15 มิ.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ฟรีคิกไม่มีวันตาย ]
จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน รีไทร์จากอาชีพนักเตะในวัย 39 ปี ตัวเลขนี้ยืนยันได้ถึงการดูแลสภาพร่างกายอย่างดีเยี่ยม
แต่ตัวเลขที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ ตลอดการค้าแข้งคือจำนวนประตูที่เกิดจากการยิงฟรีคิก
มีการบันทึกไว้ทั้งสิ้น 76 ประตู เป็นสถิติที่มากกว่าใครทั้งหมด
เทรดมาร์คหรือเครื่องหมายการค้าของ จูนินโญ่ คือฟรีคิกอย่างแท้จริง โดยที่หลายคนแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสไตล์การเล่นของเขาเป็นอย่างไร ไม่อาจวิจารณ์ได้ เพราะมัวแต่นึกถึงการตะบันฟรีคิกอันหนักหน่วงดุดัน สร้างความอกสั่นขวัญกระเจิงให้กับผู้รักษาประตูทุกคน
ลักษณะการเดินทางของบอลที่ออกจากเท้า จูนินโญ่ นั้นไม่ได้โค้งเกิดจากการปั่นเหมือนรายอื่นๆ แต่มันพุ่งแรงแหกว่ายอากาศพร้อมส่ายไปมา ซึ่งยากเหลือเกินต่อการป้องกัน
ในวงการเรียกลูกฟรีคิกอย่างนี้ว่า knuckleball (เคยเป็นชื่อภาพยนตร์ด้วย) คือการวางเท้าเข้าข้อแล้วหวดเข้าที่ตรงกลางลูกบอล แล้วรีบชักเท้าดึงให้เร็วที่สุด เหมาะกับระยะไกลๆ 30 หลาขึ้นไป จะได้ผลดีมาก
หลายคนคิดว่า จูนินโญ่ เป็นเจ้าตำรับ แต่จริงๆไม่ใช่ เขาเองก็ลอกเลียนแบบมาจาก มาร์เซลินโญ่ อดีตกองกลางตัวรุกผู้มีความสูงเพียงแค่ 167 เซนติเมตร
ดาวเตะคนนี้พเนจรย้ายไปหลายสโมสร ไล่ตั้งแต่ในบราซิลบ้านเกิด ไปเล่นกับบาเลนเซียในสเปน จากนั้นมุ่งสู่เจลีกของญี่ปุ่น ตามด้วยลีกซาอุดิอาระเบีย รวมถึงอฌักซิโอในฝรั่งเศส
แต่ส่วนใหญ่จดจำกันได้ในสีเสื้อของโครินเธียนส์ ซึ่งเล่นอยู่ที่นี่ 3 ช่วงด้วยกัน เพราะมันเป็นการสร้างชื่อ "Pe-de-Anjo" หรือ Angel Foot มาประดับวงการ
เราอาจเรียกเขาว่า "เท้าเทวดา" ลูกยิงฟรีคิกของเขาแทบจะหวังผลได้เลย แทบไม่มีใครจำลีลาในฐานะเพลย์เมคเกอร์ได้สักคน ทั้งที่มันคือตำแหน่งที่ถนัด
จูนินโญ่ เปรียบเปรยให้เห็นภาพลูกยิงฟรีคิกของ มาร์เซลินโญ่ ว่า "เต้นระบำอยู่ในอากาศ" กลายเป็นแรงบันดาลใจในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ยังมี ดีดี้ แข้งระดับตำนานของบราซิล ที่เคยคว้าแชมป์โลกในปี 1958 และ 1962 อีกรายที่เป็นเหมือนอาจารย์ของ จูนินโญ่
จริงๆจุดเริ่มต้นของ จูนินโญ่ คือสตรีทฟุตบอล เหมือนเด็กบราซิเลี่ยนทั่วไป จากนั้นเปลี่ยนไปเล่นฟุตซอล แต่ไม่โดดเด่นอะไรนัก
เขาไม่ใช่เป็นคนยิงฟรีคิกประจำทีมหรือซัดประตูได้อย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางยังไม่ได้เอื้ออะไรมากนัก เพียงแต่สนใจเรื่องยิงฟรีคิก จนพยายามศึกษาและทดลองอยู่เสมอ
"มันไม่ได้เกิดจากพรสวรรค์เลย แต่มันเกิดจากการฝึกฝนมาตลอด ผมยืนยันเรื่องนี้ได้"
"ช่วงที่พัฒนาถึงขีดสุดน่าจะเป็นตอนผมไปค้าแข้งในฝรั่งเศส เคล็ดลับบางอย่างถูกค้นพบ แล้วผมนำปรับมาใช้เป็นรูปแบบของตัวเอง"
"ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเทคนิคเฉพาะตัว คุณต้องพยายามทำให้ได้ แล้วพอมากเข้าจนเกิดความเคยชิน มันจะเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นมากๆหากทีมได้ฟรีคิก แล้วคุณยืนรอที่จะยิง"
มันคือสวรรค์ของ จูนินโญ่ แต่ในทางกลับกันคือฝันร้ายของผู้รักษาประตูทุกคนที่ต้องเผชิญหน้าด้วย
ว่ากันว่า จูนินโญ่ คือนักเตะที่ยิงฟรีคิกอันตรายที่สุดเท่าที่โลกฟุตบอลถือกำเนิดขึ้นมา
เราอาจจำลูกฟรีคิกที่เรียกว่า "banana freekick" หรือลูกยิงกล้วยหอมอันลือลั่นของ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ซึ่งเกิดขึ้นในศึกตูร์กนัวส์ เดอ ฟร้องซ์ ในปี 1997 ได้แม่นยำ
แบ็กซ้ายตีนระเบิดกดไซด์ก้อยด้วยซ้าย บอลเลี้ยวโค้งหลบกำแพงนักเตะฝรั่งเศส ก่อนจะเบียดเสาเข้าประตูไปอย่างหมดจด ฟาเบียน บาร์กเตซ ได้แต่ใช้สายตาป้องกัน
มันคือฟรีคิกที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ แต่ต้องยอมรับว่าไม่บ่อยนักที่ คาร์ลอส จะยิงอย่างนี้ได้
แต่ฟรีคิกที่ลูกบอลพุ่งไปข้างหน้าแล้วส่ายเหมือนเต้นรำนั้น จูนินโญ่ ทำได้บ่อยๆ จนรู้สึกว่าง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
อย่างไรก็ตามมันยากมากๆ หากคุณไม่รู้ทริกหรือวิธีการยิงมาก่อน อีกทั้งยังต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก
จูนินโญ่ ซุ่มซ้อมเรื่อยมาตลอด ตั้งแต่เล่นอยู่กับวาสโก ดา กาม่า จากนั้นเมื่อได้รับข้อเสนอจากลียงในปี 2001 ก็ไม่รีรอที่จะย้ายมาทันที
นอกจากตัวเขาที่เป็นบราซิเลี่ยนแล้ว ยังมี เอ็ดมิลสัน และ ซอนนี่ อันแดร์สัน 2 แข้งดีกรีทีมชาติที่ค้าแข้งอยู่ก่อน จึงมีคนคอยช่วยเหลือ ไม่ต้องวุ่นวายกับการปรับตัวมากนัก
ทุกครั้งที่เสร็จจากการซ้อมคอร์สตามปกติ จูนินโญ่ จะยังไม่กลับเข้าล็อกเกอร์รูม อาบน้ำอาบท่าเหมือนคนอื่นๆ
แต่เขาจะเอาลูกฟุตบอลนับสิบมาวางตั้งตรงระยะ 30-35 หลา จากนั้นก็ยิงในแบบฉบับตัวเอง
ตอนแรกๆไม่มีใครสนใจเท่าไรนัก แต่พอเพื่อนร่วมทีมหลายคนเริ่มสังเกตเห็นลูกฟรีคิกพิสดารล้ำลึกเช่นนี้ย่อมฮือฮาไปตามๆกัน
ไม่ใช่แม่นฉมังเฉพาะช่วงซ้อมเท่านั้น แต่พอลงสนามจริงแล้วทีมได้ฟรีคิกระยะหวังผล จูนินโญ่ ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน
ซีซั่นแรกที่ย้ายมา เขาคือหนึ่งในฟันเฟืองชิ้นสำคัญนำแชมป์ลีกเอิงมาสู่ทีม นอกจากแนวทางเกมรุกที่ดุดันอันตราย เดินหน้าบุกแหลกไม่ให้ฝั่งตรงข้ามหายใจหายคอแล้ว อีกหนึ่งอาวุธเด็ดคือฟรีคิกนั่นแหล่ะ
ช่วงต้นศตวรรษ 21 ลียงประกาศความยิ่งใหญ่คับประเทศ กวาดลีกเอิง 7 สมัยรวดติดต่อกัน แถมเป็นดับเบิ้ลแชมป์อีก 5 ครั้ง
ตั้งแต่ฤดูกาล 2001-09 จูนินโญ่ ระเบิดตาข่ายให้ทีมในทุกรายการกว่า 100 ประตู เกือบครึ่งถูกบันทึกว่ามาจากฟรีคิก นี่คือสิ่งที่การันตีได้เป็นอย่างดี
เรมี แวร์กกูร์ต อดีตผู้รักษาประตูลียง ซึ่งเคยร่วมงานกันและผ่านลูกฟรีคิกในตอนซ้อมมานับพัน บอกได้แต่เพียงว่าโชคดีขนาดไหนที่ไม่ได้ยืนฝั่งตรงข้าม จูนินโญ่
การซ้อมฟรีคิกหนึ่งแซสชั่นของ จูนินโญ่ จะตกราว 40 ครั้ง บอลพุ่งตรงกรอบเกือบทั้งหมดและเช่นเดียวกันมันเป็นประตู
อีเคร์ กาซียาส , บิคตอร์ บัลเดส หรือ โอลิเวอร์ คาห์น ผู้รักษาประตูบิ๊กเนมในช่วงนั้นต่างได้ลิ้มรสฟรีคิกบรรลัยกัลป์ทั้งสิ้น
เจ้าพ่อฟรีคิกอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ยังยอมรับนับถือเลยว่า knuckleball ของ จูนินโญ่ ทรงพลังมากๆและยากสำหรับการป้องกัน การจะยิงได้เช่นนี้บ่อยๆ ต้องหาจุดที่แน่นอนให้ รวมถึงฝึกซ้อมอยู่เสมอ
ในเมื่อ จูนินโญ่ ได้แรงบันดาลใจจาก ดีดี้ และ มาร์เซลินโญ่ นักเตะรุ่นหลังที่เติบโตมา ก็ย่อมมีเขาเป็นไอดอลเช่นเดียวกัน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ แกเร็ธ เบล คือสองตัวอย่างที่พอจะเห็นภาพใกล้เคียงสุด ตะบันด้วยหลังเท้าเข้าตรงกลางลูกบอล จากนั้นจะแหวกอากาศส่ายไปมา ต่อให้ผู้รักษาประตูมองเห็นหรือมาแบบตรงตัวก็ไม่ง่ายเลยที่จะเซฟไว้ได้
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพทั้งคู่ยังห่างไกลจาก จูนินโญ่ พอสมควร ไม่บ่อยนักที่จะตุงตาข่าย แม้ โรนัลโด้ จะฝึกฝนอย่างหนักตามแบบฉบับตัวเองก็ตาม
นอกจากนี้ยังมี มาร์คัส แรชฟอร์ด อีกคนที่โปรดปรานส่องฟรีคิกเช่นนี้ หลายครั้งเราเห็นบอลพุ่งเหินข้ามคานไปไกลมาก สะท้อนถึงความยากอย่างแท้จริง
ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าการมุ่งมั่นซ้อมอย่างบ้าเลือด จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ ตัวแปรสำคัญสุดคือต้องรู้จัก "วิธีการ"
นักเตะหลายคนพยายามศึกษาจาก จูนินโญ่ ซึ่งวิ่งแบบเส้นตรงไปหาลูกฟุตบอล หวดเข้าตรงกลางของลูก แต่มันต้องมีเคล็ดลับมากกว่านั้นอีก
เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกใครอย่างละเอียด ในเมื่อคิดค้นศึกษามาด้วยตัวเอง คนอื่นก็ควรจะให้ความพยายามหาสูตรเช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่าไม่มีอะไรที่ตายตัวเลย
ขึ้นอยู่กับการปรับมาใช้ รวมถึงมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวบ่งชี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักของลูกฟุตบอล คุณภาพของสตั๊ดและพัฒนาข้อเท้าให้แข็งแกร่ง เพื่อใส่น้ำหนักได้อย่างเต็มที่
"มันเหมือนกับการตามหาตัวตนที่แท้จริงของคุณนั่นแหล่ะ ถึงที่สุดแล้วผู้คนจะจดจำผมในเรื่องการยิงฟรีคิก มากกว่าจำได้ว่าผมเล่นในตำแหน่งกองกลาง" จูนินโญ่ เปรียบให้เห็นภาพ ซึ่งแม้จะฟังดูขบขันแต่มันคือความจริง
ปัจจุบันเขาหวนกลับมาลียง นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา ทุกคนที่เจอหน้าก็ยังพูดถึงฟรีคิกเช่นเคย แม้มันจะผ่านมานานนับสิบปีแล้วก็ตาม
เพราะฟรีคิกในแบบฉบับของ จูนินโญ่ จะไม่มีวันตายเด็ดขาด
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #มาดริดหรือดอร์ทมุนด์ ? ] : อย่าเพิ่งตัดสินใจขีดเส้นใต้ชื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ว่าเป็นแบ็กขวาอายุน้อยที่ดีสุดในโลกชั่วโมงนี้ เพราะเรายังมี ฮาคิม ฮาคิมี่ ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์อีกราย ที่อายุเท่ากันแทบจะพอดี แถมยิงประตูกับแอสซิสต์อย่างถล่มทลาย แล้วต้นสังกัดจริงของ ฮาคิมี่ คือเรอัล มาดริดอีก สัญญายืมตัว 2 ปีจะหมดลงในซีซั่นนี้ เรื่องนี้จึงน่าสนใจยิ่งนัก
[ #แมวโดนย้อมที่ชื่อ "เบเบ้" ] : ปี 2010 แฟนแมนฯยูไนเต็ดแทบทั้งโลกต่างงุนงงสงสัยไปตามๆกันว่าทำไม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงซื้อนักเตะโฮมเลสคนหนึ่งเข้ามาด้วยค่าตัว 7.4 ล้านปอนด์แน่นอนว่ามันไม่มีปาฏิหาริย์เหมือนเคส คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่บทความนี้จะพาเราเจาะลึกไปดูเบื้องหลังการมาของ เบเบ้ กัน
[ #คดีชุลมุนที่เยอรมัน ] : ดราม่าของ ฟิลิป โรลเลอร์ กัปตันทีมราชบุรี เอฟซีและมีดีกรีทีมชาติไทยที่เกิดในเยอรมัน ถูกจับตามองไม่น้อย เพราะหลังถูกกล่าวหาผ่านทางเฟสบุก เขาได้ออกมาตอบโต้ทันที เราอาจจะยังไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายผิดและต้องชดใช้ แต่ที่แน่ๆลองไปลำดับความกันก่อนดีกว่า
[ #ต่อให้โลกแตกก็ไม่เปลี่ยน ] : หลายครั้งที่เราได้รับรู้ถึงพฤติกรรมแย่ๆของ มาริโอ บาโลเตลลี่ แต่ทุกครั้งที่ผ่านมา ยังมีคนเชื่อว่าสักวันเขาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้วันนี้เรายังจะเชื่อกันอีกหรือเปล่าว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงจริงๆ? ไปลองอ่านบทความนี้กันดู
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา