28 ก.ค. 2020 เวลา 23:01 • ท่องเที่ยว
อัปสรา ที่ ปราสาทบันทายสรี : โมนาลิซ่าแห่งเอเซีย
“บ๊อนเตียซเร็ย” หรือบันทายสรี ในภาษาไทย มีความหมายว่าเทวาลัยแห่งสตรี หรือเทวาลัยที่อ่อนช้อยราวสตรี ปราสาทแห่งนี้มีชื่อตามจารึกว่า “ตรีภูวนมเหศวร”
บันทายสรีเป็นปราสาทเก่าแก่ก่อนยุคนครวัด แต่งดงามที่สุดในบรรดาปราสาทหินทั้งหลายของอาณาจักรขอมโบราณ ... แต่วันนี้จะขอแค่พูดถึง ภาพสลักหินของบรรดานางอัปสรา ที่ปราสาทแห่งนี้ก่อนค่ะ
ประตู ปรางค์องค์เหนือ และปรางค์องค์ใต้ .. ที่ข้างกรอบประตูมีรูปนางอัปสรายืนอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว เป็นศิลปะแบบบ็อนเตียซเร็ย ซึ่งนิยมให้อัปสราและทวารบาลยืนในซุ้มเรือนแก้ว
รูปสลักแกะได้ลึกจนเกือบจะเป็นลอยตัว ตกแต่งลวดลายละเอียด วิจิตรบรรจง โดยเฉพาะอัปสราที่อยู่ตรงประตูทิศตะวันออกของปรางค์องค์ใต้ ลักษณะน่าชมมาก เนื้อตัวอ้อนแอ้น แต่อวบอิ่ม ประดับด้วยเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ดูสวยงามมากๆ จนได้รับสมญาว่า “โมนาลิซ่าแห่งเอเซีย” และเป็นศิลปวัตถุที่ อ๊องเดร มลโรซ์ ขโมยไปจากบันทายสรี แต่ไปไม่รอดถูกจับได้เสียก่อน
นางอัปสรยืนอยู่ในท่าที่ชวนมอง เอียงสะโพกเล็กน้อย ทรงผมเกล้าไว้เรียบๆ ประดับด้วยศิราภรณ์เล็กน้อย มีต่างหูประดับฝีมือประณีต ตุ้มหูคล้ายพวงอุบะ หรือมาลัย ยาวเสมอไหล่ เอียงคอเล็กน้อย มือจับจีบดอกบัว ใส่กำไลทั้งมือและเท้า สวมผ้ามีกระเปาะจีบอยู่ด้านหน้า รอบๆสะโพกมีลายคล้ายดวงดอกไม้ ดูแล้วเป็นธรรมชาติมาก ..
ไม่ว่าจะมองผ่านหรือมองพิศ ประทับใจมากค่ะ เป็นความรู้สึกปิติเช่นเดียวกับเมื่อมองดูรูปสลักของหนุ่มน้อยเดวิด ฝีมือของไมเคิลแองเจโล
รูปสลักในอีกมุมหนึ่งของปรางค์ปราสาท ... งดงามด้วยฝีมือการสลักหินเช้งช่างชั้นบรมครู
ทวาลบาลรูปอมนุษย์ .. เหนือบันไดขึ้นปรางค์ทั้งสามองค์ มีทวารบาลแกะรูปลอยตัวนั่งคุกเข้าข้างหนึ่งเฝ้าอยู่สองข้างประตู มีตัวเป็นมนุษย์ แต่หัวเป็นอสูร วานร ครุฑ และสิงห์
ปรางค์องค์เหนือเป็นทวารบาลหัวครุฑ สันนิษฐานว่าเป็นปรางค์ของพระวิษณุ ส่วนปรางค์องค์ใต้มีทวารบาลหัวสิงห์ ปรางค์องค์นี้จึงน่าจะเป็นของนางทุรคา …
ทวารบาลรูปอมนุษย์นี้ถูกขโมยไปเกือบหมด ที่เหลืออยู่ใสนพิพิธภัณฑ์ที่กรุงพนมเปญ ส่วนรูปที่ตั้งอยู่ในปัจจุบันเป็นของจำลอง
หน้าบันทิศตะวันตกเป็นภาพกามเทพแผลงศร เพื่อให้พระศิวะหันมาสนใจพระอุมา ... อยากจะพูดถึงในวันนี้ค่ะ ส่วนเรื่องราวที่สลักบนหน้าบันของปรางค์องค์อื่นๆจะเล่าวันหลัง หากมีความสนใจค่ะ
ประติมากรรมพระศิวะประทับนั่งบนเขา กำลังประทานสร้อยไข่มุกให้แก่พระอุมา ด้านข้างปรากฏพระกามเทพกำลังโก่งโค้งคันธนูใส่พระศิวะ
ในขณะที่พระศิวะได้บำเพ็ญตบะบนยอดเขาไกรลาศ พระนางสตีก็ได้กลับมาเกิดใหม่เป็นพระอุมา ฝ่ายพระพรหมจึงส่งพระกามเทพเพื่อไปแผลงศรแก่พระศิวะซึ่งพระกามเทพลูกศรและคันธนูคู่กาย หากยิงลูกศรให้ผู้ใด เมื่อผู้นั้นลืมตา ก็จะหลงรักสิ่งที่เห็นสิ่งแรกในทันที โดยเชิญพระแม่อุมาให้มาร่ายรำ เมื่อพระศิวะถูกแผลงศรและลืมตาเห็นพระแม่อุมา ก็ได้ตกหลุมรักในทันใด แต่ด้วยพระศิวะนั้นมีพระเนตรที่ 3 ซึ่งใช้เพื่อทำลายล้าง องค์กามเทพจึงสลายสิ้นชีพ
ความงดงามของภาพจำหลักหินที่วิจิตรงดงาม ทำให้เกิดการลักลอบขโมยวัตถุโบราณออกไปจากบันทายสรีกันในอดีต บางส่วนที่ถูกจับได้ ถูกจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ที่พนมเปญ นอกจากนี้ส่วนหนึ่งยังถูกฝรั่งเศสยึดไปเป็นสมบัติของตนเอง เมื่อครั้งที่เดินทางเข้ามาบูรณะซ่อมแซมปราสาท โดยส่วนใหญ่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์กีเมย์ ดูแล้วคล้ายๆกับกรณี “นารายณ์บรรทมสินธ์” ของไทย
เหตุการณืที่เกิดกับบันทายสรีนั้น ธีรภาพ โลหิตกุล นักเขียนสารคดีชื่อดัง ได้เปรียบเปรยเอาไว้ในหนังสือ “ชายชรากับบ่วงกรรมและคำสาป นครวัด นครธม” ว่า ... หากปราสาทบันทายสรีเป็นเด็กสาว ก็เป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา ผิวกายละเอียดเนียนไร้นรอยตำหนิ เลือดฝาดขับความเปล่งปลั่งที่พวงแก้มสีชมพูสด ดวงตาเป็นประกายใสซื่อ ปากนิด จมูกหน่อย น่าทะนุถนอม .. ทว่า .. เธอมีปูมหลังอันปวดร้าวด้วยเคยถูกข่มขืน !!
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา