28 มิ.ย. 2020 เวลา 07:17 • ไลฟ์สไตล์
“หนูติดโรคหรือเปล่าคะ”...
บางครั้ง เราก็เลือกหยุดที่จะถามต่อ...
ความเงียบอาจจะเป็นสิ่งที่เรากำลังให้เกียรติคนๆนั้นอยู่...
เค้าโครงเรื่องจริงจากการตรวจวันนี้
เช้าวันหยุดของผู้อ่านหลายๆท่าน แต่เป็นวันทำงานที่หนักอีกหนึ่งวันของผู้เขียน ในขณะที่นั่งตรวจคนไข้ไปได้ประมาณ 10 กว่าคน ก็ถึงคิวคนไข้รายนี้ที่มาตามนัดซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักอยู่เดิม เธอเป็นรุ่นน้องผมครับ
ผมกล่าวทักทายสวัสดีตามเคย ถามว่าอาการเวียนศีรษะเป็นอย่างไรบ้าง กินยาแล้วดีขึ้นหรือเปล่า มีอะไรอยากถามเพิ่มเติมมั้ย...เป็นบทสทนาที่เรียบง่าย เพื่อให้คนไข้รายนี้รู้สึกสบายเวลามาหาผม
แต่ครั้งนี้เธอบอกว่า จะขอตรวจการติดเชื้อ HIV...พร้อมกับใบเซ็นยินยอมการตรวจเรียบร้อยแนบมา
ผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมอยู่ดีๆถึงขอตรวจ เพราะที่นัดมาดูอาการครั้งนี้ ไม่มีแผนการที่จะตรวจเลือดใดๆ
ผมเหลือบเห็นใบหน้าส่วนที่ไม่มีหน้ากากปิด เป็นรอยคล้ำๆแดงๆอะไรสักอย่าง เธอจึงบอกว่า เธอโดนทำร้ายร่างกายมาจากแฟนเก่า แฟนเก่าของเธอยังคงมาวุ่นวายกับเธอและเธอได้แจ้งความแล้ว
ผมจึงถามต่อว่าแล้วทำไมถึงอยากตรวจเลือดอันนี้ ไม่ได้ป้องกันหรอตอนเจอกันล่าสุด
เธอบอกสั้นๆแค่ว่า เธอโดนขืนใจ...
สิ้นสุดคำตอบนี้ รู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหยุดนิ่ง เวลาเหมือนหยุดเดิน มือที่กำลังเขียนนั้นนิ่งลง ไม่มีคำถามอะไรจะถามมากกว่านี้ แม้ว่าเธอจะแสดงออกถึงความปกติ ไม่ร้องไห้ ไม่มีเสียงสั่นเครือ แต่ในใจลึกๆแล้วคงเจ็บปวดมาก
ผมจึงให้เธอไปเจาะเลือดตรวจและหวังว่าผลจะออกมาเป็นลบ...ช่วงเวลาที่เธอรอผลคงนานแสนนาน คงลุ้นและหวาดกลัวอยู่ลึกๆเป็นแน่
ผลตรวจออกมาเป็น "ลบ"...เธอรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีทันใด เพราะถ้าผลออกมาเป็นอีกอย่าง ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะถามอะไรต่อดี...ผมจะเริ่มพูดอะไรต่อจากนี้ดี...
บางครั้งความเงียบอาจจะเป็นคำถามและคำตอบที่ดีของมันแม้ว่าบางครั้งเราจะถูกฝึกมาให้เข้าอกเข้าใจจากการถาม แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะถามต่อได้
ความเงียบอาจจะเป็นสิ่งที่เรากำลังสื่อถึงความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นอยู่และเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายก็เป็นได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา