23 ก.ค. 2020 เวลา 09:13 • อาหาร
โรตีดิบยังอาย แคบหมูยังถอย ทำไมคนรัสเซียกินมันหมูดิบ?
การเริ่มเลี้ยงหมูคงเป็น 1 ในก้าวที่สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของมนุษยชาติเลยนะครับ หมูเป็นสัตว์ที่กินอะไรก็ได้ตั้งแต่ขยะสดยันรากไม้ โตง่าย มีลูกดก เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมตั้งแต่โบราณยันปัจจุบัน ไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลาย ๆ วัฒนธรรมถึงมีการนำทุกส่วนของหมูมากิน ตั้งแต่หูยันกีบ โดยเฉพาะส่วนหนังและมันที่มีการเอามาทอดกินกันทั่วโลก ตั้งแต่ pork rind ของอเมริกาไล่มาถึงแคบหมูของไทย
ก็จะยกเว้นแต่ชาติแถบรัสเซียนี่แหละครับ ที่เอามันมากินดิบ ๆ
ซาโล (Salo) เป็นอาหารพื้นเมืองของกลุ่มวัฒนธรรมสลาวิค (Slavic) ที่ครอบคลุมยุโรปตะวันออกไปจนถึงรัสเซีย ทำมาจากการนำมันหมูดิบมารมควันหรือหมักเกลือผสมกับเครื่องต่าง ๆ หากทำออกมาถูกต้อง มันหมูหมักพวกนี้สามารถเก็บได้เป็นปีเลย ๆ ทีเดียว เวลานำมากินก็นำมาฝานบาง ๆ กินเย็น ๆ กับขนมปัง หัวหอม กระเทียมและตามด้วยว็อดก้า (ตามสูตรคนแถบนั้น) เป็นอาหารที่สำคัญถึงขนาดเป็นอาหารสิ้นคิดของยูเครนและอาหารที่เห็นได้ทั่วไปในประเทศแถบนั้นเลยทีเดียว
แล้วมันมีรสชาติยังไง?
จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ผมเคยกินซาโลกับเพื่อนรัสเซียสมัยเรียน ด้วยความที่รู้ว่ามันเป็นก้อนมันหมูทั้งดุ้น ผมก็หวังว่ามันจะละลายในปากง่าย ๆ เหมือนโทโร่ที่เป็นก้อนไขมันปลาเหมือนกัน (กระแดะมาก ยอมรับ) แค่มีรสหมูแทนคาวปลา ตอนเขาเอามาเสิร์ฟ ผมก็จ้วงมันเข้าปากไป หวังจะเจอระเบิดรสหมูเข้มข้นบนลิ้น...
...แต่มันไม่ละลายในปากครับ มีรสสัมผัสเหมือนกินหนังขาหมูที่แข็งเป็นก้อน มีความเหนียวหนึบแต่ไม่เด้งดึ๋งในปาก ส่วนรสชาติก็เป็นกลิ่นหมูนิด ๆ ปนรสเค็ม เหมือนกินหนังหมูมีเดียมแรร์ไม่ดิบไม่สุก เข้ากับสัมผัสของขนมปังกับรสเผ็ดของกระเทียมพอตัวเลย
สรุป ส่วนตัวผมว่ารสชาติไม่แย่ แต่ไม่ชอบรสสัมผัสมันอะ (ย้ำ #อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
แล้วซาโลสำคัญยังไง?
ก็น่าถามนะครับ ทำไมมันหมูดิบถึงกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมที่เก่าแก่อย่างชาวสลาวิคได้?
เหตุผลหลักก็คงเพราะมันเป็นแหล่งอาหารชั้นดีครับ
ซาโล 100 กรัมให้พลังงานได้มากถึง 700 กิโลแคลอรี่ซึ่งมากกว่าเนื้อวัวถึง 2 เท่า ซาโลแค่ 300 กรัมนี่ให้พลังงานพอคนคนนึงใช้ทั้งวันเลยทีเดียว นอกจากนี้ มันยังเป็นแหล่งวิตามิน A B และ D ชั้นดี วิตามินทั้ง 3 ตัวนี้มักจะมาจากผลไม้สดกับเนื้อแดง ซึ่งไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ สำหรับชาวบ้านยากจนในรัสเซียที่หนาวเหน็บ โดยเฉพาะเวลาหมดฤดูเก็บเกี่ยว บวกกับการที่มันสามารถเก็บได้ง่ายโดยไม่ต้องแช่แข็ง กินได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุงสุก มันเป็นอาหารกันตายแบบตรงตัวจริง ๆ ครับ
ที่น่าสนใจคือ มันอาจจะมีความสำคัญในบริบทของสงครามสมัยนั้นด้วย!
ยูเครนและรัสเซียยุคโบราณนั้นมีการรบพุ่งกับจักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกีในปัจุบัน) อยู่เสมอ ชาวบ้านของทั้ง 2 ฝั่งโดนลูกหลงถูกปล้นสะดมอยู่เนืองนิจ ด้วยกฏของศาสนาอิสลามที่ห้ามการรับประทานเนื้อหมู ซาโลจึงเป็นเสบียงสำคัญของชาวบ้านที่จะไม่โดนทหารมุสลิมของออตโตมันเอาไปแน่นอน เป็นหลักประกันที่พึ่งพาได้สำหรับชาวบ้านตาดำ ๆ ในแบบของมันเอง
สรุปแล้ว
แม้ฟังเผิน ๆ เรื่องฝรั่งกินมันหมูดิบจะเหมือนเป็นความรู้รอบตัวไว้อ่านเอาขำ ๆ แต่มันก็มีบริบททางวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากและชวนให้เราคิดถึงที่มาของอะไรหลายอย่างรอบตัวเราด้วย แม้การแพทย์ปัจจุบันจะไม่แนะนำให้ทานซาโลในปริมาณมาก ๆ อีกต่อไปแล้วเพราะความกังวลเรื่องแคลอรี่ แต่ก็น่าคิดเล่น ๆ นะว่าคนสมัยก่อนจำนวนไม่น้อยคงรอดจากการอดตายเพราะมันหมูหมักเย็น ๆ ก้อนนึงในใต้ถุนบ้าน
ขอบคุณครับ
ปล. ผมเคยพาเพื่อนรัสเซียคนที่พาผมไปกินซาโลคนนี้ไปกินส้มตำปลาร้ากับกุ้งแช่น้ำปลาดู ได้ผลตอบรับที่ดีมากเลยทีเดียว
โฆษณา