3 ก.ค. 2020 เวลา 07:44
“มหานครนิวยอร์ก” มีเศรษฐกิจยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ทำไมถึงความสำคัญมากต่อเศรฐกิจโลก
ทุกคนรู้จัก “New York City” หรือ "มหานครนิวยอร์ก" เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “มหานครที่ไม่เคยหลับใหล” เพราะตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ 365 วันต่อปี เมืองนี้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันทั้งคืน
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1624 หรือตรงกับปี พ.ศ.2185 ช่วงยุคอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาทอง นิวยอร์กถูกสถาปนาเมืองอย่างเป็นทางการ และเป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดพัก จากเมืองท่าทางการค้าเล็ก ๆ ปากแม่น้ำฮัดสันของชาวดัตช์ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกและทวีปยุโรป พัฒนาเติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในช่วงระยะเวลาเพียง 161 ปี หรือในปี ค.ศ. 1785 จนกระทั่ง ค.ศ. 1790 นิวยอร์กได้กลายเป็นมหานครเอกของโลกและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดของโลกอีกด้วย
แม้จะผ่านระยะเวลามากว่า 400 ปีแล้วก็ตาม มหานครนิวยอร์กก็ยังคงครองตำแหน่งเมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก เอกนครที่มีความเจริญที่สุดของโลก แม้จะมีเมืองใหญ่เกิดขึ้นมากมายทั่วโลก แต่ก็ไม่มีเมืองใดเทียบรัศมีของนิวยอร์กได้
ปัจจุบันมหานครนิวยอร์กมีขนาดเศรษฐกิจ (GDP ปี 2019) ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าราว 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 54 ล้านล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของประเทศอิตาลีทั้งประเทศที่ 2.08 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 64.8 ล้านล้านบาท ที่รั้งตำแหน่งยักษ์ใหญ่ทางเศรฐกิจอันดับ 4 ของยุโรป
คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของขนาดเศรฐกิจประเทศญี่ปุ่นที่ 4.971 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 154 ล้านล้านบาท
และมากกว่า GPD ประเทศไทยทั้งประเทศถึง 3.7 เท่า ที่ 15.5 ล้านบาท ขณะที่กรุงเทพฯ มี GDP ราว 5 ล้านล้านบาท
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมการขยับตัวใด ๆ ของมหานครแห่งนี้ในแต่ละครั้งถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกได้
สำหรับกิจกรรมทางเศรฐกิจในนิวยอร์กที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองและประเทศมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ แต่ที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับนิวยอร์กนั้นมากจาก 2 ภาคส่วนด้วยกัน ซึ่งก็คือภาคธุรกิจการเงิน (Financials) และธุรกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)
สำหรับภาคธุรกิจการเงินในนิวยอร์ก ที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของตลาดเงินและตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำนักงานใหญ่ของธนาคารและวาณิชธนกิจชื่อดังตั้งอยู่ที่นี่ ถ้าที่คนไทยพอจะคุ้นหูบ้างก็เช่น Citibank, Union Bank, JPMorgan, Goldman Sachs และ Morgan Stanley‎ เป็นต้น และยังมีสถาบันการเงินอีกกว่า 70 แห่งที่เลือกนิวยอร์กเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่
นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีดัชนีที่สำคัญทั้ง 3 ดัชนีของโลกซื้อขายกันที่นี่ ทั้ง Dow Jones, Nasdaq และ S&P 500 มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) รวมกันมากกว่า 36.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 1,132 ล้านล้านบาท
Market Cap ดัชนีหุ้นสำคัญสหรัฐในปี 2019
🔴 Dow Jones : 8.33 ล้านล้านดอลลาร์
🔴 Nasdaq : 10 ล้านล้านดอลลาร์
🔴 S&P 500 : 28.1 ล้านล้านดอลลาร์
ส่วนในภาคของธุรกิจสร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น บันเทิง ภาพยนตร์ โฆษณา และอื่น ๆ นิวยอร์กถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างมหาศาล เป็นแหล่งรวมผู้คนที่เป็นนักสร้างสรรค์ พร้อมปล่อยพลังแห่งไอเดียจากทั่วทุกมุมโลกมารังสรรผลงานอยู่ที่นี่
ในทุก ๆ ความเคลื่อนไหวอย่างมีพลวัตรของเมือง จะก่อให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่แทบจะตลอดเวลา แคมเปญโฆษณาเจ๋งๆ คอลเลคชั่นแฟชั่นนำสมัย หรือการเปิดตัวสินค้าและภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ มักเลือกนิวยอร์กเป็นสถานที่ในการเปิดตัวปล่อยของกัน และด้วยการแข่งขันที่สูงลิบลิ่วในเมืองนี้ ทำให้ทุกคนพร้อมสาดพลังแห่งครีเอทีฟใส่กันตลอดเวลา ซึ่งนั่นจึงเป็นที่มาของมูลค่าทางการตลาดอันมหาศาลจากสมรภูมิไอเดียแห่งนี้
2
44% ของมูลค่าทางเศรษฐกิจในนิวยอร์ก มาจากเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศสหรัฐฯ ข้อมูลจากศูนย์อนาคตเมือง ความคิดสร้างสรรค์ใน ย่านบลูคลิน แมนฮัตตัน และควีน พบว่า เศรษฐกิจในมหานครนิวยอร์คตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 - 2013 กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างมากในช่วง 10 ปี ส่งผลทำให้เมืองนิวยอร์คมีเศรษฐกิจขยายตัว การจ้างงานก็เพิ่มขึ้นตามมา
ทั้งเมืองนิวยอร์คมีการจ้างงานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในช่วง 10 ปี (2003 - 2013) ถึง 295,755 คน มีสัดส่วนการจ้างงาน 7.1% ของการจ้างงานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของทั้งประเทศสหรัฐฯ ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาแฟชั่นดีไซน์ 28%
ส่วนกลุ่มธุรกิจสร้างสรรที่มีสัดส่วนการจ้างงานสูงสุดได้แก่
🔸ธุรกิจภาพยนตร์ และโทรทัศน์ สัดส่วนการจ้างงานเพิ่มขึ้น53%
🔸สถาปัตยกรรมการจ้างงานเพิ่มขึ้น 33%
🔸ศิลปะการแสดงจ้างงานเพิ่มขึ้น 26%
🔸ด้านโฆษณาการจ้างานเพิ่มขึ้น 24%
🔸การถ่ายทอดผลงานภาพทางศิลปะ (Visual Art) การจ้างงาน เพิ่มขึ้น 24%
🔸งานออกแบบดีไซน์การจ้างงานเพิ่มขึ้น 28%
🔸กลุ่มอาชีพอื่นๆ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 12%
และหากพูดถึงธุรกิจบันเทิงและภาพยนตร์แล้ว หลายคนคงนึกถึง “ฮอลลีวูด” ที่มีที่ตั้งหลักอยู่ในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่จริง ๆ แล้วบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่หลายแห่งมีสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก เช่น Warner Media บริษัทผู้ผลิตสื่อและบันเทิง 1 ใน 4 แห่งยักษ์ใหญ่ของโลกได้แก่ Walt Disney, Warner Media, New Corporation (The Wall Street Journal) และ Viacom (Paramount Pictures) โดยมีสำนักงานใหญ่ในเลขที่ 1 ไทม์วอร์เนอร์เซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก ซึ่งคนไทยจะรู้จักบริษัทลูกในนามค่ายหนัง Warner Bros. และช่องทีวีสำหรับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง HBO ซึ่ง Warner Media มีสินทรัพย์รวมทั้งสิน 70,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.1 ล้านล้านบาท
ยังไม่รวมถึงเหล่าบรรดาสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง บริษัทผู้ผลิตสื่อบันเทิงขนาดรองลงมาและบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในแวดวงสายบันเทิงที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลให้กับนิวยอร์ก และเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนให้นิวยอร์กยังก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้ในปัจจุบัน นิวยอร์กจะไม่ใช่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในโลกเหมือนเช่นในอดีต แต่นิวยอร์กยังคงเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีเมืองอื่น ๆ พยายามขึ้นมาทาบรัศมี แต่ก็ยังไม่มีเมืองใดในโลกโค่นอำนาจทางเศรษฐกิจของมหานครแห่งนี้ได้ เพราะด้วยความเป็นเอกลักษณ์และเปิดรับความแตกต่างอย่างผสมผสานของนิวยอร์กที่เป็นความแตกต่างจากที่อื่น ๆ บนโลก ทำให้เมืองนี้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ท่ามกลางวิกฤตและโอกาสต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น
นิวยอร์กยังเปิดโอกาสให้ความแตกต่างทั้งเชื้อชาติ สีผิว ฐานะ ได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาจากก้อนดินสู่ดวงดาว หากทุกคนมี Passion มากพอที่ต่อสู้ท่ามกลางสมรภูมิแห่งกันแข่งขันอันดุเดือด ที่ผู้คนจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อสร้างพื้นที่และตัวตนของตัวเอง และเป็นเหมือนโรงเรียนขนาดใหญ่ที่ให้เรียนรู้ในความแตกต่างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และยังคงเป็นขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกในนี้ให้ก้าวเดินต่อไป ตราบใดที่สหรัฐอเมริกาและค่าเงินยูเอสดอลลาร์ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อโลกใบนี้
แล้วคุณล่ะเคยไปเยือน “นิวยอร์ก ซิตี้” แล้วหรือยัง?
โฆษณา