระบิดาของอิ๋งเจิ้ง ครองรัฐฉินได้ไม่ถึง 3 ปี ก็ถึงแก่ สวรรคตโดยไม่ทราบสาเหตุ
จึงทำให้ อิ๋งเจิ้ง ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นเจ้ารัฐฉินแทนพระบิดาเมื่อพระชนมายุยังน้อยเพียง 13 พรรษาเท่านั้น โดยแต่งตั้งเป็น อ๋องอิ๋งเจิ้ง และมี หลี่ปู้เหว่ย เป็นผู้สำเร็จราชการแทน
จะเห็นได้ว่า *หลี่ปู้เหว่ย* นั้น วางแผนเป็น ผู้สำเร็จราชการ ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นเจ้าครองรัฐเอง โดยไม่มีเชื้อพระวงค์ เลย จึงถือได้ว่าแผนของ หลี่ปู้เหว่ย นั้น ประสบผลสำเร็จดีที่สุดในโลกในการลงทุนในบุคคล
ซึ่งเราจะเห็นว่า รัฐฉิน นั้น ภายในระยะเวลา 3 ปี มี อ๋องผู้ปกครองรัฐถึง 3 คน คือ
1 ปู่ของจิ๋นซีเป็นอ๋องได้เพียงสองวัน
2 พ่อของจิ๋นซีเป็นอ๋องได้ไม่ถึง 3 ปี
3 จิ๋นซี
มีผู้ตั้งข้อสงสัยในการสวรรคตของอ๋องทั้งสองก่อนหน้าอ๋องอิ๋งเจิ้งว่า เป็นการตายที่ไม่ปกติ แต่ก็ไม่มีผู้ใดยืนหาหลักฐานได้
แต่ หลี่ปู้เหว่ย ก็ไม่ได้วางแผนต่อเนื่องจากนั้น เพราะ เมื่ออ๋องอิ๋งเจิ้งเริ่มโตขึ้น มีความรู้มากขึ้น ก็ไปถกเถียงในสภา จนชนะ
และได้เริ่ม โปรเจคท์แรกของตัวเอง คือ การดึงน้ำจากแม่น้ำอื่นเข้าสู่แผ่นดินฉิน ในพื้นที่ แห้งแล้ง เพื่อขยายพื้นที่การกสิกรรม ของรัฐฉิน(การชลประทานเพื่อการเกษตร)เพื่อสร้างความมั่นคงและสินทรัพย์ของรัฐฉิน
สิ่งที่จิ๋นซีสร้าง เครดิตภาพ https://news.thaipbs.or.th/content/284222 https://www.facebook.com/warofhistory/photos/a.424714767593655/1115395861858872/?type=1&theater https://china108.wordpress.com/2015/10/01/กำแพงเมืองจีน-ผลงานที่อ/ http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=35&chap=5&page=t35-5-infodetail03.html https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=xiaozhao23&group=17&month=17-07-2014&gblog=14 https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=xiaozhao23&group=17&month=17-07-2014&gblog=15
นี่เป็นสาเหตุที่ อ๋องอิ๋งเจิ้ง เมามันในการทำโปรเจคท์ของตนเองและต้องการทำ โปรเจคท์อื่นๆ จากการที่ได้เรียนรู้มา ซึ่ง อ๋องอิ๋งเจิ้ง ก็ชนะทางสภามาเรื่อยๆ แต่ หลี่ปู้เหว่ย ก็ไม่ได้ว่ากระไร ไม่วางแผนป้องกันตัวเอง ครั้น อ๋องอิ้งเจิ้งอายุบรรลุนิติภาวะ ก็ได้รับกองกำลังทหารมาอยู่ในอาณัติอีก ทางสภาก็หาผู้ใดถกกับจิ๋นซีได้อยู่แล้ว
และเมื่อได้รับ กองกำลังทหาร จึงทำให้จิ๋นซีมองถึงการรวมรัฐทั้ง 7 ของประเทศจีน แต่ช่วงนั้น มีกบฏภายในเกิดขึ้น เมื่อจิ๋นซีได้รับกำลังทหาร เรียกว่า กบฎเล่าไอ่ ซึ่งเล่าไอ่ นี้ คือ ขันฑี คนหนึ่งซึ่งถูกตอนไม่หมด ได้ทำการลักลอบได้เสียกับ จ้าวจี พระมารดาของจิ๋นซี(ปมในจิตใต้สำนึกอย่างหนึ่งของจิ๋นซีที่ไม่แต่งตั้งฮองเฮา subconscious mind)
ทำให้ จิ๋นซี ต้องจัดการเรื่องภายใน 2 เรื่อง คือ เรื่องของเล่าไอ่ กับ หลี่ปู้เหว่ย ก่อนที่จะทำการรวมรัฐและสถาปนาตัวเองเป็น ฉินสื่อหวงตี้(จิ๋นซีฮ่องเต้) ซึ่งก็จัดการได้ทั้งสองเรื่อง คือ ประหารเล่าไอ่ และ พระราชทานยาพิษให้กับหลี่ปู้เหว่ย ดื่ม
เราจะเห็นได้ว่า หลี่ปู้เหว่ย นั้น วางแผนมาได้ดี มาตายเอาตอนจบ ซึ่งแผนภายหลังจาก จิ๋นซีเติบโตมานั้น หลี่ปู้เหว่ย ก็ไม่ได้วางแผนอะไรอีก ทั้งๆที่วางแผนได้ป้องกันตัวเองมาตลอด
ในความเห็นของผู้เขียน เห็นว่า จิ๋นซี คงจะเป็นบุตรของ หลี่ปู้เหว่ย จริงๆ เพราะ หลี่ปู้เหว่ย มักจะยอมอ่อนข้อให้จิ๋นซีตลอด ยอมให้ จิ๋นซีทำโปรเจคท์แม่น้ำ ยอมให้จิ๋นซีประชุมสภา หลังจาก ให้ความรู้ และอบรมมาตลอด ยอมให้จิ๋นซีได้อำนาจทางทหาร จวบจน ยอมเนรเทศตัวเองไปอยู่ชายแดน จวบจนจิ๋นซี ส่งยาพิษไปให้ดื่ม ก็ดื่ม
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า จาก การเซตแผน ของ หลี่ปู้เหว่ย ที่ต่อสู้มาจนได้เป็นใหญ่นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลี่ปู้เหว่ย ยังสามารถทำได้ อุปสรรคนานัปการหลี่ปู้เหว่ยยังพาผ่านมาจนสำเร็จ ดูๆ แล้ว หลี่ปู้เหว่ยไม่ใช่คนเลินเล่อจนไม่นึกถึงข้อนี้ หาก จิ๋นซี ไม่ใช่บุตรชาย
เป็นสิ่งที่ทำให้คิด ไปว่า จิ๋นซี เป็นบุตรของ หลี่ปู้เหว่ย จริง ๆ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น จริง แผนของหลี่ปู้เหว่ย(ยุคนั้นมีแต่คนอยากเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินคนแรก เป็นแนวคิดที่ป๊อปปูลาร์ มาก) ประสบผลสำเร็จ มากกว่า แค่สร้างคน แต่สร้างจักรวรรดิที่ยืนยงมาสองพันกว่าปีได้ โดยรวบรวมแผ่นดินได้ในเจนเนอเรชั่นที่สองเท่านั้น จากรุ่นพ่อมารุ่นลูก
แต่ ถ้าหากจิ๋นซีไม่ใช่บุตรของ หลี่ปู้เหว่ย จริง เขาก็เป็นแค่เพียง นักลงทุนในบุคคลที่ประสบผลสำเร็จดีที่สุดในโลกเท่านั้น มองเห็นเฉพาะแผนที่จะทำให้ตัวเองเป็นใหญ่
ซึ่ง คำพูดของ หลี่ปู้เหว่ย ที่โด่งดังนั้น นำมาใช้กันทั้งโลก หลายยุคหลายสมัยจวบจนปัจจุบัน **เป็นรองแค่คนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนทั้งปวง **
สำหรับเรื่องของ จิ๋นซี ผู้โหดเหี้ยม แต่ สร้าง สิ่งที่ไม่มีผู้ใดทำมาก่อนหลายอย่างในเจนเนอเรชั่นเดียว ผู้เขียน จะเขียนเป็นบทความง่ายๆ ให้อ่านกันอีกในต่อๆไป ในระยะเวลาไม่นานนี้
จิ๋นซี เครดิตภาพ http://worldcivil14.blogspot.com/2015/11/blog-post_86.html
โฆษณา