2 ก.ค. 2020 เวลา 05:56
สื่อนอกมองการท่องเที่ยวไทยหลังโควิดจะเปลี่ยนไป
มุ่งเน้นลูกค้าคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ และกระเป๋าหนัก
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละปีสร้างมูลค้าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยเมื่อปี 2562 ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของ GDP ที่มีมูลค่าราว 16 ล้านล้านบาท แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างรุนแรง เพราะมีการคาดการณ์จากทางธนาคารแห่งประเทศไทยว่าปีนี้การท่องเที่ยวไทยจะหดตัวลง 100% มูลค่าการท่องเที่ยวลดลงเหลือเพียงแค่หลักแสนล้านบาทเท่านั้น ทำให้กระทบต่อผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอย่างแสนสาหัส เพราะไทยมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในแต่ละปีสูงถึง 33 ล้านคนซึ่งมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
ทำให้หลังจากนี้ต้องมีการปรับรูปแบบของภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยซึ่งทางสื่อต่างประเทศได้มีการวิเคราะห์ทิศทางการท่องเที่ยวของไทยในอนาคตว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศใหม่ โดยเน้นไปที่นักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่มีฐานะดี เช่น นักธุรกิจ หรือผู้ที่มาเป็นครอบครัวแล้วพำนักอยู่ในประเทศแบบระยะยาว ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีฐานะดี กระเป๋าหนัก แทนการโหมดึงนักท่องเที่ยวที่เน้นแต่จำนวนเหมือนที่ผ่านมา
กลยุทธ์การฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทยคือ การเลือกกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ที่มองหาความเป็นส่วนตัว และปลอดภัยจาก Covid-19 ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะปรับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวใหม่ จากเดิมที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์และแบคแพคเกอร์
แต่เมื่อมีการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศอีกครั้ง รูปแบบการดึงนักท่องเที่ยวจะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้มั่งคั่งที่ต้องการวันหยุดที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
โดยระยะแรกรัฐบาลจะอนุญาตให้มีนักท่องเที่ยวขาเข้าปริมาณไม่มาก เช่น นักธุรกิจ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางมาเพื่อรักษาตัวและใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และมักอยู่ในประเทศในระยะยาว ซึ่งจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในการเชิญนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ที่เคยมีประวัติเข้าพักในรีสอร์ทหรู เช่น ภูเก็ต สมุย พะงัน และเกาะพีพี ให้มีตัวเลือกในการเข้าพักยังที่พักนั้น ๆ โดยมีการเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็น “เมืองต้นแบบ” เพราะมีระบบสาธารณูปโภคด้านการท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมที่สุด
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองเชื้อตามมาตรการสาธารณสุข ก่อนที่จะเดินทางขึ้นเครื่องบินมายังประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงที่ท่าอากาศยานแล้วจะให้เลือกสถานที่พักเพียงแห่งเดียว
ซึ่งนักท่องเที่ยว จะสามารถเดินทางได้อย่างอิสระขณะที่พวกเขาอยู่บนเกาะและได้รับอนุญาตให้ออกจากที่พักเมื่อผ่านไประยะเวลาการคัดกรองแล้วอย่างน้อย 14 วัน โดยคาดว่าจะเริ่มทำการตลาดและเผยแพร่ประชาสัมพันธุ์ไปยังกลุ่มประเทศที่อนุญาตให้เดินทางไปมาหาสู่กันได้ ซึ่งในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปมองหาประเทศที่มีภูมิอากาศที่อบอุ่นกว่าเพื่อหนีความหนาวเย็นทางซีกโลกเหนือมาพักผ่อนระยะยาวในประเทศเขตร้อน และประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางหลักทุกครั้งของชาวยุโรป ที่มาพักอาศัยแต่ละครั้งก็อยู่นานหลายเดือน สร้างรายได้ให้กับกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่
โฆษณา