3 ส.ค. 2020 เวลา 04:00 • กีฬา
ศึก กัลโช่ เซเรีย อา 2019-20 ที่เพิ่งจบลงไป ยังคงเป็นอีกฤดูกาลที่ยังไม่มีทีมไหนมาเบียด ยูเวนตุส ให้หล่นจากบัลลังก์แชมป์ได้
ทีมม้าลายคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอิตาลีได้เป็นสมัยที่ 9 ติดต่อกัน ถือเป็นทีมแรกของ 5 ลีกดังยุโรป ที่ป้องกันแชมป์ลีกยาวนานต่อเนื่องขนาดนี้
แต่ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ มันมีสถิติมากมายที่ฟ้องชัดว่าแชมป์ เซเรีย อา สมัยที่ 36 ในประวัติศาสตร์ของ ยูเวนตุส มันคือการคว้าแชมป์ที่ขี้เหร่ที่สุดแล้วในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และมีความน่าประทับใจน้อยกว่าการคว้าสคูเด็ตโต้ครั้งอื่นๆ ของสโมสร
ยูเว่ในยุคของ “ซาร์รี่บอล” เก็บได้เพียง 83 แต้มหลังจบเกมนัดที่ 38 โดยนัดส่งท้ายซีซั่นที่เป็นวันฉลองถ้วยแชมป์ ก็กล้าๆ แพ้ โรม่า คาบ้านไป 1-3 จนงานฉลองดูกร่อยไปพอสมควร
โดยแชมป์ลีก 8 สมัยก่อนหน้านี้ของ ยูเวนตุส ไม่เคยมีฤดูกาลไหนได้แต้มน้อยกว่า 84 คะแนนเลยสักครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น การแพ้ใน เซเรีย อา ฤดูกาลนี้ไปถึง 7 นัด ทำให้ยูเว่ชุดนี้คว้าแชมป์โดยมีจำนวนเกมที่พบกับความปราชัยมากที่สุดตลอดกาล เทียบเท่ากับฤดูกาล 1960-61
คือหากไม่นับปีนี้และปี 1961 สถิติบอกว่า ปีไหนที่ยูเวนตุสแพ้ 7 นัด พวกเขาไม่เคยคว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้เลย
เกมรับที่เคยเป็นจุดขาย กลับกลายเป็นมาตรฐานตกลงไปเยอะ โดยฤดูกาลนี้พวกเขาโดนยิงไปถึง 43 ประตู ทั้งที่ตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 เป็นต้นมา พวกเขาไม่เคยเสียประตูในลีกเยอะกว่า 30 ลูกมาก่อน
อีกประเด็นที่น่าสังเกตก็คือ นี่เป็นการคว้าแชมป์โดยทิ้งระยะห่างจากอันดับ 2 น้อยกว่าทั้ง 8 สมัยก่อนหน้านี้ทั้งหมด
ทีมม้าลายในยุคของ ซาร์รี่ จบซีซั่นด้วยการนำรองแชมป์อย่าง อินเตอร์ มิลาน เพียงคะแนนเดียว
ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็น อันโตนิโอ คอนเต้ หรือ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี จะต้องพาทีมทิ้งคู่แข่งไม่น้อยกว่า 4 แต้มมาตลอด
ด้วยเหตุนี้นี่แหละ ที่ทำให้แฟนบอลของเบียงโคเนรี่ พากันเรียกร้องให้สโมสรรีบเปลี่ยนโค้ชซะ ก่อนที่ฤดูกาลหน้าจะโดนคู่แข่งยกระดับมาตรฐานขึ้นมาแซงได้จริงๆ
ดูเหมือนว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ คว้าแชมป์ เซเรีย อา เพราะมีบุญได้มาคุมยูเวนตุส มากกว่าจะบอกว่า ยูเวนตุส คว้าแชมป์กัลโช่ปีนี้เพราะมี ซาร์รี่ เป็นกุนซือ
การที่ ยูเวนตุส ยังคงครองแชมป์ เซเรีย อา ทั้งที่มาตรฐานตกลงจากที่เคยเป็นมาเยอะพอสมควร บ่งบอกให้เห็นว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ ในประเทศยังมีความเนี้ยบไม่พอ ที่จะแย่งที่หนึ่งมาจากพวกเขา
ย้อนไปในช่วงก่อนเกมลูกหนังเบรกยาวเพราะโควิด-19 หลายคนบอกว่านี่จะเป็นลีกที่มีการลุ้นแชมป์สูสีที่สุดในบรรดา 5 ลีกดังยุโรป เพราะตอนนั้น ยูเวนตุส นำรองจ่าฝูงอย่าง ลาซิโอ เพียงแต้มเดียว โดยเหลือโปรแกรมแข่งอีกถึง 12 นัด
แต่กลายเป็นว่าพอฟุตบอลกลับมารีสตาร์ท ยูเว่ประเดิม 4 เกมแรกที่ไม่ต้องเจอกับทีมใหญ่เลย ด้วยชัยชนะ 4 นัดรวดตามเป้า ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ลาซิโอ แพ้ในการเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง อตาลันต้า และ เอซี มิลาน
ช่องว่างที่ทีมเบียงโคเนรี่นำอินทรีฟ้าขาวหลังจบเกมที่ 30 มันจึงเปลี่ยนจาก 1 เป็นห่างถึง 7 แต้ม
และเมื่อ ลาซิโอ ทำท่าว่ากำลังจะหมดหวังพลิกแซง ก็ฟอร์มหลุดน่าเกลียดด้วยการไม่ชนะ 4 นัดติดต่อกัน จนหลุดไปถึงอันดับ 4 และทำให้ ยูเวนตุส เดินหน้าสู่แชมป์ 9 ปีซ้อนอย่างง่ายดาย
ทั้งที่จริงๆ แล้ว ฟอร์มของ ยูเวนตุส หลังจากเข้าสู่เดือนกรกฎาคมก็ตะกุกตะกักให้เห็นแท้ๆ เพราะในรอบ 9 เกมสุดท้าย ซาร์รี่ ไม่สามารถพาทีมชนะ 2 นัดติดต่อกันให้เห็นได้อีกเลย
ส่วนทีมที่ยกระดับผลงานขึ้นมาได้ในช่วงหลังอย่าง อตาลันต้า และ อินเตอร์ มิลาน ก็โดน ยูเวนตุส ทิ้งห่างมากเกินไปในช่วงระหว่างกลางซีซั่น ทำให้ 2 ทีมนี้ทำได้อย่างดีที่สุดแค่อาศัยช่วงเวลาที่ยูเว่ผ่อนคันเร่ง ลดช่องว่างจากทีมแชมป์ลงให้น้อยที่สุดอย่างที่เห็น
1
สุดท้ายทีมงูใหญ่ของ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นรองแชมป์ด้วยการตามหลังเพียงคะแนนเดียว
นั่นหมายความว่า ถ้าทีมงูใหญ่เปลี่ยนผลการแข่งขันจากที่เคยเสมอให้กลายเป็นชัยชนะได้สักนัดใดนัดหนึ่ง หรือไม่ก็เปลี่ยนจากที่แพ้ ยูเวนตุส ทั้งไปและกลับ ให้เป็นผลเสมอได้สักครั้ง คอนเต้คงพาทีมแย่งแชมป์มาครองได้สำเร็จไปแล้ว
ถ้าจะให้บอกตามตรง ส่วนสำคัญที่ทำให้ ยูเวนตุส ยังคงไม่พลาดแชมป์ เพราะคู่แข่งยืนระยะไม่ดีพอเอง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะยูเว่มีขุมกำลังนักเตะที่เหนือกว่าชาวบ้านเยอะนั่นแหละ
นอกจากผลงานในลีกที่ดร็อปลงไปเยอะแล้ว นี่ยังเป็นฤดูกาลที่แฟนทีมม้าลายต้องผิดหวังกับการแข่งขันรายการอื่นด้วย
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2019 ยูเวนตุส พลาดแชมป์ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า ที่ไปแข่งไกลถึงประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อโดน ลาซิโอ ชนะขาดไปถึง 3-1
ถ้วย โคปปา อิตาเลีย ก็ไปตกม้าตายในนัดชิงชนะเลิศ เมื่อ ซาร์รี่ แพ้ทีมเก่าของตัวเองอย่าง นาโปลี ในช่วงดวลจุดโทษ
ส่วนเป้าหมายใหญ่สุดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ยังดูลูกผีลูกคน ว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ โอลิมปิก ลียง ด้วยสกอร์ห่าง 2 ประตูเพื่อเข้ารอบได้หรือไม่ หลังจากเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก ออกไปโดนทีมจากฝรั่งเศสอัดมา 1-0
มุมมองของแฟนบอลยูเวนตุสต่อ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จึงไม่น่าจะต่างอะไรกับที่แฟนบอล บาเยิร์น มิวนิค เคยมอง นิโก้ โควัช
คือเรื่องการคว้าแชมป์ลีก มันคือมาตรฐานที่สโมสรต้องทำให้ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นคนคุมทีม
แต่ถ้าคุณได้แชมป์มาแบบไม่มีความน่าประทับใจ ถือว่าสอบไม่ผ่าน
ว่ากันว่าเกมที่ทำให้แฟนบอลทีมม้าลายหมดความอดทนกับ ซาร์รี่ มากที่สุด คือการบุกไปเสมอ ซาสซูโอโล่ 3-3 ทั้งที่อุตส่าห์ขึ้นนำก่อนถึง 2-0 แต่กลับโดนยิงแซง 3-2 จนต้องอาศัยลูกโขกเตะมุมของ ดานิโล่ ถึงจะแบ่งแต้มกลับออกมาได้
1
โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ยูเว่ ก็เพิ่งออกไปโดน เอซี มิลาน พลิกแซงถล่มไปด้วยสกอร์ 4-2 ทั้งที่ขึ้นนำปีศาจแดงดำก่อน 2 ประตูมาแล้ว
4 จาก 7 นัดที่พลพรรคเบียงโคเนรี่แพ้ในฤดูกาลนี้ คือเกมที่ ยูเวนตุส ขึ้นนำได้ก่อน แล้วมาโดนคู่แข่งยิงแซงทีหลัง แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ซาร์รี่ ยังปิดเกมได้ไม่ดีพอจริงๆ
เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาคือนายธนาคารที่คลั่งไคล้เกมลูกหนังก่อนหันมาเอาดีทางด้านโค้ชเต็มตัวในภายหลัง ทำให้กว่าจะคว้าแชมป์แรกในฐานะกุนซือ ก็ตอนที่อายุเยอะแล้ว
ซาร์รี่ กลายเป็นกุนซือที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่คว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้สำเร็จ ด้วยวัย 61 ปี 6 เดือน
เจ้าของสถิติกุนซือที่แก่ที่สุดที่คว้าสคูเด็ตโต้ได้ก่อนหน้านี้คือ นีลส์ ลีดโฮล์ม อดีตโค้ชชาวสวีเดนที่เคยพา โรม่า คว้าแชมป์ในปี 1983 ด้วยวัย 60 ปี 7 เดือน
แต่การพาทีมหมาป่าคว้าแชมป์กัลโช่เมื่อ 37 ปีก่อน นั่นไม่ใช่แชมป์ลีกสมัยแรกของ ลีดโฮล์ม เพราะก่อนหน้านั้นในปี 1979 กุนซือชาวไวกิ้งก็เคยพา เอซี มิลาน ได้แชมป์มาแล้ว
ไม่เหมือนกับ ซาร์รี่ ที่ได้สคูเด็ตโต้ครั้แรก ก็ทำลายสถิติกุนซือทีมแชมป์ผู้สูงวัยทันที
ก่อนจะมาคุมยูเว่ กุนซือจอมดูดบุหรี่เพิ่งปลดล็อคคว้าแชมป์แรกในอาชีพคุมทีมเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ด้วยการพา เชลซี คว้าถ้วย ยูโรปา ลีก ซีซั่น 2018-19
1
ถึงแม้จะเคยทำให้ นาโปลี มีสไตล์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่การที่ไม่เคยประสบความสำเร็จระดับสูงอย่างจริงจัง แถมผลงานช่วงที่คุมเชลซี ก็ไม่ได้รับความไว้วางใจจากแฟนสิงห์บลูส์เท่าไรนัก ทำให้ชื่อของ ซาร์รี่ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนทีมม้าลายมาแต่แรก
บางคนถึงกับบอกว่าถ้าจะเอาลุงคนนี้มาคุมทีม สู้ให้ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี คุมทีมต่อยังดีกว่า
1
ว่ากันว่าสาเหตุที่บอร์ดบริหารของ ยูเวนตุส เลือกแต่งตั้ง ซาร์รี่ มาเป็นเฮดโค้ชแทน มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เพราะต้องการซื้อสไตล์การเล่นแบบ “ซาร์รี่บอล” เข้ามา เพื่อให้ทีมครองเกมรุกเหนือคู่แข่งได้มากขึ้น และมีเกมการเล่นที่สวยงาม มากกว่าแค่พึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวของดาวดัง
เลกิ๊ป นิตยสารชื่อดังของฝรั่งเศส ให้คำจำกัดความสไตล์การเล่นแบบ “ซาร์รี่บอล” เอาไว้ว่าเป็น “ตีกี-ตาก้า แบบแนวตั้ง” (vertical tiki-taka)
กล่าวคือจุดเด่นของ ซาร์รี่บอล ก็คือการต่อบอลสั้นที่มุ่งเข้าหาหน้าปากประตูคู่แข่งอย่างรวดเร็ว โดยปรัชญาหลักคือการสามารถครองบอลไว้กับตัวได้เป็นส่วนใหญ่
1
ตัวเลขสถิติที่ออกมาให้เห็นในฤดูกาลนี้ ดูเผินๆ เหมือนว่ามันจะตรงกับยี่ห้อของ ซาร์รี่ เพราะจากฤดูกาลก่อนในยุคของ อัลเลกรี มีสถิติผ่านบอลรวมกันในลีกแค่ 20,093 ครั้ง มาซีซั่นนี้เพิ่มขึ้นเป็น 21,727 ครั้ง
เปอร์เซ็นต์ครองบอลจากที่ฤดูกาลก่อนเฉลี่ยนัดละ 54.9% ก็เพิ่มขึ้นเป็น 56.4% ในฤดูกาล 2019-20
แต่ในแง่ของการเข้าทำ ดูเหมือนว่าจะต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นยิ่งกว่ายุคของ อัลเลกรี เสียด้วยซ้ำ
สถิติระบุว่า ฤดูกาลนี้ ยูเวนตุส ใช้การโจมตีด้วยการเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้มากกว่าฤดูกาลที่แล้วเสียอีก
จากที่ซีซั่น 2018-19 มีสถิติเลี้ยงผ่านคู่แข่งเฉลี่ยนัดละ 9.9 ครั้ง แต่มาซีซั่นนี้เพิ่มขึ้นเป็นนัดละ 11.4 ครั้ง
เกมรุกแม้จะยิงได้มากกว่าฤดูกาลที่แล้ว 6 ประตู แต่สาเหตุสำคัญมันมาจากความยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นหลัก โดยมี เปาโล ดีบาล่า เป็นพระรอง
CR7 กลายเป็น “เดอะแบก” ในวัย 35 ปี ด้วยการยิงไป 31 แอสซิสต์ 5 ซึ่งการมีส่วนกับประตูถึง 36 ลูกของสตาร์ทีมชาติโปรตุเกส ถือว่าเกือบถึงครึ่งหนึ่งของประตูทั้งหมดที่ ยูเวนตุส ทำได้ใน เซเรีย อา 76 ลูกในฤดูกาล 2019-20
ส่วน ดีบาล่า มีความสำคัญกับทีมมากขึ้นกว่าฤดูกาลที่แล้ว และยิงได้ 11 ประตู แอสซิสต์อีก 6 ลูก
ขณะที่ กอนซาโล่ อิกวาอิน ซึ่งเป็นกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติเพียงคนเดียวในทีมชุดนี้ ก็ยิง 8 แอสซิสต์ 4 หลังจากได้กลับไปสวมเสื้อทีมม้าลายอีกครั้ง
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือนอกจาก โรนัลโด้, ดีบาล่า และ อิกวาอิน ยูเวนตุส ไม่มีใครที่มีส่วนร่วมกับประตู (ยิง+จ่าย) รวมกันถึง 10 ลูกได้อีก
1
ขณะที่ทีมหัวตารางทีมอื่นๆ ดูจะมีทางเลือกหลากหลายในเกมรุกมากกว่า
อินเตอร์ มิลาน ที่ใช้ระบบรัดกุมอย่าง 3-5-2 มี 4 คนที่มีส่วนกับประตูไม่น้อยกว่า 10 ลูก ได้แก่ โรเมลู ลูกากู, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อเล็กซิส ซานเชซ และ อันโตนิโอ คันเดรว่า
อตาลันต้า ที่ยิงกระจุยไปถึง 98 ลูก มากที่สุดใน เซเรีย อา ฤดูกาลนี้ มีถึง 7 คนที่ยิง+จ่ายรวมกันเกิน 10 ประตู ประกอบด้วย ดูวาน ซาปาต้า, โยซิป อิลิซิช, อเลฮานโดร โกเมซ, โรบิน โกเซ่นส์, รุสลัน มาลินอฟสกี้, หลุยส์ มูเรียล และ มาริโอ ปาซาลิช
โรม่า มี 4 คนได้แก่ เอดิน เชโก้, เฮนริค มคิทาร์ยาน, ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่ และ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ
นาโปลี ก็มี 4 คนประกอบด้วย ดรีส เมอร์เท่นส์, โฆเซ่ กาเยฆ่อน, ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ และ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค
1
เอซี มิลาน อาจจะมีผู้เล่นมีส่วนกับประตูถึง 10 ลูกแค่ 3 คนเท่ากับยูเว่ นั่นคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, อันเต้ เรบิช และ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู
1
แต่ความแตกต่างก็คือ ทีมม้าลายมีนักเตะเพียง 3 คน ที่ยิงได้เกิน 5 ลูก แต่ปีศาจแดง-ดำมีถึง 5 คนด้วยกัน
ซึ่งต้องไม่ลืมว่า คริสตอฟซ์ ปิออนเท็ค เพิ่งย้ายออกไประหว่างกลางซีซั่น ขณะที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เพิ่งมาอยู่กับทีมในเดือนมกราคม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกมรุกของ ยูเวนตุส แทบจะต้องหวังพึ่งความมหัศจรรย์ของ โรนัลโด้ เป็นหลักเท่านั้น ถ้าหากวันไหนที่เขาฟอร์มแย่ ยากมากที่ทีมจะคว้าชัยชนะได้
1
สถิติบอกว่าจากทั้งหมด 8 นัดที่ โรนัลโด้ ลงเล่นแล้วไม่มีชื่อทำประตูหรือแอสซิสต์ ยูเวนตุสชนะได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น ถือว่าเปอร์เซ็นต์ชนะลดลงไปครึ่งหนึ่ง ถ้าคู่แข่งปิดอันตรายของอดีตซูเปอร์สตาร์ เรอัล มาดริด ไว้ได้
แต่ฤดูกาลที่แล้ว มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี สามารถพาทีมชนะได้ถึง 7 ครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการมีส่วนร่วมกับประตูจาก โรนัลโด้ นี่คือหลักฐานชัดเจนว่า ซาร์รี่ ให้ดาวเตะแดนฝอยทองแบกทีมมากกว่าเดิม
กาบริเอเล่ มาร์ค็อตติ คอลัมนิสต์ของสื่อกีฬาเจ้าดังอย่าง อีเอสพีเอ็น เปรียบเทียบการที่ ยูเวนตุส ให้ ซาร์รี่ มาคุมทีม เหมือนกับการเอาเชฟที่เก่งเรื่องการปั้นซูชิ ให้มาทำอาหารด้วยเตาบาร์บีคิวที่ดีที่สุดในโลก
“ผลที่ออกมาก็คือนี่ไม่ใช่ทีมของ ซาร์รี่ มันมีข้อเสียทุกจุดในทีมของเขา โดยมีข้อดีเพียงเล็กน้อย”
“เหนือสิ่งอื่นใด มันคือการเสียส่วนที่ดีที่สุดในยุคของ มักซ์ อัลเลกรี ไปแทบทั้งหมด โดยที่ยังรักษาจุดอ่อนไว้เหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหวังพึ่งความสามารถส่วนบุคคลในการทำอะไรสักอย่างในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม มาร์ค็อตติ ได้ชี้ว่า ขุมกำลังของ ยูเวนตุส ในฤดูกาลนี้ ดูจะมีความแข็งแกร่งน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้วเสียอีก จากปัญหาหลายๆ อย่าง
ช่วงซัมเมอร์ปี 2019 พวกเขาพยายามโละกองหน้าออกไปถึง 3 คน ทั้ง เปาโล ดีบาล่า, กอนซาโล่ อิกวาอิน และ มาริโอ มานด์ซูคิช โดยเล็งคว้าตัว โรเมลู ลูกากู เข้ามาแทน
สุดท้ายคนที่จากทีมไปมีเพียง มานด์ซูคิช คนเดียว เพราะ ดีบาล่า ไม่ยินยอมที่จะย้ายทีม ทำให้การเจรจากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่มลง จนเปิดโอกาสให้ อินเตอร์ มิลาน เป็นฝ่ายได้ตัวไปในที่สุด
ขณะที่การได้อยู่ต่อของ อิกวาอิน เป็นเพราะไม่มีทีมไหนต้องการจ่ายค่าเหนื่อยแพงๆ ให้กองหน้าอายุเกิน 31 ปีแล้วอย่างเขา แถมดูจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงพีคๆ อย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนของเกมรับ ซาร์รี่ เจอปัญหาตรงที่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เจ็บยาวจนแทบช่วยทีมไม่ได้เลยตลอดทั้งฤดูกาล ขณะที่ผู้มาใหม่อย่าง มัทไธส์ เดอ ลิกท์ ยังปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอิตาลีได้ไม่ดีนัก ในการย้ายออกจาก อาแจ็กซ์ ปีแรก
มิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ซามี่ เคดิร่า เจ็บเข่าจนต้องพักยาวมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน ส่วนกองกลางที่ได้ตัวมาแบบฟรีๆ ทั้ง อาเดรียง ราบิโอต์ และ อารอน แรมซี่ย์ ก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง
ความน่าเป็นห่วงก็คือ ยูเวนตุส เป็นทีมที่พึ่งพานักเตะอายุเยอะซะส่วนใหญ่
เพราะ 75% ของบิลค่าเหนื่อย คือการจ่ายให้กับนักเตะอายุไม่น้อยกว่า 29 ปี โดยที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วัย 35 เป็นนักเตะที่ได้รับค่าจ้างมากที่สุด
ยังไม่มีใครรู้ว่าการลดอายุเฉลี่ยของทีมลง ด้วยการปล่อย มิราเล็ม ปานิช ไปให้ บาร์เซโลน่า แล้วดึง อาร์ตูร์ สลับขั้วเข้ามาแทน จะช่วยให้เกมการเล่นแบบ “ซาร์รี่บอล” ดีขึ้นแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ ในปีหน้า โรนัลโด้ จะอายุ 36 ปี และมันก็มีแนวโน้มมากพอสมควร ว่าฟอร์มมหัศจรรย์แบบที่ทำได้ในปีนี้ มันอาจมาตรฐานตกลงไปตามกาลเวลา
ฟาบิโอ ปาราติชี่ ผู้อำนวยการกีฬาของยูเว่ เพิ่งออกมายืนยันชัดเจนว่า กุนซือของสโมสรในฤดูกาลหน้าจะยังคงเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ ตามเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนใครมาคุมทีมแน่ ขณะที่ โรนัลโด้ ก็จะเล่นในอิตาลีเป็นซีซั่นที่ 3 ติดต่อกัน
ถึงแม้จะพาทีมได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ได้สำเร็จ แต่ ซาร์รี่ ยังอยู่ห่างไกลจากการทำผลงานได้ตามที่แฟนบอลคาดหวัง
ซึ่งหากในฤดูกาลหน้าไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่มีมิติใหม่ๆ ในเกมมาให้เห็น บางทีเขาอาจมีโอกาสคุมสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลีได้แค่ 2 ปีเท่านั้น
ก็ขนาด มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ที่เคยพาทีมได้แชมป์ถึง 5 ปีซ้อน เข้าชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 ครั้งยังอยู่ไม่ได้
แล้วถ้า ซาร์รี่ คุมไปแล้วไม่มีอะไรดีกว่า มันจะไปเหลืออะไร?
#เสียบสามเหลี่ยม #Sarri #Juventus #Bianconeri #SerieA #Scudetto #Allegri #Ronaldo #CR7 #Dybala
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา