30 มิ.ย. 2020 เวลา 22:50 • ท่องเที่ยว
Road Trip Norway 2019 (29) : The Atlantic Ocean Road .. ปลายทางแห่งฝันของสุดยอดถนนแห่งศตวรรษ
เส้นทางสายแอตแลนติก เป็นเส้นทางเลียบชายฝั่งที่สวยงาม มีความยาวราว 8.3 กิโลเมตร (5.2 ไมล์) เชื่อมชุมชนชายฝั่ง จากเมืองคริสเตียนซุนด์ ไปยังเกาะโมลเด ใช้เวลาสร้างราว 6 ปี ด้วยงบประมาณ 122 ล้านนอร์เวย์โครน
ทางสายนี้เดิมจะสร้างเป็นทางรถไฟในตอนต้นศตวรรษที่ 20 แต่ถูกยกเลิก … เริ่มสร้างเป็นถนนเมื่อ 1 สิงหาคม 1983 ในระหว่างการก่อสร้างได้ถูกพายุถล่มถึง 12 ลูก แต่ก็สามารถสร้างจนเสร็จ และเปิดใช้งานเมื่อ 7 กรกฎาคม 1989 เชื่อมเมือง Eide กับเมือง Averoy ..
ทางสายนี้ถือว่าเป็น 1 ใน 18 ของ National Tourist Route
ถนนสายนี้ ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร The Guardian ของอังกฤษให้เป็น The best road trip in the world เป็นหนึ่งในถนนที่สวยงามที่สุดของโลก … โดยถนนเส้นนี้ประกอบไปด้วยสะพาน 8 แห่งที่เชื่อมเกาะแก่งต่างๆ
สะพาน 1ใน 8 แห่งลักษณะที่แปลกกว่าสะพานอื่นๆ คือ คือ มีโค้งสะพานที่สูง นัยว่าเพื่อหนีการปะทะจากคลื่นที่ซัดสาดในวันที่คลื่นลมแรง นับว่าเป็นสุดยอดทางวิศวกรรมของฝีมือมนุษย์ที่น่าทึ่งมากๆ
สะพานอื่นๆ จะไม่สูงมากนัก … ความน่ากลัวจึงจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีพายุฝนฟ้ากระหน่ำ เนื่องจากถนนเหล่านี้จะเป็นแค่เพียงสะพานต่ำๆเท่านั้น
… หากแต่นักท่องเที่ยวที่รักที่จะให้ต่อมอะดรีนาลีนทำงานสูงสุดด้วยความเสียว จะเลือกเดินทางไปยังถนน Atlantic Ocean Road ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพื่อที่จะได้สัมผัสกับพายุที่โหมกระหน่ำถนนอย่างดุเดือด ดูน่าหวาดเสียว ซึ่งในบางครั้งอาจจะเจอพายุเฮอริเคนก็ได้
ถนนสายนี้ถูกจัดให้เป็น National Tourist Route มรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย และด้วยความงดงามของเส้นทาง จึงทำให้มีบริษัทภาพยนตร์ดังๆของฮอลลีวู้ดใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ นอกจากนี้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกเกือบทุกบริษัท ก็ยังใช้ถนนสาย Atlantic ในการถ่ายโฆษณารถยนต์ของตนเองมาแล้วทั้งนั้น
การได้มาเห็นและนั่งรถผ่านถนนสายสำคัญนี้ จึงเป็นความปรารถนาของนักเดินทางทั่วโลก รวมทั้งพวกเราด้วย
กดชัตเตอร์เก็บภาพมามากมาย ด้วยเป็นสะพานที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยเดินทางผ่าน
ทิวทัศน์สวยมากๆ
ถนนสายนี้มาสิ้นสุดที่เมือง Kristiansund เราจึงแวะชมเมืองนี้กันค่ะ
Kristiansund เป็นเมืองท่าแห่งการท่องเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
มีชายฝั่ง อ่าวธรรมชาติที่งดงาม และมีหมู่เกาะขนาดเล็กจำนวนมาก โดยย่านสำคัญต่างๆของเมืองนั้นตั้งอยู่บนเกาะหลักๆจำนวน 4 เกาะ ที่ถูกเชื่อมต่อด้วยเข้าหากันด้วยถนน สะพาน รวมไปถึงการใช้เรือสัญจร เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาคด้วย
ชมท่าเรือ Sundbaten หนึ่งในท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ความงดงามของบรรยากาศริมน้ำที่มีบ้านเรือนและอาคารสไตล์สแกนดิเนเวียตั้งเรียงรายอยู่รอบๆท่าเรือนั้นสวยงามมากมายในสายตา
เรือประมงที่แล่นไปมาในท้องน้ำ เป็นสีสันของการเดินชมในเช้าวันนี้
เราแวะไปชมประติมากรรม Feskarkjerringa รูปปั้น ของภรรยาของชาวประมงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของที่นี่ ตั้งอยู่ที่ท่าเรือริมน้ำ .. เป็นเสมือนตัวแทนทั้งในอดีตและปัจจุบันเกี่ยวกับวิถีชีวิตแห่งชาวประมงอีกด้วย
... รูปปั้นนี้ คือเกียรติของผู้หญิงในอดีต ที่เคยมีบทบาทที่สำคัญต่อความรุ่งเรืองเมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติ เป็นส่วนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของเมือง
รูปปั้น Feskarkjerringa สร้างสรรค์โดย Tore Bjørn Skjølsvik .. เพื่อเป็นของขวัญในการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 250 ปีของเมือง ซึ่งในโอกาสนี้พระราชินี Sonja เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดในปี 1992 ซึ่งในวันนั้นหญิง 3 คนที่มีอาชีพตากปลาแห้งตัวจริงมาในงานด้วย
ไม่ไกลจากรูปปั้น Feskarkjerringa มีประติมากรรม "Sildegutten" /Herringboy ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งรูปปั้นทั้งสอง แสดงความสำคัญของประเพณีการประมงในอดีตของเมือง … วันนี้ แม้ว่าการทำปลาตากแห้ง จะไม่ได้ทำในปริมาณมากอีกต่อไป แต่ภาพของรูปปั้นก็ยังเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจมาก
ว่ากันว่า … ย่านสำคัญๆต่างๆของเมืองคริสเตียนซุนด์นั้นตั้งอยู่บนเกาะหลักๆ จำนวน 4 เกาะ ที่ถูกเชื่อมต่อเข้าหากันด้วยถนน สะพาน รวมไปถึงการใช้เรือสัญจร เมืองนี้ยังถือว่าเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาคอีกด้วย
เราเดินชมรอบๆท่าเรือ มีข้อมูลที่พอจะประมวลได้ว่า ปัจจุบันเมืองนี้มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยว .. เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับโอเปร่าเก่าแก่ที่สุดของนอร์เวย์ จึงไม่ น่าแปลกใจ ถ้าหาก "คริสเตียนซุนด์ โอเปร่าเฮาส์ " (Kristiansund Opera House) จะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆคนที่มาเยือนเมืองคริสเตียนซุนด์ … แต่เราไม่มีเวลาพอ
จากท่าเรือในเมือง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางไปยัง หมู่บ้านชาวประมงของไวฮอลเมน (Veiholmen fishing village) อันเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ทางปลายเหนือสุดของ Smøla เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีชีวิตชีวามากแห่งหนึ่งของเมืองคริสเตียนซุนด์
หากคุณมีเวลามากพอ … การไปเยือนเกาะอื่นๆ เช่น เกาะกริพ (Grip Island) ที่ตั้งอยู่ออกไปในทะเล ประมาณ 14 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กที่มีประวัติความเป็น มาอันเก่าแก่ อาคารแต่ละหลังจะตั้งลดหลั่นไปตามถนนแคบๆ
บนเกาะยังเป็นที่ตั้งของ โบสถ์กริพ สตาฟ (Grip Stave church) โบสถ์ไม้สีแดงที่มีความเก่าแก่มากแห่งหนึ่งของเกาะ เป็นสถานที่แห่งการนัดพบในยามสุขและในเวลาเศร้าของคนบนเกาะที่มีความสำคัญกับผู้คนมากๆ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
อาหารการกิน & Lifestyle แบบพี่สุ
โฆษณา