1 ส.ค. 2020 เวลา 03:57 • การศึกษา
[สรุปหนังสือ📚] 12 วิธี เพื่อให้คุณกล้าเป็นตัวเองอย่างมีความสุข‼️ จากหนังสือ “พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว” ของ โกะโด โทคิโอ
.
12 วิธี เพื่อให้คุณกล้าเป็นตัวเองอย่างมีความสุข
✅1.เลิก “กลัวการทำอะไรคนเดียว“
.
หนังสือเล่มนี้บอกว่าคนที่กลัวการทำอะไรคนเดียวมักจะไม่รู้จักตัวเองดีพอ เพราะการอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา ทำให้เราไม่มีเวลาสะท้อนตัวตนของตัวเอง บางคนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร? อยากทำอะไร?
.
หากเราใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองจริง ๆ จะทำให้เรามีความั่นใจมากขึ้น ยิ่งทำให้มองเห็นเส้นทางในชีวิตชัดเจนมากขึ้นไปด้วย มักซิม กอร์กี นักเขียนชาวรัซเซีย เคยกล่าวไว้ว่า “ความเป็นอัจฉริยะ คือ การเชื่อมั่นในตัวเองและความสามารถของตัวเอง”
.
.
.
✅2.เลิก “โยนความผิดให้คนอื่น”
.
สังคมญี่ปุ่นเชื่อในแนวคิดนึงว่า “การรับผิดชอบตัวเองไปซะทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องดี แต่หากคนเราไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แล้วใครจะมารับผิดชอบ?“
.
อิสรภาพนั้นเกิดจากการรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบสิ่งที่เราเลือก สิ่งที่เราทำ ในทุก ๆ ก้าวของชีวิต เมื่อคิดเช่นนี้เราจะคิดได้ว่าตัวเองควรทำอะไรมากขึ้น คาดเดาอนาคตของตัวเองได้และยังสามารถเตรียมความพร้อมกับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้อีกด้วย
.
.
.
✅3.เลิก “ปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง”
.
หากเราไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ทางหลักจิตวิทยาแล้วอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงระยะห่าง หรือพูดง่าย ๆ ก็คืออีกฝ่ายก็จะคบหาเราโดยไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเช่นกัน
.
คนเราเปรียบเสมือน “กระจกเงา” หากเราต้องการเป็นที่ยอมรับของคนอื่น เราต้องเป็นฝ่ายยอมรับ และให้ความสำคัญกับผู้อื่นก่อนด้วยความจริงใจ
.
.
.
✅4.เลิก “กลัวว่าจะถูกเกลียด”
.
ความเครียดของคนเราส่วนใหญ่เกิดจาก “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล” โดยเฉพาะกับคนที่เราเข้าใจยากหรือไม่เข้าใจเขามากพอ คนที่กลัวความโดดเดี่ยวจะคิดเรื่องไม่ทำให้ตัวเองถูกเกลียดเป็นอันดับแรก โดยไม่มีเวลาทำความเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง
.
หากเราสามารถเข้าใจเหตุผลของความรู้สึกหรือพฤติกรรมของผู้อื่น เราจะรู้ได้ว่าควรปฏิบัติกับเขาอย่างไร และยังทำให้ช่วยลดความกังวลในเรื่องของความสัมพันธ์ได้นั้นเอง
.
.
.
✅5.เลิก “ใส่ใจความเห็นคนอื่นมากเกินไป”
.
คนจำนวนไม่น้อยที่ภายนอกดูชีวิตสวยหรู แต่เพราะอยากเป็นที่รักของทุกคนจึงต้องคอยเกรงใจและเอาใจคนอื่น จนตัวเองสุขภาพจิตเสีย มัวทำตามคนรอบข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องอยู่คนเดียวหรือถูกกีดกันออกจากกลุ่ม
.
เราอาจจะไม่ต้องมีชีวิตที่สวยหรู แต่การยืดอกเป็นตัวเองจะทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้น จงมี “ค่านิยม” ที่เรายึดถือแล้วเราจะแยกได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและไม่สำคัญกับชีวิตเรา ฟังเสียงคนรอบข้างได้ แต่อย่ามากเกินไปจนเราไม่มีความสุข
.
.
.
✅6.เลิก “ละทิ้งความฝันหรือเป้าหมาย”
.
“ความรู้สึกเชื่อมโยง” กับหัวใจตัวเอง หรือการเชื่อมโยงกับความฝันหรือเป้าหมายของเราเอง จะทำให้ “เราไม่คิดว่าตัวเองโดดเดียว” หากเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบเราจะไม่รู้สึกเหงา
.
คนที่รู้สึกโดดเดี่ยวจึงควรหาอะไรที่ช่วยให้ใจจดจ่อทำ ซึ่งการทำสิ่งที่ชอบเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีมาก ๆ ยิ่งเราทำได้ดีมันก็จะส่งผลกับความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ดั้งนั้นจงอย่าละทิ้งความฝันและเป้าหมายของตนเอง!
.
.
.
✅7.เลิก “คิดมากจนไม่กล้าลงมือทำ”
.
คนที่ “คิดมาก” แท้จริงแล้วคือคนที่ “ไม่ได้ใช้ความคิดมากนัก” เขาแค่ยึดติดกับเรื่อง ๆ หนึ่งแล้ววนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ย่อมไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือหาหนทางอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลย
.
หากเรายอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมา แล้วคิดว่า “แล้วต้องทำยังไงต่อ” เรื่องที่กลุ้มจะกลายเป็นโจทย์แทน เมื่อเราค้นหาข้อมูล จะรู้ว่ามีตัวเลือกในการแก้โจทย์นั้นอยู่ ไม่ว่าสถานการณ์อะไรมันก็จะมีทางแก้หรือทำให้ดีขึ้นได้เสมอ สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ “การลงมือทำ” ให้สำเร็จนั้นเอง
.
.
.
✅8.เลิก “หนีปัญหาและมองโลกในแง่ร้าย”
.
แทนที่จะหนีปัญหาเราควรที่จะกล้าเผชิญหน้ากับมันตรง ๆ ปัญหาหลายอย่างเป็นเพียง “มโนภาพ” เช่น การคิดว่าถ้าเรื่องนู้นเรื่องนี้เกิดขึ้นจะเป็นยังไง? แล้วกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
.
ปัญหานั้นอาจแก้ได้จากการ “ถาม-ตอบกับตัวเอง” โดยคำถามที่แนะนำให้ทุกคนไปฝึกถาม-ตอบกับตัวเอง มีดังนี้
—> ทำไมถึงเกิดเหตุการนี้? / นี่เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหม? / ทำยังไงให้มันดีขึ้น? / ทางออกคืออะไร? / เราต้องทำอะไรให้มันดีขึ้น?
.
คนจำนวนไม่น้อยที่เผลอคิดในแง่ร้ายไปก่อน หนังสือเล่มนี้แนะนำให้เผชิญหน้ากับตัวเองมากขึ้น ฝึกฝนจนสามารถตีความสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวกจนเป็นนิสัย มันจะทำให้เราก้าวผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเข้มแข็ง
.
.
.
✅9.เลิก “วิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุ”
.
จิตใจคนเราจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อเราควบคุมระยะห่างระหว่างตัวเองกับสังคม และตัวเองกับคนรอบข้างได้อย่างเหมาะสมและเข้าใจ หรือบางคนอาจมีความกังวัลมากจาก “ความไม่รู้” ก็เป็นได้
.
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำไม่ใช้การกังวล แต่เป็นการ “หาความรู้” เช่น การอ่านหนังสือ เพื่อเข้าใจและเท่าทันโลกมากขึ้น สิ่งนี้จะส่งผลให้เราเลิกกลัวหรือกังวลต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัว
.
.
.
✅10.เลิก “ยึดติดกับความคิดของตนเอง”
.
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตล้วนมีความหมาย และการเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นอาจแตกต่างกันตามกาลเวลา ในอดีตเราอาจจะเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นอย่างนึง แต่ในตอนนี้เรากลับไปย้อนมองดูอาจจะได้เรียนรู้ในมุมที่ต่างออกไป
.
สิ่งที่อยากบอกคือ อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเหตุการณ์นึงแล้วก็ผ่านไป ให้ทำความเข้าใจประสบการณ์เหล่านั้นให้มากขึ้น และเปลี่ยนมันให้เป็นแรงก้าวเดินต่อในอนาคตได้ ต้องอาศัยรู้แบบความเข้าใจใหม่ที่เราไม่เคยมีมาก่อน!
.
.
.
✅11.เลิก “กลัวความเปลี่ยนแปลง”
.
เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าความคิดตัวเองจะเปลี่ยนไปอย่างไร? หรืออะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต? ดังนั้นการฟังเรื่องราวของผู้อื่นมาก ๆ จะทำให้เราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากตนเองมากขึ้น
.
การรับข้อมูลมาก ๆ จะทำให้เราปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดี สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ “ปริมาณข้อมูล” ที่เรารับมา แต่มันคือ “การปรับใช้” กับตัวเองให้ได้ต่างหาก จึงจะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นจงฝึกฝน เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง
.
.
.
✅12.เลิก “หวังว่าคนอื่นจะทำให้เรามีความสุข”
.
คนที่พูดว่า “ทำไมไม่เข้าใจกันเลย” คือคนที่อยากให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นความรู้สึกของตนเอง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะอ่านใจใครได้ จึงทำให้เกิดความไม่ลงรอยกัน
.
เวลาเรานึกไม่พอใจว่าคนอื่นไม่เข้าใจเรา หนังสือเล่มนี้บอกว่าให้เราลองมองย้อนตัวเองดูว่า เราได้พยายามทำให้เขาเห็นมากพอที่จะเข้าใจเราหรือยัง จากนั้นให้คิดต่อว่าทำยังไง พูดยังไง เขาถึงจะเข้าใจเรา การคิดและทำเช่นนี้จะทำให้ปัญหาหลายอย่างคลี่คลายและรู้จักปรับตัวเข้าหากันไปเรื่อย ๆ
.
.
.
📌#อาสาสรุป
-“โชคชะตา” เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นได้เอง และต้องรับผิดชอบมันด้วยตนเอง
.
-“การรู้จักและเข้าใจตนเอง” เป็นพื้นฐานของชีวิตที่มีความสุขในแบบของเรา
.
-“สายตาของสังคมและคนรอบข้าง” อาจทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจ และเกิด “ความทุกข์” ได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว
.
-“ความสุข” เกิดขึ้นได้หลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการยอมรับความจริงและการฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง
.
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกให้เราต้อง “อยู่คนเดียวตลอดเวลา” แต่มันบอกให้เรา “อยู่คนเดียวให้เป็นและมีความสุขได้ในแบบของตัวเอง”
.
.
💁‍♂️สุดท้ายนี้ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ Amarin HOW-TO ที่ผลิตหนังสือดี ๆ แบบนี้ขึ้นมา ยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่ผมไม่ได้พูดถึง ใครสนใจอยากอ่านแบบจัดเต็ม ก็ไปลองซื้อมาอ่านกันได้นะครับ ^^
.
by เอิ๊ก กฤตเมธ
.
.
#พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว #AmarinHowto
#TheConclusion
.
เข้ากลุ่มอาสาสรุป : http://bit.ly/TheConclusionGroup
.
สารบัญ อาสาสรุป : http://bit.ly/SarabunTheConclusion
.
.
โฆษณา