7 ก.ค. 2020 เวลา 14:21 • การศึกษา
หนี้ที่เกิดจากการทำธุรกิจบ่อนคาสิโน เจ้าหนี้จะนำมาฟ้องให้ลูกหนี้รับผิดชอบได้หรือไม่?
แม้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิคู่สัญญา สามารถเข้าผูกพัน หรือตกลงเงื่อนไข ในการทำนิติกรรมระหว่างกันได้อย่างอิสระก็ตาม
แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 152 “การใดมิได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายบังคับไว้ การนั้นเป็นโมฆะ”
เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน ถ้าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ถือว่าเป็นโมฆะ หรือ
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 “การใดมีวัตถุประสงค์...
1
- เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งด้วยกฎหมาย หรือ
- เป็นการพ้นวิสัย หรือ
- เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การนั้นถือเป็น “โมฆะ”
เช่น การจ้างคนไปทำร้ายคู่อริ โดยสัญญาว่าจะจ่ายค่าจ้างให้เมื่องานเสร็จ
แต่เมื่อผู้รับจ้างได้ลงมือแล้ว ผู้ว่าจ้างกลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง ผู้รับจ้างจึงไปฟ้องศาลเพื่อให้ผู้ว่าจ้างชำระเงินค่าจ้างที่ตกลงกันไว้
จากตัวอย่างนี้ ศาลจะต้องยกฟ้องผู้รับจ้าง เนื่องจากมูลหนี้ที่เกิดขึ้นจากการรับจ้างทำร้ายร่างกายนั้น ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ถือว่าเป็นโมฆะ (ผู้รับจ้างคงต้องไปทวงเอาเอง)
สำหรับหนี้ที่เกิดจากการทำธุรกิจบ่อนคาสิโน เมื่อดูเผิน ๆ แล้วหลายคนอาจจะตอบได้ทันทีว่าเป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แต่ถ้าเพิ่มความซับซ้อนของเรื่องนี้เข้าไปอีกซักหน่อย เช่น
เจ้าหนี้ได้ให้ลูกหนี้ (ที่เกิดจากการทำธุรกิจบ่อนคาสิโน) ทำสัญญากู้ยืมเงิน และจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ไว้ หากต่อมาเช็คติดสปริง เจ้าหนี้จะใช้สิทธิฟ้องบังคับให้ลูกหนี้ชำระเงินตามเช็คได้หรือไม่?
ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า..
นาย A และนาย B ร่วมกับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ลงทุนทำธุรกิจบ่อนคาสิโนที่ประเทศกัมพูชา
ต่อมานาย B ได้ยักยอกเงินจากการทำธุรกิจการพนัน เป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท และถูกจับได้ในภายหลัง
นาย A จึงให้นาย B ทำสัญญากู้ยืมเงิน และให้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 2 ฉบับ เพื่อชำระเงินคืนให้แก่นาย A และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ
เมื่อถึงกำหนดคืนเงิน นาย A นำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ปรากฏว่าเช็คเด้ง.. นาย A จึงได้นำเช็คมาฟ้องบังคับเพื่อให้นาย B ชำระเงินจำนวน 20 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย
ผลปรากฏว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง
นาย A ได้ยื่นฏีกา โดยต่อสู้ว่า..
เช็คทั้ง 2 ฉบับนั้น นาย B ไม่ได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้การพนัน เพราะไม่ใช่เรื่องของหนี้การพนันที่นาย Aและนาย B เล่นพนันหรือขันต่อกัน แต่เกิดจากนาย B กู้ยืมเงินของตน
ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาว่า..
1. นาย A นาย B และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ได้ร่วมกันทำธุรกิจบ่อนคาสิโนในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยอ้างว่าชอบด้วยกฎหมายของราชอาณาจักรกัมพูชา ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย
การที่นาย A นำคดีมาฟ้องในราชอาณาจักรไทยจึงต้องบังคับใช้ตามกฎหมายไทย
2. การที่นาย B ทำสัญญากู้ยืมเงินก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากหนี้ในการทำธุรกิจบ่อนคาสิโน ซึ่งเป็นธุรกิจการพนันอันมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะ นาย B จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้
เมื่อนาย B สั่งจ่ายเช็ค จึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คเช่นเดียวกัน
(อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 18967/2556)
สรุป..
ธุรกิจบ่อนคาสิโนนั้นมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
สัญญากู้ยืมเงิน เป็นมูลหนี้ที่สืบเนื่องมาจากธุรกิจบ่อนคาสิโน จึงถือว่าเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150
เช็คที่สั่งจ่ายจึงถือว่าไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
ยังมีช่องทางอื่น ๆ ให้ติดตามกัน 😉
- สำหรับเอาไว้อ่านบทความดีๆ
- สำหรับเอาไว้ดูรูปสวย ๆ กับอินโฟกราฟิก
- สำหรับสายย่อ เอาไว้รับข่าวสารหรือข้อกฎหมายแบบกระชับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา