9 ส.ค. 2020 เวลา 12:00 • กีฬา
ภายในระยะเวลาห่างกันเพียง 10 วัน บางทีตัวของ อันเดรีย ปีร์โล่ เอง อาจไม่คิดด้วยซ้ำ ว่าเขาจะได้ตำแหน่งกุนซือใหญ่ของ ยูเวนตุส เร็วขนาดนี้
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ยูเว่เพิ่งจะประกาศแต่งตั้ง ปีร์โล่ เป็นกุนซือของทีมชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งอดีตกองกลางจอมปั่นฟรีคิกยังไม่ทันได้คุมทีมม้าลายชุดเล็กลงแข่งสักนัด จู่ๆ ก็ได้งานใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมแบบเซอร์ไพรส์หน้าตาเฉย
คือเรื่องที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะโดนปลด ไม่ช้าก็เร็วมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะทีมมาตรฐานตกลงจากเดิมอย่างชัดเจน รูปแบบการเล่นก็เข้าข่าย “นักเตะแบกโค้ช” ขณะที่แฟนบอลก็ไม่ค่อยจะชื่นชอบเขาสักเท่าไร
แต่ชื่อของ อันเดรีย ปีร์โล่ แทบไม่เคยอยู่ในแคนดิเดตกุนซือคนใหม่จากเว็บพนันถูกกฎหมายของต่างประเทศเลยด้วยซ้ำ เพราะถ้าจะให้ว่ากันตามตรง ยังมีโค้ชดีๆ ประสบการณ์สูงกว่าเขาอีกเพียบ ที่พร้อมเข้ามารับเผือกร้อนต่อจากกุนซือจอมดูดบุหรี่
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่ว่างงานมานานตั้งแต่โดน สเปอร์ส ไล่ออก คือเต็งหนึ่ง
นอกนั้นยังมีชื่อของ ซิโมเน่ อินซากี้ ที่พา ลาซิโอ ทำผลงานได้ดีขึ้นชัดเจนในปีนี้, ซีเนดีน ซีดาน ที่หลายคนจับตาว่าจะอิ่มตัวกับ เรอัล มาดริด ตอนไหน รวมไปถึง จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ ที่ทำให้ อตาลันต้า มีเกมรุกที่น่าตื่นใจ และเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของอิตาลีที่เหลืออยู่ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้
1
แม้แต่กุนซือคนเก่าอย่าง มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ก็ยังไม่ได้ไปรับงานคุมทีมไหนตั้งแต่โดนสโมสรไล่ออกเมื่อซัมเมอร์ปีก่อน ซึ่งบ่อนต่างประเทศยังคิดว่า อัลเลกรี น่าจะมีภาษีดีกว่า ปีร์โล่ อยู่ดี
1
สุดท้าย ปีร์โล่ ได้กลายเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของ ยูเวนตุส อย่างเป็นทางการ ด้วยวัยเพียง 41 ปี 81 วัน หลังจากได้รับการแต่งตั้ง ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2020 โดยเซ็นสัญญาคุมทีมยาวจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2022
ย้อนไปสมัยที่ อันเดรีย ปีร์โล่ ยังเป็นนักเตะ ถ้าจำกันได้ดี เขานี่แหละคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ยูเวนตุส ตื่นจากการเป็นยักษ์หลับ ก่อนยกระดับกลายเป็นทีมที่ผูกขาดแชมป์ เซเรีย อา ยาวนานต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้
ก่อนที่เขาจะย้ายจาก เอซี มิลาน มาร่วมทีมม้าลายแบบฟรีๆ เมื่อปี 2011 เพราะทีมปีศาจแดงดำมองว่านักเตะอายุเกิน 32 ปีอย่างเขา ไม่น่าจะเป็นกำลังสำคัญของทีมได้อีก ยูเวนตุสไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์เลย นับตั้งแต่ถูกปรับตกชั้นในปี 2006 ด้วยคดีล็อบบี้ผู้ตัดสิน
แต่หลังจากปีร์โล่มาร่วมทีม ยูเวนตุสไม่เคยพลาดแชมป์ลีกเลยสักครั้ง แถมยังยกระดับมาตรฐานการเล่น จนคู่แข่งทุกทีมในประเทศสู้พวกเขาไม่ได้
ระหว่างปี 2011-2015 ปีร์โล่ พายูเว่คว้าแชมป์ เซเรีย อา 4 สมัยซ้อน โดยไร้พ่ายตลอดซีซั่น 2011-12 ซึ่งเป็นปีแรกที่เขาเพิ่งเข้ามาอยู่กับทีม
นอกจากทำให้สคูเด็ตโต้กลายเป็น “ของตาย” แล้ว ในซีซั่น 2014-15 เขายังเป็นกำลังหลักพาสโมสรคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ได้เป็นหนแรกในรอบ 20 ปี แถมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกต่างหาก
1
จานลุยจิ บุฟฟ่อน พูดถึงการเซ็นสัญญาคว้าตัว ปีร์โล่ ของ ยูเวนตุส เมื่อ 9 ปีก่อนเอาไว้ว่า “ตอนที่ อันเดรีย บอกผมว่าเขาจะมาร่วมทีมกับเรา สิ่งแรกที่ผมคิดในใจคือพระเจ้ามีจริง”
“การที่นักเตะที่มีระดับและความสามารถขนาดเขามาอยู่ด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ได้ตัวเขามาแบบฟรีๆ ผมคิดว่ามันคือการเซ็นสัญญาแห่งศตวรรษเลยทีเดียว”
ในฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกของ ปีร์โล่ กับยูเว่ อดีตกองกลางผู้สวมเสื้อเบอร์ 21 เป็นหมายเลขประจำตัวได้สร้างมิติใหม่ให้ทีมม้าลายกลายเป็นทีมที่ครองเกมเหนือคู่แข่งแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีเขาเป็นหัวใจสำคัญในการบัญชาเกมจากกลางสนาม
1
ปีร์โล่ ในวัยย่างเข้า 33 ทำสถิติผ่านบอลในซีซั่นดังกล่าวถึง 2,643 ครั้ง มากกว่านักเตะทุกคนของ เซเรีย อา ด้วยเปอร์เซ็นต์แม่นยำถึง 87% และยังเป็นอันดับ 1 ของนักเตะจอมแอสซิสต์ของลีก ด้วยผลงานจ่ายให้เพื่อนยิงไปถึง 13 ลูก
หากนับรวมนักเตะทั่วทั้ง 5 ลีกดังยุโรปในฤดูกาล 2011-12 มีเพียงตำนานบาร์เซโลน่าอย่าง ชาบี เอร์นานเดซ แค่คนเดียวเท่านั้น ที่มีสถิติจ่ายบอลเหนือกว่า
ในปี 2012, 2013 และ 2014 ปีร์โล่ คือเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ เซเรีย อา ทั้งที่ก่อนหน้านั้นสมัยเล่นอยู่กับ เอซี มิลาน เขาไม่เคยได้รับเกียรติยศนี้มาก่อนเลย
ถือเป็นการบ่งบอกว่า นอกจากจะเข้ามายกระดับทีมแล้ว ปีร์โล่ ยังปรับสถานะตัวเองในช่วงบั้นปลายอาชีพให้เป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวต่ำที่เก่งยิ่งกว่าตอนเป็นนักเตะของ เอซี มิลาน เสียอีก
เขาลงสนามให้ยูเวนตุสรวมทุกรายการไป 164 นัด ยิงรวมกัน 19 ประตู (15 ลูกมาจากฟรีคิก) และทำแอสซิสต์ไปถึง 39 ครั้ง (31 ลูกเกิดขึ้นใน เซเรีย อา)
เมื่อบวกกับความสำเร็จตั้งแต่อยู่กับ เอซี มิลาน ด้วยแชมป์กัลโช่ และแชมป์ยุโรปรายการละ 2 สมัย แถมเคยพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ถือว่า ปีร์โล่ คือกองกลางชาวอิตาเลียนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงการเลยก็ว่าได้
.
หลังจากแขวนสตั๊ดกับ นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี เมื่อปี 2017 อันเดรีย ปีร์โล่ เริ่มหันมาเอาดีทางด้านงานโค้ชอย่างจริงจัง
ด้วยความที่เขาคือนักฟุตบอลอาชีพ ที่มีประสบการณ์ในลีกสูงสุดระดับโลกมานานหลายปี จึงข้ามขั้นไปเริ่มอบรมหลักสูตรโค้ชระดับ เอ ไลเซ่นส์ ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนหลักสูตรพื้นฐาน, ซี ไลเซ่นส์ หรือ บี ไลเซ่นส์ แบบที่พวกมือสมัครเล่นต้องไปผ่านมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน หากมีความใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้คุมทีมระดับท็อปของยุโรป หลักสูตรที่จำเป็นต้องมีประกาศนียบัตรติดตัวนั่นคือ ยูฟ่า เอ ไลเซ่นส์ และ ยูฟ่า โปร ไลเซ่นส์
ผู้ที่ผ่านหลักสูตร ยูฟ่า เอ ไลเซ่นส์ จะสามารถไปทำงานคุมทีมชุดอายุไม่เกิน 18 ปี, ทีมชุดสำรองของลีกสูงสุด สามารถเป็นเฮดโค้ชของทีมระดับลีกรอง รวมถึงรับบทมือขวาของกุนซือใหญ่ในลีกสูงสุดได้
แต่ถ้าหากอยากเป็นกุนซือใหญ่ของทีมในลีกสูงสุดยุโรป อยากคุมทีมลงเล่นรายการอย่าง ยูโรปา ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก เกณฑ์บังคับที่คุณต้องมีคือต้องผ่านหลักสูตรสูงสุดอย่าง โปร ไลเซ่นส์ มาก่อนแล้วเท่านั้น ซึ่งก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ด่านแรกก็คือ เอ ไลเซ่นส์
ปีร์โล่ เข้าอบรมหลักสูตรโค้ชมืออาชีพจากสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) ครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2018 ร่วมกับอดีตนักเตะอย่าง กาเบรียล บาติสตูต้า, อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่, เปาโล มอนเตโร่, เปาโล คันนาวาโร่, ดานิเอเล่ โบเนร่า และ ติอาโก้ ม็อตต้า
หลักสูตรดังกล่าวครอบคลุมความรู้ทั้งหมดทั้งระดับ บี ไลเซ่นส์ และ เอ ไลเซ่นส์ ของยูฟ่า ซึ่งหลังจากใช้เวลาเรียนไป 3 เดือนเศษ ปีร์โล่พร้อมด้วยก๊วนตำนานกัลโช่ก็ผ่านมาได้อย่างฉลุย
จากนั้นในเดือนสิงหาคม 2019 ปีร์โล่ ก็เข้าอบรมหลักสูตร ยูฟ่า โปร ไลเซ่นส์ จากสถาบันโคแวร์ชาโน่ ในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยมีอดีตดาวยิงเพื่อนร่วมทีมชาติชุดแชมป์โลกอย่าง ลูก้า โทนี่ เข้าเรียนพร้อมๆ กัน
หลักสูตร โปร ไลเซ่นส์ ใช้เวลาฝึกอบรมราวๆ 9 เดือน ซึ่งอดีตกองกลางเท้าชั่งทองก็เพิ่งผ่านมาได้หมาดๆ ช่วงราวๆ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถือว่ากำลังร้อนวิชาคุมทีมสุดๆ เลยทีเดียว
บางคนอาจจะตั้งความหวังว่า ปีร์โล่ อาจจะพา ยูเวนตุส ผงาด เหมือนกับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยพา บาร์เซโลน่า คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ตั้งแต่ปีแรกที่จับงานคุมทีมชุดใหญ่
ไม่ก็ ซีเนดีน ซีดาน ที่กลายเป็นสุดยอดกุนซือผู้พา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปได้ 3 สมัยติดต่อกัน
หรืออาจไม่ต้องถึงขั้น 2 คนนั้นก็ได้ ตัวอย่างล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ที่น่าปรบมือก็มีให้เห็น นั่นคือ มิเกล อาร์เตต้า ที่คุม อาร์เซน่อล ได้ไม่กี่เดือน ก็มีแชมป์ เอฟเอ คัพ มาประดับบารมี
แต่ต้องไม่ลืมว่า เป๊ป กับ ซีดาน เคยผ่านงานเป็นกุนซือของทีมชุดสำรองมาก่อน ส่วน อาร์เตต้า ก็เคยเป็นมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นานกว่า 3 ปี
แม้แต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งคุม เชลซี ปีแรก แล้วสามารถพาสิงห์บลูส์ติดท็อปโฟร์ ก็เคยมีประสบการณ์คุม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เกือบเลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพมาก่อนแล้ว
1
แต่เคสของ อันเดรีย ปีร์โล่ ไม่เป็นแบบนั้น เขายังไม่เคยเป็นผู้ช่วยของยอดกุนซือระดับตำนานคนไหน และไม่เคยคุมทีมใดมาก่อนเลย ถือว่าเป็น “มือใหม่หัดคุม” อย่างแท้จริง
1
เขาเพิ่งรับตำแหน่งกุนซือทีมชุดยู-23 ได้แค่ 10 วัน จู่ๆ ก็ถูกแต่งตั้งให้คุมทีม ยูเวนตุส ชุดใหญ่ซะอย่างนั้น
นี่อาจจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งงานคุมทีมใหญ่แบบก้าวกระโดดเร็วที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
บางทีสาเหตุที่ ยูเวนตุส ไม่ตัดสินใจมอบตำแหน่งกุนซือให้คนที่แฟนบอลส่วนใหญ่กะเก็งไว้อย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมสโมสรของทีมม้าลาย ชอบใช้งานกุนซือชาวอิตาเลียนแท้ๆ เป็นหลัก
ในรอบ 5 ทศวรรษที่ผ่านมา ยูเว่มีกุนซือชาวต่างชาติเพียง 2 คนเท่านั้น
เชสเมียร์ วิชปาเล็ค โค้ชชาวเช็ก คุมทีมระหว่างปี 1971-1974 และกุนซือต่างชาติคนสุดท้ายคือ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ โค้ชชาวฝรั่งเศส ที่คุมทีมสู้ศึก เซเรีย บี ในฤดูกาล 2006-07
1
ทั้ง วิชปาเล็ค และ เดส์ช็องส์ ล้วนเคยเป็นอดีตนักเตะเก่าของยูเว่ ซึ่งหลังจากการอำลาทีมของ เดส์ช็องส์ หลังเสร็จภารกิจพาทีมการันตีเลื่อนชั้นกลับลีกสูงสุดได้ในปี 2007 ยูเวนตุส ก็ใช้แต่กุนซือชาวอิตาเลียนคุมทีมมาตลอด
จาก เคลาดิโอ รานิเอรี่, ชิโร่ แฟร์ราร่า, อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่, ลุยจิ เดลเนรี่, อันโตนิโอ คอนเต้, มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี, เมาริซิโอ ซาร์รี่ มาสู่ อันเดรีย ปีร์โล่
1
ซึ่งในบรรดากุนซือที่คุม ยูเวนตุส นับตั้งแต่ทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ เซเรีย อา ขึ้นมาเมื่อ 13 ปีก่อน มีแค่ ชิโร่ แฟร์ราร่า กับ อันโตนิโอ คอนเต้ เพียง 2 คนเท่านั้น ที่เคยเป็นนักเตะของทีม
2
ชิโร่ แฟร์ราร่า เคยทำงานเป็นผู้ช่วยกุนซือนานถึง 4 ปี แต่พอได้ “ลองของ” ด้วยการถูกแต่งตั้งให้เป็นนายใหญ่เข้าจริงๆ กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
อดีตกองหลังทีมชาติอิตาลี พาทีมแพ้ถึง 8 นัดจาก 21 เกมแรกใน เซเรีย อา ของฤดูกาล 2009-10 จนอันดับอยู่แค่กลางตาราง
เท่านั้นไม่พอ แฟร์ราร่า ยังพาทีมร่วงตกรอบทั้ง แชมเปี้ยนส์ ลีก และ โคปปา อิตาเลีย จึงถูกปลดกลางอากาศอย่างรวดเร็ว หลังได้สัญญาคุมทีมถาวรไม่ถึง 8 เดือน
ส่วนในรายของ อันโตนิโอ คอนเต้ ถือว่าได้สั่งสมประสบการณ์คุมทีมมามากพอสมควร ก่อนจะไปรับงานใหญ่ในการคุม ยูเวนตุส สโมสรที่เขาเคยลงเล่นให้สมัยเป็นนักเตะนานถึง 13 ปี
คอนเต้ เคยพาทีมอย่าง บารี่ และ เซียน่า เลื่อนชั้นจาก เซเรีย บี ขึ้นลีกสูงสุดให้เห็นมาก่อน และเคยผ่านร้อนผ่านหนาวในการคุม อตาลันต้า สู้ศึก เซเรีย อา เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในฤดูกาล 2009-10 มาแล้ว
1
แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมใหญ่ แต่การเคยพาทีมเล็กๆ เลื่อนชั้นได้ถึง 2 ทีม และเคยผ่านประสบการณ์คุมทีมในลีกสูงสุดมาบ้าง ทำให้เขาได้รู้อะไรมากพอ ว่าการต้องมารับผิดชอบคุมทีมอย่างยูเว่ มันควรต้องทำอย่างไร
สุดท้าย คอนเต้ กลายเป็นโค้ชระดับแถวหน้าของโลก เมื่อพา ยูเวนตุส คว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้ 3 สมัยติดต่อกัน โดยไร้พ่ายตลอดซีซั่น 2011-12 ก่อนจะไปคุมทีมชาติอิตาลี, พา เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและ เอฟเอ คัพ แล้วจึงกลับบ้านเกิดมาคุม อินเตอร์ มิลาน เพื่อลุ้นพางูใหญ่ท้าทายตำแหน่งแชมป์จากทีมเก่าให้ได้
2
เราจะเห็นได้ว่า ประสบการณ์คือเรื่องสำคัญ ซึ่งการที่ ยูเวนตุส ตัดสินใจแต่งตั้ง ปีร์โล่ ที่เป็นกุนซือใหม่แกะกล่องมารับงานใหญ่เช่นนี้ ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากเลยทีเดียว
.
ด้วยความที่ อันเดรีย ปีร์โล่ ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมไหนมาก่อนเลย แม้กระทั่งเป็นทีมชุดเล็ก และไม่เคยเป็นมือขวาของใครทั้งสิ้น เราจึงคาดเดาได้ยากมาก ว่าแท็กติกที่เขาจะใช้น่าจะเป็นแผนแบบไหน
ปีร์โล่ เคยร่วมงานกับโค้ชชั้นนำมากมายทั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ, มาร์เชลโล่ ลิปปี้, อันโตนิโอ คอนเต้ และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ซึ่งแต่ละคนต่างมีสไตล์การทำทีมที่แตกต่างกัน
1
สมัยที่เล่นอยู่กับมิลานภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ เขาคุ้นเคยกับระบบ “ต้นคริสต์มาส” ด้วยหมาก 4-3-2-1 หรือไม่ก็สูตรไดมอนด์ 4-3-1-2 โดย ปีร์โล่ มีอิสระในการบัญชาเกมจากแดนกลาง
สมัยที่ร่วมงานกับ อันโตนิโอ คอนเต้ นาน 3 ปีที่ ยูเวนตุส ระหว่างซีซั่น 2011-12 จนถึง 2013-14 เขาคือกองกลางที่ยืนต่ำสุดในระบบ 3-5-2 เป็นหลัก โดยรับบทเพลย์เมกเกอร์จากแนวลึก (deep-lying playmaker) ที่ยืนต่ำคอยเชื่อมเกมจากแดนหลังไปสู่แดนกลาง
ในฤดูกาล 2014-15 ที่เล่นให้ทีมม้าลายฤดูกาลสุดท้าย ภายใต้การคุมทีมของ มักซ์ อัลเลกรี เขาก็ยังรับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวต่ำเหมือนเดิม แต่ระบบการเล่นเปลี่ยนจากหลังสามมาเป็น 4-3-1-2
ถ้าจะให้มองในแง่ดี การเปลี่ยนกุนซือจาก เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่มักเอาแต่ใช้แผนการเล่นแบบเดิมๆ มาเป็น ปีร์โล่ น่าจะทำให้ได้เห็น ยูเวนตุส ในแบบที่มีมิติหลากหลายมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ปีร์โล่ คืออดีตกองกลางระดับเวิลด์คลาส ที่ใครๆ ก็ยกย่องว่ามีวิสัยทัศน์เรื่องการอ่านเกมในสนามได้เป็นอย่างดี เขาก็น่าจะมีของในตัวมากพอสมควร และน่าจะให้คำแนะนำในการฝึกซ้อมได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยเป็นนักเตะอาชีพมาก่อนเลยอย่าง ซาร์รี่
ในบรรดาขุมกำลังของ ยูเวนตุส ชุดปัจจุบัน มีคนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ ปีร์โล่ ทั้งหมด 4 คน ได้แก่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ที่เคยเล่นด้วยกันมาหลายปีในทีมม้าลาย
1
บุฟฟ่อน ซึ่งแก่กว่าปีร์โล่ 1 ปี (ตอนนี้อายุ 42 ยังไม่ยอมแขวนถุงมือ) ได้โพสต์แซวเจ้านายใหม่ลงบนอินสตาแกรมเอาไว้ว่า “ตอนนี้ฉันต้องเรียกนายว่า “เจ้านาย” ใช่ไหม? โชคดีนะ #CoachPirlo”
1
ส่วนอีกคนที่เคยร่วมงานกับอดีตมิดฟิลด์มาดศิลปิน ก็คือ มัตเตีย เด ชีโญ่ ซึ่งเคยเป็นรุ่นน้องของ ปีร์โล่ ที่ เอซี มิลาน และในทีมชาติอิตาลีมาแล้ว
จากแถลงการณ์ในเว็บไซต์สโมสร ยูเวนตุสเผยว่า “จากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะเป็นโค้ชให้กับชาวยูเวนตุส หลังจากสโมสรได้ตัดสินใจที่จะมอบความไว้วางใจให้เขา ด้วยความเชื่อมั่นในเทคนิค และความเป็นผู้นำของเขาในทีมชุดใหญ่ หลังจากได้เลือกเขามาทำงานในทีมชุดยู-23 แล้ว”
“การตัดสินใจเลือกในวันนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อว่า ปีร์โล่ มีสิ่งที่จำเป็นต้องมีสำหรับการนำทีมตั้งแต่การเริ่มประเดิมนั่งข้างสนาม ด้วยความเชี่ยวชาญพิเศษ และทีมชุดที่มีพรสวรรค์ สำหรับไล่ล่าความสำเร็จใหม่ๆ”
.
1
ไม่มีใครรู้ได้ว่า อันเดรีย ปีร์โล่ จะพา ยูเวนตุส ประสบความสำเร็จ และไปสู่มาตรฐานอย่างที่สโมสรคาดหวังได้หรือไม่
แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้ชัดเจนก็คือแฟนบอลส่วนใหญ่ของยูเว่ ดูจะไว้ใจเขามากกว่ากุนซือจอมเก๋าที่เพิ่งโดนปลดออกไปอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เสียอีก
และถ้าหากเกิดกรณีที่ ปีร์โล่ ทำให้ทีมพลาดแชมป์ หรือทำผลงานน่าผิดหวังขึ้นมาจริงๆ…
การที่เขาเคยเป็นนักเตะที่แฟนบอลรักและศรัทธามากนี่แหละ ที่จะช่วยคุ้มครองให้เขาได้เวลาแก้ตัวนานกว่ากุนซือคนอื่นๆ ที่ทำผลงานไม่เวิร์ค
#เสียบสามเหลี่ยม #Pirlo #CoachPirlo #Sarri #Juventus #ForzaJuve #SerieA #UCL
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
1
โฆษณา