3 ก.ค. 2020 เวลา 00:02 • กีฬา
[ #คุณไม่ใช่แชมป์ ! ]
ในขณะที่นักเตะลิเวอร์พูลคนอื่นๆฉลองกันอย่างชื่นมื่นกับความสำเร็จแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี
เซอร์ดาน ชากิรี่ กลับเงียบกว่าใคร ไม่ใช่แค่ตัวเขาเองเท่านั้น แต่การมีส่วนร่วมก็น้อยนิด จนเดอะ ค็อปบางคนอาจลืมไปแล้วด้วยว่ายังมีผู้เล่นคนนี้อยู่ในทีม
ฤดูกาลนี้ ชากิรี่ ลงในลีกไปแค่ 6 เกมเท่านั้น ถือว่าน้อยมากๆหากเทียบกับความคาดหวังหรือแนวทางการใช้งานที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้วางเอาไว้
ตอนคว้า ชากิรี่ จากสโต๊ค ซิตี้มาร่วมทีมในซัมเมอร์ปี 2018 ด้วยค่าตัว 13.5 ล้านปอนด์ คล็อปป์ มั่นใจว่านี่คือดีลที่ยอดเยี่ยมมาก จะมาช่วยเพิ่มมิติแนวรุกให้ดุดันมีทางเลือกมากกว่าเดิม
อีกทั้งนักเตะเองอายุไม่เยอะ เพิ่งจะวัยแค่ 26 เท่านั้น แต่ผ่านประสบการณ์กับสโมสรใหญ่ในยุโรปมาทั้งอินเตอร์ มิลานและบาเยิร์น มิวนิค ตรงนี้เองที่ลิเวอร์พูลน่าจะได้ประโยชน์
นอกจากนี้พื้นฐาน ชากิรี่ เป็นอีกตัวแปรที่น่าสนใจ เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะประเภทสู้หมดจนหยดสุดท้าย ชีวิตต้องฝ่าด่านผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะมาไกลถึงจุดนี้
การเกิดมาในสมัยอาณาจักรยูโกสลาเวียยังไม่แตกสลาย แต่กำลังคุกรุ่นด้วยไฟสงคราม เต็มไปด้วยความขัดแย้งแตกแยกจากเรื่องเชื้อชาติและความเหลื่อมล้ำ
ครอบครัวของ ชากิรี่ ต้องดิ้นอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม เพราะสืบเชื้อสายมาจากโคโซโว-แอลเบเนีย โดนกลั่นแกล้งรังแกเสมอ
กระทั่งไฟสงครามกระพืออย่างหนักในปี 1992 พ่อกับแม่ทนไม่ได้ต้องเห็นลูกๆทั้งสามคนตกระกำลำบาก แถมยังอาจจะต้องแลกด้วยชีวิตหากยังไม่ยอมหนีไปไหน
จุดหมายปลายทางคือสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนที่อ้าแขนรับผู้อพยพข้ามชาติ จากผลกระทบของสงคราม
ไม่ได้หมายความว่าไปอยู่ที่นั่นชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิมนัก ชีวิตอาจปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงตายจากลูกระเบิดในบ้านเกิดตัวเอง แต่คุณก็ยังเป็นแค่พลเมืองชั้นสอง เหมือนมาขออาศัยพึ่งใบบุญ ไม่มีปากเสียงอะไรเลย หาเช้ากินค่ำอยู่ให้รอดไปวันๆ
พ่อของเขาพูดภาษาเยอรมันไม่ได้เลย อาชีพอื่นที่กรมหางานจัดให้จึงต้องเป็นประเภทไม่ต้องใช้สกิลในการพูด ดังนั้นจึงถูกส่งไปล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
จากนั้นเมื่อเริ่มเรียนรู้ได้เลยขยับขยายไปทำงานด้านก่อสร้าง ซึ่งพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง รายได้ก็มากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนแม่เป็นพนักงานทำความสะอาดตึกออฟฟิศในตัวเมือง บางครั้ง ชากิรี่ และพี่น้องคนอื่นจะต้องไปช่วยแบ่งเบา หลังกลับจากโรงเรียนหรือเป็นวันหยุด
ด้วยความที่พ่อยังห่วงครอบครัวที่บ้านเกิดไม่ว่าจะปู่ย่าหรือพี่น้องคนอื่น จึงส่งเงินจากการทำงานหนักจำนวนมากไปให้การช่วยเหลือ
ชากิรี่ เองจึงไม่ได้มีชีวิตสะดวกสบายอะไรเลย ตรงกันข้ามบางมื้อก็อดไม่ได้มีกินครบ แค่ได้ของขวัญวันเกิดสักชิ้น ถือว่าเป็นเรื่องยอดเยี่ยมแล้ว
เขาจึงจำสตั๊ดคู่แรกในชีวิตได้ตลอดมา
มันคือแรงบันดาลใจช่วยให้อยากจะเป็นเหมือน โรนัลโด้ ดาวถล่มประตูบราซิล ที่ยกให้เป็นไอดอล
เพราะเจอแบบทดสอบเรื่องความอดทนมาเกือบตลอดจนกระทั่งเติบโต ไม่ผิดเลยถ้าจะบอกว่าชีวิต ชากิรี่ ทั้งกรำและแกร่ง
อาจจะมีโลกส่วนตัว รักสันโดษ ยิ้มยากและพูดน้อย แต่ถึงเวลาคับขันจะไม่ยอมแพ้ พร้อมสู้ชนิดหัวชนฝาเลยทีเดียว
ช่วยเสริมสร้างทัศนคติให้ดีเยี่ยมขึ้นและเหมาะอย่างยิ่งหากจะเอาดีด้านนักเตะอาชีพ
การได้โยกมาค้าแข้งในสโต๊คสโมสรเล็กๆ ชากิรี่ แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่ดีมาก สามารถรับมือได้หมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมต่างๆ ภาษาและสไตล์ฟุตบอลซึ่งต่างไปจากภาคพื้นยุโรปที่เคยสัมผัสมา
ทำให้ คล็อปป์ เชื่อมั่นในตัว ชากิรี่ มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นเลยกล้าลงทุนซื้อร่วมทีม
แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในดีลที่ คล็อปป์ ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
"ผมพยายามช่วยเหลือและสนับสนุนเขาเต็มที่ เพื่อนในทีมก็เช่นกัน เราอยู่กันเหมือนครอบครัวจำต้องเอาใจใส่เสมอ"
"เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ เราสังเกตตลอดเวลาและพยายามจะทำให้มีส่วนร่วมกับทีม"
"บางครั้งเขาดูเงียบเกินไป ซึ่งทำให้เรารู้สึกวิตกกังวล แต่ไม่มีปัญหาร้ายแรงแน่นอน"
คล็อปป์ เคยพูดถึง ชากิรี่ ไว้เช่นนี้ พอจะสะท้อนได้ดีว่านี่คือนักเตะที่ปลีกวิเวกพอสมควร ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับเพื่อนอย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ที่ร้ายแรงไม่แพ้กันเห็นจะเป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บที่รักษาให้หายขาดอยากเหลือเกิน
ฤดูกาลที่แล้วเขายังได้ลงเล่นสม่ำเสมอ รับใช้ทีมในลีกไป 24 เกม ยิงไปถึง 6 ประตูด้วยกันและเมื่อรวมทุกรายการ 30 เกมคือตัวเลขที่น่าประทับใจเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามมาซีซั่นนี้ นอกจากความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ค่อยพัฒนานัก ยังเจออาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อน่องคุกคามอีกด้วย
ตั้งแต่ออกสตาร์ตไม่นานเท่าไร ชากิรี่ ก็มักจะต้องใช้ช่วงเวลาซ้อมส่วนใหญ่กับนักกายภาพและในห้องยิม เพื่อทำการฟื้นฟูร่างกาย
นี่ไม่ใช่อยู่ในเคสเจ็บหนัก จนถึงต้องเข้ารับการผ่าตัดปิดเทอมยาว แต่มันเรื้อรังฝังรากลึก ซึ่งต้นตอน่าจะมาจากการรักษาในเบื้องต้นที่เกิดความผิดพลาด
เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว คล็อปป์ เน้นย้ำให้ ชากิรี่ เร่งปรับตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร่างกายหรือการเข้ากับเพื่อนร่วมทีม เพราะไว้เนื้อเชื่อใจฝากความหวังไว้ว่าจะต้องเค้นฟอร์มดีขึ้นกว่าเดิม
พร้อมทั้งยืนยันว่าต้องฟิตเปรี๊ยะ 100 เปอร์เซนต์เท่านั้นจึงจะถูกส่งลงสนาม
พอปฏิทินเปลี่ยนปีได้ไม่เท่าไร คล็อปป์ ยืนกรานว่าจะไม่ปล่อย ชากิรี่ ในแบบยืมตัวเป็นอันขาด แม้จะมีข้อเสนอเข้ามากมาย โดยมั่นใจว่านี่คือแข้งที่จำเป็นต้องมี ต่อให้เป็นอะไหล่ก็ตาม
คล้อยหลังไม่นาน คล็อปป์ ชักเริ่มท้อเมื่อไม่เห็นวี่แววดาวเตะหุ่นตัน จะฟื้นตัวในเร็ววัน
อย่างที่บอกนั่นแหล่ะมันไม่ใช่การเจ็บหนักเลย อีกทั้งกล้ามเนื้อของ ชากิรี่ มีความแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเกิดจากการฝึกซ้อมหรือทางกายภาพ ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้
เคสนี้ไม่อาจค้นเจอวิธีการรักษาเพื่อให้หายขาดสนิท ซึ่งหากเป็นอย่างนี้หนีไม่พ้นการทำกายภาพเช่นเดิมและมันน่าเบื่ออย่างมาก
ทั้งสโมสรและตัวนักเตะคงหงุดหงิดไม่แพ้กันเท่าไร ครั้นจะให้พูดมากไปคงไม่ได้ ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ช่วงที่ฟุตบอลต้องปิดฉากลงชั่วคราว หนีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยาวนานถึง 3 เดือน นักเตะคนอื่นที่เดี้ยง ต่างทยอยหายกลับมาพร้อมเป็นตัวเลือกกันแล้วเมื่อต้องรีสตาร์ต
ยกเว้น ชากิรี่ เพียงคนเดียวที่ยังคงทรงๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะกลับมาลงซ้อมก็จริง แต่ในแบบเบาๆแยกส่วนตัว โหมมากเกินอาจเกิดอักเสบอีกได้
จากที่มั่นใจและพร้อมให้โอกาส คล็อปป์ เองก็เริ่มจะท้อกับเรื่องเจ็บปริศนาของ ชากิรี่ เช่นเดียวกัน
ยังมืดแปดด้านปราศจากวี่แววจะได้กลับมาเล่นอีกครั้งเมื่อไร
ชากิรี่ ลงเล่นเกมล่าสุดกับสเปอร์สตั้งแต่ 11 มกราคม แล้วยังไม่ได้ออกแรงในสนามอีกเลย
"เซอร์ดาน ไม่ใช่แชมเปี้ยน"
อาร์โน รอสซินี่ ผู้จัดการทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ (ทำหน้าที่เหมือน โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟ ในทีมชาติเยอรมัน) เพิ่งพูดไว้แบบนี้
เหตุผลคือ ชากิรี่ ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกแค่ 6 นัด น้อยนิดแบบสมควรนับเป็นนาที ไม่ได้มีส่วนร่วมจนต้องกล่าวถึงเลย
เข้าใจว่าอุปสรรคคือเรื่องอาการบาดเจ็บที่ห้ามกันไม่ได้เลย แต่มันก็ต้องเกิดคำถามสารพัดว่าเจ็บแบบไหน แล้วทำไมถึงไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาแบบให้หายขาดกันไปเลย
เดิมทีสถานะของ ชากิรี่ ควรเป็นตัวเลือกสำรองแรกในแนวรุก หมายถึงหาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ , โม ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน่ ลงไม่ได้ รวมทั้งอยากจะเปลี่ยนตัวใครสักคนออก โอกาสจะต้องเป็นของเขา
แต่อย่างที่เห็นกันอยู่ ทุกวันนี้ยังคงเป็นความลึกลับดำมืดว่า เหตุใดกันถึงรักษา ชากิรี่ ไม่หายขาดสักที
จนกลายเป็นแข้งที่เดอะ ค็อปลืมไปเลยว่ายังมีอยู่ในทีม มันเหมือนผลักเขาให้ห่างออกมาเรื่อยๆ
แม้สัญญาจะลากยาวถึงซัมเมอร์ปี 2023 แต่บางทีซีซั่นนี้จบ มีเปอร์เซนต์สูงลิบต้องแยกทางกัน ซึ่งเป็นทางออกดีสุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ต้องหัดเล่นให้เป็น ] : บรรยากาศในทีมบาร์เซโลน่าเริ่มมาคุระอุมากขึ้นเรื่อยๆ หลังผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ตกจากบัลลังก์จ่าฝูงโดนเรอัล มาดริดแซงหน้านั่นทำให้ประเด็นนักเตะไม่ยอมรับ เอแดร์ ซาราเบีย ผู้ช่วยของ กีเก้ เซเตียน ถูกหยิบยกมาพูดถึงหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เก่งจริงและโชว์ออฟเกินมีภาพยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้และบาร์ซ่าจะผ่านดราม่านี้ไปได้อย่างไรกัน
[ #แมวเก้าชีวิตที่ชื่อมาติช ] : จากนักเตะที่ผู้จัดการทีมมองข้าม แฟนบอลกำลังจะลืมชื่อ แต่ เนมานย่า มาติช กลับมาได้เสมอ ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว หากเรื่องจริงแบบนี้เกิดขึ้นกับชีวิตเราซ้ำซาก อาจล่าถอยยอมพ่ายแพ้ให้ชะตาอันบ้าบอไปแล้ว ตรงกันข้ามกับ มาติช ที่ไม่มีคำว่า "แพ้" อยู่ในพจนานุกรม
[ #สายลมแห่งโชคชะตา ] : เดอะ ค็อปรุ่นหลังอาจไม่ได้สัมผัส เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมผู้พาครองแชมป์ลีกครั้งสุดท้าย ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะมาสานต่อโดยต้องรอนานถึง 30 ปีคล็อปป์ เองก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มีอินเนอร์ในฐานะกองเชียร์เช่นเดียวกัน เหมือนกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เข้าใจแค่ว่าเป็นกัปตันทีมคนหนึ่ง กระทั่งได้เข้ามาอยู่ที่นี่ เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้นเขาจึงเข้าใจเนื้อแท้ในความเป็นลิเวอร์พูลอย่างดีและเข้าใจ 2 คนนี้เช่นกัน
[ #ฉลองต้องฉลาด ] : กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่าขึ้นมาเมื่อกองเชียร์ลิเวอร์พูลออกมาฉลองกันอย่างหนัก หลังคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกรอบ 30 ปี จนเกิดความวุ่นวายเสียหาย บางครั้งเดอะ ค็อปไม่กี่คนที่ทำให้เรื่องบานปลายและทำลายภาพลักษณ์ของส่วนรวม ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก หากยังไม่ให้ความร่วมมือกัน บางทีอาจไม่ได้ฉลองกันอีก
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา