1 ส.ค. 2020 เวลา 02:20 • กีฬา
นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 ปิดฉากลงไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เรื่องที่ผมยังไม่ได้เขียนถึงก็คือทีมยอดเยี่ยมประจำซีซั่นในสายตาของผม มันควรมีใครกันบ้าง
1
มันอาจจะเป็น Content ที่ซ้ำกับหลายๆ เพจ และสื่อหลายๆ เจ้า แต่การจัดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลถือเป็นโอกาสพิเศษ ที่ผมไม่อยากจะปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ
1
เท่ากับว่าผมขอถือโอกาสจัด 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดประจำศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งจบลงไปมาให้พิจารณากันตรงนี้เลยนะครับ ว่าผมเลือกใครมาติดทีมกันบ้าง และด้วยเหตุผลอะไร ในระบบยอดฮิตอย่าง 4-3-3
แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล ซึ่งคว้าแชมป์ก่อนจบฤดูกาลถึง 7 นัด แถมทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดถึง 18 แต้ม สมควรมีผู้เล่นติดทีมของผมมากที่สุด แต่มันก็มีนักเตะอีกหลายๆ คนที่โดดเด่น ซึ่งผมคิดว่า 11 คนที่ผมจัดมาติดทีม น่าจะตรงใจใครหลายๆ คนแน่นอน
ผู้รักษาประตู : นิค โป๊ป (เบิร์นลี่ย์)
นี่คือนายทวารที่ผลงานดีที่สุดแล้วหากเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ เมื่อเก็บคลีนชีตมากถึง 15 นัด รองจาก เอแดร์ซอน โมราเอส ของ แมนฯ ซิตี้ ที่ทำได้ 16 นัดเพียงคนเดียว
นายด่านทีมชาติอังกฤษลงสนามแบบเต็มเกมครบทุกนัด ทุกนาทีในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และทำสถิติเซฟมากถึง 120 ครั้ง โดยเซฟสำเร็จถึง 70.59%
ในจำนวนนั้นมีจังหวะเซฟลูกจุดโทษจาก เจมี่ วาร์ดี้ ช่วยให้ทีมพลิกแซงชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ได้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ซึ่งชัยชนะของ เบิร์นลี่ย์ ในวันนั้น คือจุดเริ่มต้นของช่วงผลงานยอดเยี่ยม แพ้แค่ 2 นัดจาก 16 เกมสุดท้ายของฤดูกาล จนทีมจบอันดับครึ่งบนของตารางได้สำเร็จ
แบ็กขวา : เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล)
ใกล้เคียงกับการเป็นแบ็กขวาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกมากขึ้นทุกที เพราะยกระดับการเล่นจากฤดูกาลก่อนขึ้นมาอีก ทั้งเรื่องการรักษาความฟิต, การแอสซิสต์ และจำนวนประตู
ย้อนไปซีซั่นก่อน เทรนท์ ทำลายสถิติการเป็นกองหลังที่แอสซิสต์มากที่สุดในการลงเล่นลีกสูงสุดอังกฤษ 1 ฤดูกาลด้วยจำนวน 12 ครั้ง
มาซีซั่นนี้ เขาทำแอสซิสต์ได้ถึง 13 ครั้ง ถือเป็นการสร้างมาตรฐานสูงสุดขึ้นมาใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังทำประตูได้มากขึ้นจาก 1 ลูก กลายเป็น 4 ประตูในฤดูกาลนี้ โดยเห็นได้ชัดว่ามีลูกฟรีคิกระยะหวังผลที่อันตรายกว่าเดิม
1
นอกจากนั้นแล้ว เจ้าหนูวัย 21 ปีรายนี้ ยังมีส่วนร่วมกับเกมในพรีเมียร์ลีกครบทั้ง 38 นัด โดยลงตัวจริงไป 35 นัด ตัวสำรองอีก 3 เกม แถมยังครองสถิติเป็นผู้เล่นที่ครอสบอลมากที่สุดในฤดูกาล ด้วยผลงาน 382 ครั้งอีกด้วย
เซนเตอร์แบ็ก : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)
แม้ฤดูกาลนี้ ฟอร์มส่วนตัวของปราการหลังจอมแกร่งกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์จะดร็อปลงจากฤดูกาลที่แล้วที่มีลุ้นคว้า บัลลง ดอร์ ไปเล็กน้อย เพราะจากที่ไม่เคยโดนใครเลี้ยงผ่านเมื่อซีซั่นก่อนเลยสักครั้ง กลับกลายเป็นว่าซีซั่นล่าสุดโดนเลี้ยงผ่านไปถึง 7 หน
แต่ถึงอย่างนั้น เรายังพูดได้เต็มปากว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังเป็นเซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบันอยู่ดี
ฟาน ไดค์ คือนักเตะหงส์แดงเพียงคนเดียว ที่ลงเล่นครบทั้ง 3,420 นาทีในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 ถือเป็นคนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ขาดไม่ได้เป็นที่สุดตัวจริงเสียงจริง
2
ฟาน ไดค์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตตลอดฤดูกาลได้ถึง 15 นัด และยังเติมขึ้นไปทำประตูช่วยทีมอีกถึง 5 ลูก และครองสถิตินักเตะที่ผ่านบอลมากที่สุดในซีซั่นที่เพิ่งจบลงไป (3,259 ครั้ง) บ่งบอกให้เห็นถึงการเป็นเซนเตอร์แบ็กที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งยุค
เซนเตอร์แบ็ก : แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
หากไม่นับ 2 ทีมที่ดีที่สุดในลีกอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าทีมปีศาจแดงมีเกมรับที่ดีกว่าใครๆ เมื่อเสียไปแค่ 36 ประตู โดยเก็บคลีนชีตมากถึง 13 นัด
ซึ่งปราการหลังเพียงคนเดียวที่มีส่วนร่วมกับเกมในพรีเมียร์ลีกทุกนัดทุกนาทีให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาลที่ผ่านมา ก็คือ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ผู้นี้ โดยเขาคือนักเตะเอาต์ฟิลด์คนแรกในรอบ 25 ปีของสโมสร ที่ลงสนามในลีกครบทุกนาทีใน 1 ซีซั่นต่อจาก แกรี่ พัลลิสเตอร์ ในฤดูกาล 1994-95
1
สถิติที่ว่าแสดงให้เห็นถึงสภาพร่างกายที่พร้อมลงเป็นตัวหลักให้ผีแดงตลอด และนั่นคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับปลอกแขนกัปตันทีม ทั้งที่เพิ่งย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ เข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพียงปีเดียว
แม้ในบางนัดอาจจะมีช็อตผิดพลาดให้เห็น แต่ผลงานโดยรวมถือว่าเขาคือเซนเตอร์ที่ดีที่สุดของทีม นับตั้งแต่หมดยุคของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช เลยก็ว่าได้
ความโดดเด่นของ แม็กไกวร์ อยู่ที่การเคลียร์ลูกกลางอากาศได้อย่างเด็ดขาด เขาสามารถโหม่งเคลียร์บอลทิ้งถึง 94 ครั้ง มากกว่ากองหลังทุกคนในบรรดาทีม 8 อันดับแรกของตาราง และยังเป็นกองหลังที่ผ่านบอลมากเป็นอันดับ 2 รองจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เพียงคนเดียวอีกด้วย
แบ็กซ้าย : แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ลิเวอร์พูล)
ไม่เพียงแต่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะยกระดับการเล่นขึ้นมาจากฟอร์มสุดยอดเมื่อฤดูกาลที่แล้วให้ดีขึ้นไปอีกในซีซั่นนี้เท่านั้น แต่กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์คนปัจจุบัน ก็เป็นอีกคนที่ทำผลงานพีคขึ้นจากฤดูกาลก่อนเช่นกัน
โรเบิร์ตสัน เพิ่มจำนวนแอสซิสต์จาก 11 ลูกเมื่อซีซั่นก่อน กลายเป็น 12 ลูกในฤดูกาลนี้ และอัพเกรดสกิลในการเติมขึ้นไปโหม่งทำประตู โดยสามารถทำได้ในเกมบุกชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 ช่วงต้นซีซั่น ตามด้วยเกมช่วงท้ายๆ ที่เปิดบ้านเสมอ เบิร์นลี่ย์ 1-1
ด้วยวัยเพียง 26 ปี ถือว่าอดีตดาวเตะ ฮัลล์ ซิตี้ รายนี้ พร้อมเป็นตัวหลักในถิ่นแอนฟิลด์ไปอีกอย่างน้อย 5 ปีได้เลย และไม่แน่ว่าเขาอาจกลายเป็นกัปตันของสโมสรในอนาคตอีกด้วย
.
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ไม่มีคนนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียมคือนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ (33 ลูก) แบ่งเป็นการยิงเอง 13 ประตู ทำแอสซิสต์อีก 20 ครั้ง และนี่คือนักเตะที่มีคะแนนมากที่สุดในเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2019-20
การจ่ายให้เพื่อนยิงได้ถึง 20 ลูก ทำให้ เดอ บรอยน์ ทาบสถิติของ เธียร์รี่ อองรี เมื่อฤดูกาล 2002-03 ในการเป็นผู้เล่นที่แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก 1 ซีซั่น และถือเป็นฟอร์มส่วนตัวที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา ยิ่งกว่าตอนที่ยิง 10 แอสซิสต์ 20 ในบุนเดสลีกาฤดูกาล 2014-15 สมัยที่ยังเล่นให้ โวล์ฟสบวร์ก อีกด้วย
ถึงแม้ว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไป เพราะมีคะแนนเป็นรอง ลิเวอร์พูล แบบสู้ไม่ได้ แต่ในแง่ของผลงานส่วนตัวแล้ว ต้องบอกเลยว่าสตาร์วัย 29 ปีรายนี้ ไม่เป็นรองใครเลยทั้งนั้น
กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล)
นี่คือเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากการโหวตให้ของสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) ซึ่งจริงๆ แล้ว “เฮนโด้” มีอะไรพิเศษที่มากกว่าแค่การเป็นกัปตันทีมหงส์แดงคนแรกในรอบ 30 ปี ที่ได้ชูถ้วยแชมป์ลีกสูงสุด
ฤดูกาล 2019-20 นอกจากจะเป็นซีซั่นที่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษพา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้แล้ว มันยังเป็นฤดูกาลที่เขาทำผลงานในลีกได้ดีที่สุด ในยุคที่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นกุนซือ
อดีตดาวรุ่งซันเดอร์แลนด์ ทำผลงานยิงในลีกซีซั่นนี้ได้ 4 ประตู และแอสซิสต์อีก 5 ลูกด้วยกัน แถมเป็นนักเตะที่ทำงานหนัก จนครองสถิติเข้าปะทะสำเร็จมากเป็นอันดับ 1 ของทีม (63 ครั้ง)
ว่ากันว่าการที่เขาเจ็บแฮมสตริงจนอดช่วยทีมในเกมบุกเยือน วัตฟอร์ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมต้องโดยหยุดความหวังทำสถิติไร้พ่ายไปอย่างน่าเสียดาย
ซึ่งตอนนี้มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือกองกลางที่สำคัญที่สุดแล้วในการขับเคลื่อนเกมให้กับ ลิเวอร์พูล
กองกลาง : บรูโน่ แฟร์นันเดส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
แม้จะลงเล่นไม่เต็มซีซั่น แต่ไม่มีใครเถียงสักคนแน่ ว่านี่คือนักเตะคนสำคัญที่สุดที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์จากการตามหลังพื้นที่ท็อปโฟร์ถึง 6 แต้มเมื่อปลายเดือนมกราคม กลับมาแซงหน้า เชลซี และ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าอันดับ 3 พร้อมตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบน่าปรบมือให้
คงไม่ผิดนัก ถ้าจะบอกว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อาจโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจให้หลุดจากตำแหน่งกุนซือไปแล้ว หากไม่ได้เพลย์เมกเกอร์คนเก่งรายนี้มาเป็นลูกทีม
ทีมปีศาจแดงไม่เคยแพ้ใครในพรีเมียร์ลีก ตลอดทั้ง 14 เกมที่ บรูโน่ ลงตัวจริง (ชนะ 9 เสมอ 5) โดยกวาดไปถึง 32 แต้ม ซึ่งหากนับตั้งแต่เกมแรกที่ดาวเตะเจ้าของเสื้อเบอร์ 18 รายนี้ประเดิมสนาม ไม่มีทีมไหนที่ทำคะแนนในลีกได้มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เลย
หากนับตั้งแต่ออกสตาร์ทเดือนกุมภาพันธ์ สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสยังเป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับประตูโดยตรงมากที่สุด (15 ลูก) จากการยิง 8 แอสซิสต์ 7
แม้ประตูส่วนใหญ่จะเป็นลูกจุดโทษ แต่เขาก็มีความชัวร์ในการสังหารเข้าเป้าแบบ 100% ตั้งแต่ย้ายจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน เข้ามาเล่นในแดนผู้ดี และเป็นคนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดนี้ “ขาดไม่ได้” อย่างแท้จริง
.
กองหน้าฝั่งขวา : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการได้ประตูมากที่สุดของ ลิเวอร์พูล เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน โดยซีซั่นนี้ยิงไป 19 ลูก แอสซิสต์อีก 10 ครั้ง
น่าเสียดายเล็กน้อยตรงที่ดาวเตะทีมชาติอียิปต์พลาดโอกาสทำสถิติซัดได้ 20 ประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 3 ฤดูกาลซ้อนๆ
สถิติที่น่าสนใจก็คือ ทั้ง 15 นัดที่ ซาลาห์ ยิงได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ล้วนเป็นเกมที่ทีมหงส์แดงเก็บ 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ
ส่วนผลงานทำได้ 10 แอสซิสต์ ทำให้อดีตดาวดังโรม่ารายนี้ จ่ายให้เพื่อนยิงได้น้อยกว่า เควิน เดอ บรอยน์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เพียง 3 คนเท่านั้น
กองหน้าตัวเป้า : เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์ ซิตี้)
ในวัย 33 ปี อดีตหนุ่มโรงงานสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในชีวิต
และแม้จะมีช่วงที่ปืนฝืดอย่างหนัก แต่ตลอดเวลาเกือบทั้งซีซั่น ไม่มีใครแซงเขาขึ้นรั้งอันดับ 1 บนชาร์ทดาวซัลโวได้เลย
ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก วาร์ดี้ ระเบิดฟอร์มร้อนแรงจนพา เลสเตอร์ ติดลมบนจนถึงขั้นแอบหวังลุ้นเบียด ลิเวอร์พูล แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างเกมนัดที่ 9-16 ที่ทำสถิติซัดได้ 8 นัดติดต่อกัน และช่วยให้ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ชนะทุกนัดในช่วงนั้น
จากทั้งหมด 35 นัดที่อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษลงสนามในลีกฤดูกาลนี้ มีถึง 16 นัดที่เขาทำประตูได้ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการช่วยให้ เลสเตอร์ คว้าชัยชนะได้ถึง 13 ครั้ง
ถ้าจะบอกว่า วาร์ดี้ คือผู้เล่นคนสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมจิ้งจอกสยามกลับไปสู่พื้นที่ไปเล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้งในรอบ 4 ปีก็คงไม่ผิดเลย
กองหน้าฝั่งซ้าย : ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)
ตำแหน่งนี้ถือว่ารักพี่เสียดายน้อง เพราะมีหลายคนที่โชว์ฟอร์มเข้าตากรรมการ
ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ยิงให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปถึง 20 ประตูแถมทำแฮตทริกได้ถึง 2 ครั้ง
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ดาวยิงกัปตันทีม อาร์เซน่อล ที่คว้ารองดาวซัลโวด้วยผลงานซัด 22 เม็ด
รวมไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาเป็นตัวความหวังของสโมสรได้อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้
แต่สุดท้ายก็ยังคิดว่าปีกทีมชาติเซเนกัลคือผู้เล่นที่เจ๋งที่สุดในตำแหน่งนี้อยู่ดี จากผลงานยิง 18 ประตู และแอสซิสต์อีก 7 ลูก แถมการเล่นของเขาหลายๆ ช็อต คือการช่วยตัดสินเกมให้หงส์แดงกลายเป็นผู้ชนะ
ถ้าหากไม่มีประตูที่ มาเน่ ยิง หงส์แดงจะทำคะแนนหลุดมือไปถึง 18 แต้ม และหากมันเป็นแบบนั้นพวกเขาอาจจะต้องเสียแชมป์ให้กับ แมนฯ ซิตี้
ซึ่งนอกจากจะช่วยทำประตูสำคัญนับไม่ถ้วนแล้ว มาเน่ ยังช่วยเรียกจุดโทษลูกสำคัญเป็นประตูชัยในเกมเฉือนชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ที่แอนฟิลด์ทั้ง 2 นัดอีกด้วย ซึ่งนั่นถือเป็น 3 แต้มสำคัญที่รักษาโมเมนตัม และความมั่นใจจนพาทีมไปสู่แชมป์ในบั้นปลายจริงๆ
อย่างที่บอกไป นี่อาจไม่ใช่ Content ที่มีอะไรแปลกใหม่ แต่มันคือครั้งเดียวของฤดูกาล ที่อยากจะจัดทีมรวมดาราประจำซีซั่นจริงๆ
ส่วนทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2019-20 ของคุณจะมีใครบ้าง ลองคอมเมนต์กันเข้ามาดูนะครับ
#เสียบสามเหลี่ยม #Liverpool #LFC #ManCity #MCFC #Burnley #ManUtd #MUFC #Leicester #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา