25 ก.ค. 2020 เวลา 02:43 • ท่องเที่ยว
Summer Iceland 2018 (4) .. รอยแยกของเปลือกโลก ที่ Thingvellir National Park
เมื่อคืนเราเข้านอนราวๆเกือบตีหนึ่ง (ราว 7 โมงเช้าของเมืองไทย) และแน่นอนค่ะ ฟ้าด้านนอกไม่มีความมืดเลย บรรยกาศสลัวเล็กน้อย .. ด้วยการเปลี่ยนแปลงสถานที่และเวลา ทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งราวตีสี่ มองออกไปนอกหน้าต่าง ว๊าวๆๆๆๆ พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เรานัดหมายกันว่าล้อหมุน 8:30 น. อาหารเช้าเริ่มให้บริการเวลา 7:00 น.
ทริปของเราจะเป็นการขับรถรอบเกาะไอซ์แลนด์ โดยเริ่มต้นจากเมืองหลวง Reykjavik ทางใต้ของไอซ์แลนด์ .. East Fjord .. ขึ้นเหนือ แล้ววนไปจนครบรอบทั้งด้านตะวันตก ก่อนจะกลับมาที่เรคยาวิกอีกครั้ง
เราขับรถออกจากเมือง และสภาพถนนในเมืองดูทันสมัย สภาพดี มองดูคล้ายกับไฮเวย์ และการขับขี่ยวดยานของคนที่นี่ค่อนข้างระมัดระวัง และปลอดภัย
พออกนอกเมืองเข้าสู่เส้นทางระหว่างเมือง ถนนลาดยางแต่เปลี่ยนเป็นถนน 2 เลนที่ไม่กว้างขวางนัก และถนนแทบจะไม่มีรถ จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นถนนที่โล่งจัดที่สุดในโลก แต่เขาก็มีการกำหนดอัตราความเร็วในการขับรถเอไว้นะคะ … จะว่าไปความที่มันโล่ง ร้างผู้คนและรถรา มันจึงน่าเหยียบคันเร่ง แทนการชลอความเร็วจริงๆนะ
การขับรถที่นี่ คงไม่ต้องกลัวหลงทาง … นอกจากการพึ่งพาเทคโนโลยีของแผนที่ดิจิตัลแล้ว ยังมีป้ายบอกทางที่มีภาษาอังกฤษเห็นได้ทั่วไป แต่อย่าไปพยายามอ่านออกเสียงเลยนะคะ บางทีถึงกับอิมพอสสิเบิ้ลที่จะออกเสียงค่ะ
ถนนของที่นี่ไม่ค่อยมีไหล่ทางให้รถจอด และเมื่อไม่มีไหล่ทาง ก็อย่าอาจหาญไปจอดนะคะ เพราะการทำผิดกฎ จะต้องเสียค่าประบจำนวนมหาศาล (จริงๆ) … ดังนั้นแม้จะเห็นดอกลูปิ้น (Lupin) บานสะพรั่งเป็นทิวแถวตามถนน เราก็ไม่สามารถเหยียบเบรครถตามใจ แล้วลงรถวิ่งไปเก็บภาพตามที่เห็นมาได้ … ต้องรอค่ะ ต้องรอ
Thingvellir National Park
อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) … อยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองเรคยาวิก เป็นสถานท่องเที่ยวที่สำคัญของไอซ์แลนด์ รวมถึงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ด้วย ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศนี้ และได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี คศ. 2004
อุทยานแห่งชาตินี้อยู่ในเขต South เป็นส่วนหนึ่งของ Golden Circle ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวหลักของประเทศนี้ เรียกได้ว่า นักท่องเที่ยวทุกคน ทุกทัวร์ต้องมาเที่ยวในเส้นทางนี้แน่นอน เป็นการเที่ยวภาคบังคับ
Golden Circle .. ประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลัก 3 แห่ง คือ รอยแยกของเปลือกโลก ที่อุทยาน ซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) … น้ำตกขนาดใหญ่ Gullfoss .. และน้ำพุร้อน Geysir แถมทะเลสาบที่ปากปล่องภูเขาไฟด้วย
… แต่อย่าเพิ่งไปคิดว่าเมื่อเที่ยว Golden Circle ครบแล้ว ก็เป็นอันหมดที่เที่ยวในไอซ์แลนด์นะคะ เพราะยังมีสถานที่เที่ยวที่ครอบคลุมพื้นที่อื่นๆ และมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น Diamond Circle .. Silver Circle .. Blue Circle เป็นต้น ที่ยังรอให้คุณไปค้นหาความประทับใจได้อีกมากค่ะ
อุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) สามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ฟรี เช่นเดียวกับอุทยานส่วนใหญ่ในไอซ์แลนด์ที่เป็นของรัฐก็เข้าฟรีค่ะ .. ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชมภูเขา น้ำตก แหล่งความร้อนใต้ภิภพ
“พี่ๆครับ จะชมรอยแยกที่จุดชมวิวอย่างเดียว หรืออบากจะเดินผ่านรอยแยกลงไปด้านล่างครับ?”
“หากจะเดินลงไป ผมจะเอารถไปจอดรับที่ด้านล่างอีกฟากเลย จะได้ไม่ต้องเดินย้อนกลับขึ้นมา” … รุตม์ถาม
ฉันอยากจะแนะนำว่า หากมาเที่ยวกันเอง และมีคนขับรถให้ ควรจะนำรถไปจอดรอด้านล่าง อย่าจอดตรงลานจอดรถด้านบนที่ใกล้กับศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว เพราะหากเดินย้อนกลับขึ้นมาจะเหนื่อยไม่เบาเชียวค่ะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเพื่อนร่วมทางเป็น สว.มาด้วย) ด้วยเป็นการเดินขึ้นเขาในระยะทางไม่น้อย …
… แต่ถ้ามาเที่ยวเอง และเดินเที่ยวด้วยกันทุกคน ก็แล้วแต่ว่าจะเลือกเดินลงก่อน แล้วเดินกลับมาที่รถ … หรือนำรถมาจอดที่ลานจอดรถด้านล่าง แล้วเดินขึ้นก่อนแล้วเดินลง
ถัดจากศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกด้วย เป็นลานกว้างยกพื้นซึ่งเป็นจุดชมวิวที่กว้างขวาง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่มาชมกันเป็นคณะใหญ่ได้อย่างสบายๆ …
ณ จุดชมวิวนี้ เราจะมองเห็นทะเลสาบ Thingvellir Lake เป็นฉากหลังอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งใครบางคนบอกว่าสามารถที่จะไปซื้อทัวร์ดำน้ำในรอยแยกของเปลือกโลกที่มีชื่อเรียกว่า Silfra ได้ที่นี่ (ควรจะจองล่วงหน้า) … แต่เราไม่ได้รวมโปรแกรมนี้ไว้ในแผนการเดินทาง การดำน้ำในลำน้ำจากกราเซียร์ที่ใสแจ๋ว แต่อุณหภูมิของน้ำที่เฉียดเลขศูนย์คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน
ฉากหน้าที่มองจากจุดชมวิว คือ ส่วนของรอยแยกของเปลือกโลก … ดูๆไปเหมือนรอยปริของพื้นนาที่แห้งแล้งของภาคอิสานบ้านฉัน เพียงแค่ที่นี่มันเป็นหินที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเท่านั้นเอง
ที่นี่ เป็นรอยแตกแยกของแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (The Mid-Atlantic Rift) อยู่ในรอยเชื่อมต่อระหว่างทวีปยูเรเซีย (รวมทวีปุโรปและเอซีย) และทวีปอเมริกาเหนือ … การเดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์แล้วเจอรอยเลื่อนในหลายๆพื้นที่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อเราเคยเห็นแต่ในข่าวทีวีเรื่องแผ่นดินแยก มีหลุมลึก ทำให้บ้านเรือนพัง หรือรถตกลงไปในหลุมเท่านั้น … การที่ได้มายืนดูรอยแยกขนาดมโหฬารแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาดังๆ (ในใจ) ว่า … อุแม่เจ้า
แต่ยังก่อนค่ะ นี่แค่มองเห็นจากด้านบน ยังมีเด็ดๆกว่านี้อีก .. เราจะเดินเย้ยฟ้าท้าดิน ผ่านรอยแยกพวกนี้กัน … แล้วจะรู้สึกเหมือนโดนธรณีสูบมั๊ยนี่?
เรากำลังเดินอยู่ในระหว่างรอยแยกของเปลือกโลก ในที่สถานที่เห็นได้ง่ายและชัดเจนที่สุดในไอซ์แลนด์ แม้ว่ารอยแยกแบบนี้จะมีอยู่หลายแห่ง แค่เทียบไม่ได้กับที่นี่แน่นอน…
แผ่นเปลือกโลกทั้งสองทวีปที่แยกจากกัน ยกตัวสูงเป็นหน้าผาขนาดสูงนับสิบเมตร ขนาบกับช่องที่เป็นทางเดินลักษณะเหมือนรอยเลื้อยของงูยักษ์ทั้งสองข้าง … ในช่วงหน้าร้อนและมีฝนตกแบบนี้ เกิดมีดอกไม้ดินสีสวยๆขึ้นคลุมหน้าดินตลอดทางเดิน จึงเป็นรอยงูเลื้อยที่เปี่ยมเสน่ห์ เล่นเอาเราต้องหยุดเก็บภาพงามอยู่ทุกบ่อยเลยค่ะ
เดินมาได้สักครึ่งทาง เราเลี้ยวเข้าไปด้านขวามือ ซึ่งมีบันไดให้ก้าวเท้าไปด้านบน …
จากจุดนี้ สามารถมองเห็นทะเลสาบ Thingvellir Lake อันเป็นทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ อยู่ใกล้กับคาบสมุทรเรก-ยาเนส และภูเขาไฟ Hengill .. มองเห็นโรงงานผลิตไฟฟ้าขนาดย่อมจากแรงน้ำอยู่ด้วย (น่าจะใช่นะ)
บริเวณนี้ เป็นจุดกำเนิดด้านประวัติศาสตร์และทางด้านธรณีวิทยา ด้วยเหตุที่เป็นจุดที่มีรอยเลื่อนของเปลือกโลกเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร แม้ในปัจจุบันก็ยังมีการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันอยู่ตลอดเวลา กว้างขึ้นทุกปี
เดินลงมาเรื่อยๆตามหุบผา … มีลำธารน้ำตก และมีป้ายอธิบายเรื่องความเป็นมาและความสำคัญในส่วนของประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ … สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นสภาแห่งแรกของไอซ์แลนด์ โดยรัฐสภาได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ คศ. 930 และต่อเนื่องมาจนถึงปี คศ.1789
ฉันพยายามมองพื้นที่และภาพวาดอาคารสถานที่ที่มีป้ายแสดงให้เห็น แล้วเหลียวกลับมาดูสภาพของพื้นที่ในปัจจุบัน พร้อมกับพยายามนโนบวกจินตนาการว่าเสา อาคาร และสิ่งก่อสร้างมันอู่ตรงไหนกันบ้าง … แต่ฉันไม่ใช่นักโบราณคดี ดูไม่ค่อยออกว่าที่ไหนเป็นอะไร … แป๊กจริงๆค่ะ วาดภาพไม่ออกเอาซะเลย
เราออกจากเขตยอดนิยมของการมาดูรอยแยกของเปลือกโลก … แต่เรามีโอกาสแวะดูรอยแยกที่อยู่ใกล้กัน คาดคะเนเอาว่าคงเป็นรอยแยกเดียวกัน แต่คนละส่วนเท่านั้น สวยดีค่ะ
ก่อนออกมาและเดินทางต่อ … เราแวะไปถ่ายรูปบ้นหลังเล็กๆบนเนิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับบ้านฮ๊อปบิดที่เราเห็นในประเทศนิวซีแลนด์…
สีเขียวของหญ้าธรรมชาติที่ขึ้นคลุมตัวบ้าน ตลอดไปจนหลังคา ทำให้ดูแปลกตา บ้านแบบนี้เรียก Turf ค่ะ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา