11 ก.ค. 2020 เวลา 05:12 • อาหาร
เรื่อง (ไม่) ลับ ของ “ชีส” ที่คนรักชีสต้องรู้จัก
ภาพจาก www.freepik.com
“ชีส“ (Cheese) เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยม เป็นวัตถุดิบหลักชนิดหนึ่งของอาหารฝรั่ง ชีสนั้นทำมาจากนม มีต้นกำเนิดมาอย่างยาวนาน มีเมนูมากมายทำจากหลากหลายชนิดชีส คำว่าชีสมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า caseus ซึ่งแปลว่า ‘เนยแข็ง’ เกิดขึ้นจากความบังเอิญ เพราะชนเผ่าเบดูอินเรร่อนอยู่ในทะเลทรายทำการแบกน้ำนม โดยใช้กระเพาะอาหารของแพะใส่น้ำนมบรรทุกไว้บนหลังอูฐเพื่อประทังชีวิต แต่ระหว่างการเดินทางต้องผ่านความร้อน การเขย่าของน้ำนมในภาชนะกระเพาะแพะ ทำให้เกิดการแยกน้ำและไขมันออกจากกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชีสที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
ภาพจาก www.freepik.com
อย่างไรก็ดี ยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมาก ปรากฎพบในคัมภีร์ไบเบิลระบุว่า “นักรบโรมันไม่ว่าจะยกทัพไปที่ใดก็จะนำชีสไปด้วยเสมอ” ปัจจุบันมีประเภทชีสมากกว่า 3,000 ชนิดทั่วโลก ด้วยรสชาติละมุนนุ่มลิ้นรับประทานได้ทันที หรือจะใช้ประกอบอาหารก็อร่อยยิ่งทำให้ชีสกลายเป็นอาหารโปรดของใครหลาย ๆ คนโดยปริยาย
ชีสคืออะไร ?
1
ภาพจาก www.freepik.com
ก่อนจะทำความรู้จักกับประเภทชีสยอดนิยม เรามาทำความรู้จักเบื้องต้นกันก่อนว่า ชีส (Cheese) คือ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนมวัว นมแกะ หรือนมแพะ ซึ่งเป็นโปรตีนจากน้ำนมเป็นหลักแต่ให้น้ำตาลแล็กโทสน้อยกว่า จัดเป็นอาหารจำพวกโปรตีนใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในชีสอุดมไปด้วยแคลเซียมที่มีมากกว่านมถึง 2 เท่า และยังมีโปรตีนและวิตามินดี ที่ดีต่อกระดูก ช่วยบำรุงดูแลเซลล์กล้ามเนื้อที่สึกหรอ และยังมีวิตามินบี 12 ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงประสาท เพิ่มพลังงานได้เป็นอย่างดี ตามด้วยสังกะสี, ฟอสฟอรัส และไขมัน เหมาะกับทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานแล้วดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน ข้อเข่าเสื่อม ป้องกันฟันผุ ช่วยทำให้อิ่มนาน ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้ด้วย แต่ต้องรับประทานแต่พอดีถึงจะได้ประโยชน์กับร่างกาย
ชีสทำมาจากอะไร ?
ภาพจาก www.freepik.com
ชีสทำมาจากน้ำนม ซึ่งผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์นมดิบ ใส่เชื้อแบคทีเรียลงไป พร้อมกับเติมเอนไซม์ที่ทำให้โปรตีนในน้ำนมจับตัวเป็นก้อนสีเหลืองมีและมีวิธีการบ่มตามอุณหภูมิ ความชื้นที่แตกต่างกันออกไปตามสูตรของแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน และน้ำนมที่นำมาใช้ผลิตที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งประเภทของแบคทีเรียที่ใช้หมักแตกต่าง รวมทั้งระยะเวลาการผลิตที่ไม่เหมือนกันทำให้ชีสมีหลากหลายประเภทมาก ๆ
ชีสมีกี่ประเภท ?
1
สำหรับประเภทชีสแสนอร่อย สามารถแบ่งคร่าว ๆ ดังนี้
1. ชีสนุ่ม (Soft Cheese)
ชีสนุ่มเป็นชีสที่มีความเข้มข้นของครีมสูง ให้รสสัมผัสนุ่มนวล สีขาวละลายในปาก มักใช้เวลาในการบ่มชีสสั้น เช่น ชีสบรี (Brie Cheese), ชีสกามองแบร์ (Camembert Cheese) และ (Neufchatel Cheese) ซึ่งจะมีผิวด้านนอกบาง รับประทานแล้วรู้สึกใกล้เคียงกับครีม Soft Cheese นั้น Pairing ได้ดีมากกับไวน์ขาว เช่น Savignon Blanc ที่มีรสของผลไม้และไม่จัดมากไปเหมือนเช่นไวน์แดงซึ่งจะกลบรสชาติของชีส
ภาพจาก www.freepik.com
2. ชีสกึ่งแข็ง-กึ่งนุ่ม (Semi Cheese)
1
ชีสประเภทนี้ปาก มักใช้เวลาในการบ่มนานกว่า Soft Cheese แต่สั้นกว่า Hard Cheese แบ่งออกเป็น ชีสกึ่งนุ่ม (Semi-Soft Cheese) มีความชื้นสูงและมีรสชาติอ่อน ๆ ไม่เข้มข้นมากนักเป็นวัตถุดิบที่มีหลากหลายมาก ๆ เช่น Milleens, Provolone, Raclette, Havarti, Munster และ Port Salut ฯลฯ ตามด้วยชีสกึ่งแข็ง (Semi-Hard Cheese) รสสัมผัสมีความชื้นต่ำไม่นิ่มและไม่แข็งเท่าไหร่นัก เช่น Cheddar Chesse และ Gouda Cheese
ภาพจาก www.freepik.com
3. ชีสแข็ง (Hard Cheese)
มาถึงชีสแข็ง หรือเนยแข็งสีเหลืองที่เราพบเห็นบ่อยครั้งและรู้จักกันดีในเมนูอาหารมักจะใช้เวลาบ่มนานกว่าชีสประเภทอีก ๆ มีความชุ่มฉ่ำไม่มาก เน้นความหนา เนื้อค่อนข้างแข็ง เช่น ชีสพาร์เมซาน (Parmigiano-Reggiano or Parmesan Cheese) หรือ ชีสเพโคริโน (Pecorino Romano Cheese)
ภาพจาก www.freepik.com
ที่มา: https://www.chonklang.com
โฆษณา