ในเมืองไทยก็รับเอาวัฒนธรรมของการผัดข้าวมาเข้าไว้เหมือนกันมีข้าวผัดหมู ข้าวผัดกุ้ง ไปจนถึงข้าวผัดปลากระป๋อง ข้าวผัดกากหมู ฯลฯ แล้วแต่ว่าจะเอาอะไรมาผัดกับข้าวก็ว่ากันไป
มีข้าวผัดของไทยอยู่อย่างหนึ่งที่ผมสงสัยมานานคือ “ข้าวผัดรถไฟ” ที่สงสัยนี่ไม่ใช่เพราะเหตุว่า “ข้าวผัดรถไฟ” มาจากไหนล่ะครับ เพราะประวัติเกี่ยวกับข้าวผัดรถไฟก็พอจะสืบค้นได้ แต่ที่สงสัยก็คือ ข้าวผัดรถไฟมีอยู่ 2 เวอร์ชั่นใหญ่ ๆ คือ ข้าวผัดสีชมพู กับข้าวผัดสีน้ำตาลเข้ม เวลาที่ไปสั่งกินก็จะได้เวอร์ชั่นสีชมพูบ้าง เวอร์ชั่นสีน้ำตาลบ้าง ต่างคนต่างก็บอกว่าเป็นข้าวผัดโบราณ หรือที่ทำโชว์กันใน YouTube ก็เป็น 2 สีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอันไหนแท้ อันไหนไม่แท้
จนกระทั่งมาพบกับเว็บชื่อ “รถไฟไทยดอทคอม” มีบทความเรื่อง “พลิกตำนานข้าวผัดรถไฟ เมนูไฮโซในอดีต” โดยอ้างอิงจากบทความของคุณปิ่นอนงค์ ปานชื่น ในหนังสือพิมพ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ฉบับวันที่ 10 ตุลาคม 2546 ว่า
“ตำนานข้าวผัดรถไฟ ผูกพันกับเส้นทางเดินรถไฟจากบางกอกน้อยถึงหัวหินอย่างเหนียวแน่น หลังจากหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ แห่งนี้มีโอกาสต้อนรับเส้นทางคมนาคมทางรถไฟจากสายใต้ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2454 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจากเพชรบุรีลงไป การก่อสร้างดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งลุล่วงในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมระยะทางจากสถานีธนบุรีถึงหัวหิน 212.95 กิโลเมตร
………………………………………
ด้วยระยะทาง 212.95 กิโลเมตร จากธนบุรีถึงหัวหินในสมัยนั้นกินเวลายาวนานถึง 5 ชั่วโมง ทำให้กรมรถไฟหลวงจัดบริการตู้ รถขายอาหาร (บกข.) ซึ่งมีที่นั่งสำหรับนั่งรับประทานอาหารพ่วงกับขบวนรถโดยสาร จัดบริการในรถเสบียง กำหนดมาตรฐานการบริการให้คล้ายคลึง กับการบริการในรถเสบียงของต่างประเทศ เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะดี ซึ่งนิยมไปตากอากาศและตีกอล์ฟในช่วงวันสุดสัปดาห์
……………………………………………….
ในส่วนของอาหารไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในยุคนั้น ต้องยกให้ "ข้าวผัดรถไฟ" ซึ่งกินคู่กับ "ยำเนื้อรถไฟ" แล้วรสชาติส่งเสริมกันพอดี เมนูคู่นี้จึงกลายเป็นตำนานอาหารจานพิเศษมาตั้งแต่บัดนั้น
80 ปีที่แล้ว เครื่องปรุงที่นำมาใช้ทำข้าวผัดรถไฟ อย่างเช่น เนย กุนเชียง ถั่วลันเตา ซอสมะเขือเทศ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด อาหารจานนี้จึงไม่ใช่อาหารธรรมดาที่หากินได้ทั่วไปเหมือนทุกวันนี้"