17 มิ.ย. 2020 เวลา 04:40 • ท่องเที่ยว
วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี
จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพมหานคร และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติ ชุมชนใกล้ชิดกับพรมแดนพม่าที่มีวิถีชีวิตที่ยึดติดกับพลังความเชื่อทางจิตวิญญาณและศาสนาอย่างเหนียวแน่น มีโบราณสถาน วัดวาอารามที่สวยงามมากมาน
วันนี้จะขอพาชมวัดที่สวยงามมากแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่บนเนินเขาใน ต.ท่าม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี .. เราสามารถมองเห็นความโดดเด่นสวยงามของวัดแห่งนี้จากด้านหนึ่งของทุ่งนา ตั้งแต่ยังไม่เหยียบย่างเข้าไปในบริเวณวัด
เมื่อมองมาจากทุ่งนาข้างถนน วัดและศาสนสถานของวัดถ้ำเสือ เรียงเป็นแนวบนเนินเขา มีความงดงาม โดดเด่น สะดุดตามากมาย เมื่อมองจากร้านอาหาร และร้านกาแฟเก๋ๆเรียงราย และมีจุดขายคือวิวสวยๆของวัดนั่นเอง
เราเดินทางต่อ มุงหน้าเข้าไปยังบริเวณวัด .. สิ่งแรกที่สะดุดสายตาของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมวัด คือความกว้างขวางของพื้นที่วัด
ชั้นแรก ดูเหมือนจะเป็นที่ชุมนุมของผู้คนที่มาทำบุญ มาสวดมนต์ … มองดูคล้ายๆกับศาลาการเปรียญของวัดอื่นๆ เป็นสถานที่ตั้งของโลงแก้วบรรจุร่างของพระสงฆ์ คือหลวงพ่อชื่น ผู้ก่อตั้งวัด
ถ้ำเสือ เป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในถ้ำประดิษฐานพระประจำวันเกิดและจำหน่ายวัตถุมงคล
ผู้คนหลั่งไหลมาที่วัดถ้ำเสือ ด้วยวัตถุประสงค์พิเศษอย่างหนึ่ง คือ การมาไหว้หลวงพ่อชินประทานพร ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสวยงาม และพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท
เนื่องจากวัดถ้ำเสือนั้นตั้งอยู่บนเขา การที่จะขึ้นไปสักการะ และชมความงดงามของศาสนสถานด้านบนสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน … สำหรับใครที่อยากทดสอบความฟิตของร่างกาย ก็สามารถเดินขึ้นบันไดนาค จำนวน 158 ขั้นได้เลย
ส่วนเด็ก หรือผู้สูงอายุ หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพ ขอแนะนำให้นั่งรถรางไฟฟ้า โดยมีค่าบริการไป-กลับ คนละ 10 บาท เมื่อไปถึงข้างบนแล้วคุ้มค่าเหนื่อย และคุ้มค่าที่อาจจะต้องรอคิวรถรางไฟฟ้าแน่นอน
ลานด้านบนมีที่นั่งพัก ให้รื่นรมย์กับความสดชื่นของลมที่พัดเย็น เมื่อส่งสายตามองออกไปไกล จะเห็นวิวทุ่งนาเขียวขจี ในช่วงหน้าฝน
หลวงพ่อชินประทานพร เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรประดับด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี .. องค์พระมีความสูง 9 วา 9 นิ้ว หน้าตักกว้าง 5 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สีทองอร่าม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2516
พระพุทธรูปองค์นี้ มีพุทธลักษณะที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง … อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ ปางประทานพร พระหัตถ์ขวายกขึ้นระดับพระอุระ ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งจรดกัน กลางฝ่ามือมีดอกไม้ พระหัตถ์ซ้ายหงายมือวางบนพระเพลา (ตัก) ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งจรดกัน กลางฝ่ามือมีรูปวงล้อธรรมจักร
รอบองค์พระมีเรือนแก้วครอบลักษณะเดียวกับพระพุทธชินราช องค์พระประดับกระเบื้องสีทอง สุกอร่าม รอบนอกมีซุ้มครอบองค์พระทั้งองค์ไว้อีกชั้นหนึ่ง นับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ทุกๆวัน .. บริเวณนี้มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธาเลื่อมใสที่เดินทางมาสักการะขอพรจำนวนมาก สามารถบูชาธูปเทียนมากราบไหว้หรือใครจะทำบุญก็เชิญได้ตามกำลังศรัทธา
ทางขวามือขององค์พระเข้าพระอุโบสถอัฏมุขจะมีฆ้องใหญ่ หากเราใช้ 2 มือวนฆ้องแล้วเสียงดัง ตามความเชื่อจะได้โชคลาภ ในอุโบสถ์สามารถทำบุญถวายสังฆทานได้
นอกจากนี้ ยังวิหารต่างๆให้เข้าไปสักการะพระพุทธรูปและชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังภายใน
“พระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท” ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายขององค์พระ เป็นเจดีย์สีอิฐทรงแปดเหลี่ยม สีส้ม สูง 69 เมตร กว้าง 29 เมตร สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ
ด้านในองค์เจดีย์แบ่งเป็นชั้นต่าง ๆ มีทั้งหมด 9 ชั้น ตรงกลางมีบันไดเวียนสามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด
แต่ละชั้นจะประดิษฐานสิ่งต่างๆ .. บางชั้นเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป บางชั้นมีจิตกรรมฝาผนังเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ รวมถึงภาพวาดพระมหากษัตริย์ของไทย
ชั้นบนสุดของพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากประเทศ อินเดีย
ทิวทัศน์จากช่องหน้าต่างของพระเจดีย์ซึ่งมีอยู่รอบทิศในหลายชั้น เมื่อมองลงมาจะมีมุมที่เห็นองค์พระใหญ่ ด้านซ้ายขององค์พระเป็นวิหาร ส่วนด้านขวาเป็นพระอุโบสถอัฏมุข
จากจุดชมวิวในมุมสูง … สามารถมองเห็นบรรยากาศที่สวยงามของวัดที่รายล้อมไปด้วยเนินเขามากมาย และมีลำน้ำแม่กลองทอดยาวผ่านด้านหน้าวัด
รวมถึงมุมมองจากด้านบนมายังวัดถ้ำเขาน้อย ซึ่งอยู่ติดกัน
รอยพระพุทธบาทซ้าย ซึ่งมีน้ำซึมตลอดเวลา เชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
โฆษณา