31 ก.ค. 2020 เวลา 10:17 • ธุรกิจ
Louis Vuitton - ทำไมแบรนด์ที่มีอายุรุ่นคุณทวด 166 ปี ถึงได้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ ?
ต้องบอกว่าเสน่ห์ของแบรนด์เนมหรูเหล่านี้คือการที่ลูกค้าแวะเวียนมาเลือกซื้อสินค้าที่ร้านในห้างเนอะ เพราะคุณภาพสินค้าคือจุดขาย
แต่ปัจจุบันนี้ Online shopping ก็เข้ามามีบทบาทมากจริงๆ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่
แต่อย่างไรก็ตามกระเป๋าแบรนด์ราคาแพงอย่าง Louis Vuitton ก็ยังสามารถทำให้คนยุคใหม่รวมถึงวัยรุ่นกันมาสนใจและจับจ่ายได้
ในขณะที่แบรนด์สมัยใหม่อย่าง Forever21 ที่ต้องยื่นล้มละลายในอเมริกา ก็เพราะเกิดมาจากการมีหน้าร้าน (Physical store) ที่เยอะเกินไป และ กลยุทธ์ออนไลน์ก็ยังไม่เด่นชัด (แต่ในไทยไม่ได้ล้มนะจ้า ไม่เกี่ยวกัน)
ในบทความนี้เราจะพาเพื่อนๆมาย่อยเรื่องราวสนุกๆเกี่ยวกับการตลาดของ Louis Vuitton กันว่าทำไมเค้าถึงทำได้ ?
Bernard Arnault, BILLIONAIRES อันดับที่ 3 !
- Bernard คือทุกสิ่งทุกอย่างของ Louis Vuitton มาเกือบ 30 ปี (อ้อ เค้าคือ CEO น่ะเพื่อนๆ)
- คุณลุง Bernard ไม่ได้ดูแลแค่ Louis Vuitton นะ แต่คุณลุงเค้ามีเกือบอีก 70 แบรนด์ในอาณาจักรของเค้ารวมถึง Sephora ที่เราคุ้นเคยกันอย่างดีด้วยล่ะ
- ในทุกๆวันเสาร์ ลุง Bernard จะออกไปช้อปปิ้งประมาณ 25 ร้าน รวมถึงร้านของคู่แข่งและของตัวเอง คือคุณลุงเค้าไม่ได้ช้อปนะ แต่เค้าไปสำรวจตลาดหน้างานตะหากละ
- คุณลุงยังบอกว่า เค้าเห็นตัวเค้าเองเป็นเหมือนกับตัวแทนของฝรั่งเศสในเรื่องของการถ่ายทอดอารยธรรมสู่สินค้า ซึ่งจะแสดงให้เห็นตั้งแต่ Versailles ไปยัน Marie Antoinette เลย
https://www.forbes.com/real-time-billionaires/#54ed3f43d788
ทำไมถึงต้องเกริ่นเกร็ดเกี่ยวกับคุณลุง Bernard ใช่ไหมเพื่อนๆ ?
- ก็เพราะกลยุทธ์การวางแผนแบรนด์ต่างๆ ก็ผ่านคุณลุง Bernard เค้ามาทั้งนั้นเลยละ
- เพราะงั้นถ้าเรารู้เรื่องของเค้าเพิ่มมานิดนึงน่าจะทำให้เข้าถึงหัวข้อนี้ได้ง่ายขึ้น
ออกนอกกรอบ Comfort Zone ด้วยวิธี Partner Collaborations
- ตรงตามชื่อเลย คำว่า ออกนอกกรอบ Louis Vuitton เค้าฉลาดมากในการที่จะเลือกไปร่วมงานคู่กับ Partner จาก industry อื่นๆ (ที่ไม่ใช่แบรนด์เนมกระเป๋าหรือเสื้อผ้า)
- แต่ขอแอบเล่านิดนึง มีเพียงแค่ Marc Jacobs และ Supreme ที่ Louis Vuitton เลือกที่จะเข้าไปทำพันธมิตรด้วย เพราะว่า Designer ของพวกเค้าเนี่ยมีความ Unique มาก
- ในปี 2016 ได้มีการ Partner กับ Final Fantasy XIII เกมส์ชื่อดัง
เราว่าค่อนข้างล้ำมาก เพราะมีการใช้ตัวละครอย่าง Lightning ออกมาถือกระเป๋ารุ่น Series Four Spring/Summer collection 2016 ซึ่งแน่นอนว่าสร้างความฮือฮามากๆๆกับแฟนของเกมส์ Final Fantasy ถึงแม้จะเป็นตลาดที่ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ Louis Vuittonเค้าเพียงแค่ต้องการสื่อให้รู้ว่า พวกเค้านั้นนำหน้า และแตกต่างจากแบรนด์เนมอื่นๆ
ตามไปดูกันได้ที่ลิ้งนี้น้า - https://www.youtube.com/watch?time_continue=23&v=HxCr4q1lUa0&feature=emb_title
- ในปี 2019 Louis Vuitton ได้เลือกที่จะเป็น Sponsor กับเกมส์ชื่อดังอย่าง League of Legends (LOL) กับค่าย Riot games ในการแข่งขัน AWC
https://eu.louisvuitton.com/eng-e1/articles/louis-vuitton-announces-league-of-legends-partnership
- และไม่เพียงแค่กับ LOL เท่านั้น Louis Vuitton ยังได้ AAA games และสร้างกล่องใส่ถ้วยรางวัลของ the NBA มาด้วย
- ไหนๆก็จะออกมาขนาดนี้แล้ว Louis Vuitton เลยจัดการซื้อแบรนด์ Jewelry อย่าง Tiffany & CO ด้วยซะเลย
กระเป๋าทุกใบมีเรื่องราวของเค้าเอง (every Bag has a story)
- ต่อให้จะเป็นกระเป๋ารุ่นใหม่ๆที่ออกมาฉีกจากแนว classic ก็ยังมีเรื่องราว
เรื่องราวของกระเป๋าที่ Louis Vuitton ต้องการ present ไม่ใช่พวกประวัติแบรนด์น้าาเพื่อนๆ แต่เป็น ที่มาของส่วนประกอบของกระเป๋ารุ่นนี้
- ต้องผลิตยากเท่าใดกว่าจะได้ใบนี้ออกมา และรวมถึง ทำไมกระเป๋าใบนี้รุ่นนี้ถึงได้มีความ Unique
- ตัวอย่างที่ดีของ Alma Bag
- มองผิวเผิน เจ้า Alma Bag รุ่นนี้ก็เหมือนกระเป๋าหนังราคาแพงทั่วไปเนอะ
- แต่สิ่งที่ Louis Vuitton เค้าสื่อเจ้าเรื่องราวของกระเป๋าใบนี้ออกมาคือ ในปี 1920 เนี่ย 1 ใน ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Chanel, อย่าง Coco Chanel ได้สั่งทำกระเป๋ารุ่นพิเศษนี้ออกมา
- เลยทำให้ลูกค้าเนี่ยมีความรู้สึกว่า อย่างน้อยกระเป๋าใบนี้ก็มีความเป็นมาที่เกี่ยวกับ Coco Chanel (ก็คือได้ลูกค้าจำนวนหนึ่งของ Chanel มาด้วย)
- และสิ่งที่ Louis Vuitton ทำได้เจ๋งกว่านี้คือ เค้าได้ใช้กลยุทธ์ของเจ้า Story นี้ละ ที่มาส่งเสริมให้แบรนด์หน้าร้านของเค้าเนี่ยมีความน่าสนใจมากขึ้น
- Louis Vuitton ได้ทำการเทรนนิ่งเจ้าหน้าที่ขายกระเป๋าในทุกๆรุ่นว่าจะต้องถ่ายทอดเรื่องราว เกี่ยวกับกระเป๋าในระหว่างการขาย และลูกค้าจะได้รับรู้เรื่องจากสุดพิเศษเหล่านี้จากพนักงานขายของเค้าเท่านั้น (ซึ่งมากกว่าใน Internet แน่นอน)
1
ประสบการณ์การเดินเลือกซื้อกระเป๋าหน้าร้าน สำหรับคนยุค Millennial และ Gen Z
- Louis Vuitton ยังคงต้องเดินหน้าทำให้การเลือกซื้อกระเป๋าหน้าร้านเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น แล้ว....เค้าจะทำยังไงละ ?
- ถ้าเรามามองลูกค้าขาประจำ Online Shopping ก็จะพบว่าพวกเค้าส่วนใหญ่คือ Millennial และ Gen Z
- แล้วสิ่งที่พวกเค้าชอบคืออะไรนะ ? ติ้กต่อกๆๆ ..
อ้ออ คือ ความสนุก คือการถ่ายรูป และ Social connection !
1
- คิดได้แบบนี้ Louis Vuitton ก็เลยต้องมีการจัดวางร้านซะใหม่โดยทำให้หน้าร้านของพวกเค้าสามารถเล่าเรื่องราว โดยที่ ทั้ง 2 generations สามารถเลือกมุมถ่ายรูปชิคๆได้เลยละ (แต่ถ้าถ่ายรูปแบบยืนหยิบกระเป๋ามานี่ ไม่ได้นะจ้าาาา โดนด่านะเพื่อนๆ เค้าให้ถ่ายกับ design ภายในร้านเด้อ)
- และด้วยกลยุทธ์นี้ ทำให้พวกเค้าสามารถได้ Word of mouth จากกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ รวมถึงลูกค้าที่มาซื้อกระเป๋าจาก Louis Vuitton ไป ก็จะไม่มีวันลืมประสบการณ์การซื้อ
- Louis Vuitton บอกว่า เวลาคุณซื้อกระเป๋าใบนึงไป คุณก็จะมีความสุขกับแค่กระเป๋ษ แต่คุณคงจะลืมไปซะแล้ว ว่าซื้อมาจากที่ไหน และอย่างไร ?
แต่สำหรับ Louis Vuitton คุณจะจำประสบการณ์การซื้อกระเป๋าและสถานที่ในความทรงจำคุณทุกครั้งที่มองเห็นกระเป๋าเลยละ !
1
at London Bond's Street
at London Bond's Street
at London Bond's Street
งั้น ตอนท้ายนี้เราขอสรุปข้อคิดของเราเหมือนเดิมม
1. Louis Vuitton ไม่ได้เน้นการตลาดในโลกของ Online มาก แต่เน้นไปที่ว่าทำอย่างไรให้คนที่ Shop Online หันมาซื้อหน้าร้านแทน
2. เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า ถ้าเราอยากได้กลุ่มตลาดที่เป็น คนรุ่นใหม่ หรืบุกตลาด online เนี่ย เราต้องเดินเกมส์นอกกรอบให้เป็น ส่วนตัวเราว่ายากมากนะ เนื่องด้วยราคาแบรนด์ที่ค่อนข้างสูง แต่อย่างน้อยที่สุด LV ก็ทำให้เราได้เห็นว่าพวกเค้าต้องการจะขยายตลาด และผลสุดท้ายคือสามารถเข้าไปอยู่ใร dream wishlist ของเหล่าคนรุ่นใหม่ได้เลย
3. การเล่นกับเรื่องราว ไม่ได้เล่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เพิ่มมูลค่าให้กับจิตใจ และความภาคภูมิใจของผู้เป็นเจ้าของกระเป๋าด้วยเช่นกัน
ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านกันจนจบน้าาา เราว่าความยาวไม่แพ้กับตอนของ Nestle เท่าไรเลย 5555
หวังว่าเพื่อนๆคงได้ประโยชน์จากการอ่านบทความของเราเหมือนเดิม ^^
โฆษณา