11 ส.ค. 2020 เวลา 16:38 • ธุรกิจ
Samsung เอาชนะ Apple ในโลกของ Smartphones ได้อย่างไร ?
มาเรียนรู้บทเรียนในมุมมองของการตลาดที่ดีกัน !
Apple’s iPhone กำเนิดขึ้นในปี 2007 และนั้นก็เป็นการเปลี่ยนวงการ Smartphones ไปอย่างแท้จริง
Apple ทำให้คู่แข่งที่แบ่งแชร์กันอยู่ตลาดมือถือ ต้องวุ่นวาย
และนอกจากที่พวกเค้าจะต้องเสีย % Share ของจำนวนผู้ใช้งานและฐานลูกค้าไปให้กับ Apple แล้ว พวกเค้าเองยังต้องพัฒนาระบบทุกอย่างใหม่หมด เริ่มตั้งแต่ Software ยันไปถึงการ Design รูปแบบของโทรศัพท์เลยละ
ออกตัวก่อนว่าเราเนี่ย(ผู้เขียน) ขอเรียกว่าเป็น Top fan ของ iPhone เลยละ ยอมรับว่าตั้งแต่ย้ายจาก Nokia 3310 ก็เปลี่ยนมาเป็น iPhone 3GS แล้วก็ยังไม่เคยย้ายค่ายเลยละ (มีแค่อัพเกรดรุ่นมือถือมาเรื่อยๆเลยละ ปัจจุบันใช้ตัว XS Max กะรอ iPhone 12)
แต่ว่าในบทความนี้ เราจะมาเขียนในแง่ตรงกันข้าม โดยอ้างอิงจากสถานการณ์ของตลาดมือถือในความเป็นจริง และบทความนี้ Samsung เป็นตัวละครเอกนะจ้าาา :)
ปรากฏการณ์ของ Apple กับ iPhone
- ในปี 2008 Apple ก็ได้เปิดตัว App Store ที่มีผู้พัฒนาแอพในระบบ iOS จำนวน 500 apps แล้วในขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮามาก เอาง่ายๆคือ Nokia, O2, Simens, Motorola ที่กำลังทรงตัวอยู่ในขณะนั้น ดิ่งลงเหวกันหมดเลยละจ้า
iPhone 1 (หรือชื่อ iPhone ธรรมดาๆนี้ละ) นี้เปลี่ยนวงการมือถือ
- ซึ่งในขณะนั้น บอกได้เลยว่า Samsung นั้น ยังตามหลังในทุกๆแบรนด์มาก ตอนนัน้น้องเค้ายังพึ่งทำตัวมือถือรุ่นพับได้อยู่เลย
นัมเบอร์ 1 ของซัมซุง ณ เวลานั้น
- และแน่นอนว่า ภายในระยะเวลาแค่ปีเดียว (จากปี 2007) Apple ก็มีกำไรถล่มทลายมากๆ และยังกินแชร์ของตลาดมือถือเป็นอันดับ 1 ด้วยละ
มาดูสรุปสถิติที่น่าสนใจของวงการ Smartphone ปี 2007-2018
from Wikimedia
จากกราฟนี้เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า
- ผู้ใช้งานของ iOS ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาอยู่ที่อันดับ 2 ในปี 2008 เป็นรองแต่ Blackberry
- สิ่งที่เพื่อนๆจะเห็นได้ต่อมาคือ การเข้ามาของ Android mobile ซึ่งมีการใช้งานในหลายๆแบรนด์มือถือ (ไม่ได้จำกัดแค่ iOS ต้อง iPhone เท่านั้น)
- และในปี 2011 จำนวนผู้ใช้งานของ Android ก็ขยับมากินแชร์เป็นอันดับที่ 1 แล้ว
- ถึงแม้ว่าจำนวนของผู้ใช้งาน Android จะเพิ่มขึ้นมากแบบไม่ลดลงมาเลย แต่ว่าถ้าพูดถึงในแง่ของ Profitability เนี่ย Apple iOS ยังคงครองแชมป์น้ะ เพราะว่าราคาขายต่อเครื่องสูงต้นทุนต่ำ ในขณะที่ Android เป็น Samsung, LG ราคาไม่ได้แพงเท่าไรหนัก
ไปต่อกันที่ปี 2018-2020 กัน
https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/
เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า
- อัตราส่วนแชร์ของ Apple นั้นค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆนับตั้งแต่เริ่มปี 2019 และลดลงมาเรื่อยๆจนถึง 2020เลยละ
- ในขณะที่ Samsung เองยังคงประคองแชร์เอาไว้เฉลี่ยที่ 20% ได้ดีมากๆ
- และการลดลงของ Apple เนี่ย ไม่แปลกใจเลยเพราะ Huawei หันมารุกตลาดมือถือที่หนักมากเลยละ
- และจากที่เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า จากคู่แข่งทั้งหมดของ Smartphone มีแค่ iPhone ที่เป็น ระบบปฏิบัติการ iOS และส่วนใหญ่จะเป็น Android
https://www.counterpointresearch.com/global-smartphone-share/
ก้าวที่ผิดพลาดของ Samsung กับ Galaxy S ยังไม่สามารถพิชิต iPhone ได้
- Samsung นอกจากจะมีการเริ่มต้นที่ช้าแล้ว (ออกตัวผลิตภัณฑ์มือถือแบบ touchscreen ได้แบบลื่นๆเนี่ย ก็ 2 ปีให้หลัง iPhone เข้าไปแล้ว ก็คือมาสู้จริงจังในศึกของ iPhone 3G)
- และแน่นอนว่า ขุนผลมือถือที่ Samsung ส่งมาลงเป็นแม่ทัพก็คือ Galaxy S ในปี 2010
- ด้วยการสื่อสารเกี่ยวกับตัวแบรนด์ของ Galaxy S ที่ไม่ดี
ในทีนี้เราหมายถึงว่า Samsung เนี่ยเค้าผลิตมือถือออกมาหลายรุ่นมากๆ ประมาณเกือบ 20 แบบ แต่ภายใต้ new Galaxy S series ซึ่งต่างกับ iPhone ที่มีการอัพเดทรุ่นด้วยตัวเลข เช่น 3G 3GS, 4G, 4GS และผลิตภัณฑ์เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
1
S1 S2- S20 เลยละ เยอะมาก จริงๆมีรุ่น P อีกนะ เราเองยังจำได้ไม่หมดเลยสารภาพ
การโฆษณาที่เหนือชั้นกว่าด้วย TV Ads ที่เน้น Feature ของ Samsung
- ต้องยอมรับว่าตัว Product ของ Samsung และจำนวนรุ่นและแบบที่เยอะมากๆจะสร้างความงุนงงให้กับแฟนๆ
- แต่อย่างไรก็ตาม โฆษณาของ Samsung ที่ฉายออกมาแต่ละอันนั้น บ่งบอกถึง Feature ของตัวโทรศัพท์เองได้ดีมาก ตัวอย่างเช่น "cinema-quality that goes everywhere" ของ Galaxy S2
- ในขณะที่พี่ Apple มัวแต่เน้นการโฆษณาในเรื่องของกล้อม การถ่ายรูป การแต่งภาพ แต่ Samsung เน้นในเรื่องของความกว้างของจอ ความสะดวกสบายในการใช้งาน รวมถึง เทคโนโลยีเกี่ยวกับ หน้าจอ ที่ล้ำกว่า Apple iPhone ไปซะแล้ว
1
- ตัวอย่างโฆษณาของ Samsung เพื่อเพื่อนๆอยากดูเล่นนะ (แต่มันนานหน่อยนะ 55)
- ตัวอย่างโฆษณาของ iPhone ซึ่งความยาวเฉลี่ยประมาณ Samsung เพียงแค่ไม่ได้มีรุ่นและแบบที่เยอะ
จุดเปลี่ยนของศึกแย่งชิงบัลลังก์ Smartphone
- จุดเปลี่ยนก็อยู่ที่โฆษณาในหัวข้อข้างบนนนี่ละ ที่เน้นย้ำในเรื่องการใช้งาน ในเรื่องของ screen quality, color output ต่างๆ
- และในปี 2011 ที่ Samsung เปิดตัว Galaxy S3 และพวกเค้ายังทุ่มงบ 12พันล้านดอลล่าในการทำการตลาด เรียกว่าเป็นการทุ่มสุดตัวที่จะทำโฆษณารวมถึงแพร่กระจาย โดยการทำโฆษณาขึ้นมาหลายๆชุด โดยแต่ละชุดเน้นการใช้งานของ feature & function นั้นแบบเต็มที่ไปเลย
- ในขณะที่ Apple ยังนอนสบายกับการเติบโตของราคามือถือ iPhone ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ (แต่ทำไมไม่รู้ เราก็ยังซื้อนะ แงแง)
- โฆษณาของ Apple ที่ตัดต่อเฉพาะ highlight feature จนเหมือน trailer หนังขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ดึงดูดลูกค้าให้สนใจน้อยลง
- ในปีเดียวกันนั้นเองคือปีที่ Samsung ออกมาประกาศว่า ชั้นชนะ Apple แล้วด้วยแชร์ 23% จากตลาดมือถือ (Apple แค่ 14.6%) ก็คือเรียกว่า Galaxy S3 แลการโฆษณาที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้จริงๆ สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้
1
Samsung เปลี่ยนวิธีของการทำโฆษณาให้เป็น Storytelling
1
- ตั้งแต่ Galaxy S3 ออกมาคือ Samsung จับทางความต้องการของลูกค้าออกแล้ว
- และนั้นทำให้เค้าเลือกที่จะผลิตโฆษณาออกมาในมุมของ Storytelling โดยจะมีการเซ็ตตัวละคร พระเอก (Samsung) วายร้าย(ซึ่งไม่พ้น apple), Planning & Problem solving
- โดยช้อตเด็ดที่เจ็วที่สุดคือ Samsung ได้ออกมาซัด Apple ว่า เทอเป็น smartphone ที่ไม่มีความ All-in-one, ลูกค้าเทอนอกจากต่อคิวซื้อมือถือเทอแล้ว ยังต้องมานั่งต่อคิวซื้อ add-on gadget อีกเหรอเนี่ย (ซึ่งแน่นอนว่า Samsung ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้)
- และ Galaxy S4 ก็ออกมาเพื่อเหยีบ iPhone ให้จมดิน โดยการที่โฆษณาของ S4 นั้น เป็นการเน้นย้ำถึง function ที่ Galaxy มี แต่ iPhone ไม่มีจ้าาาาา
Samsung เกือบตกหลังม้าด้วย Galaxy Note 7 ระเบิด
- เพื่อนๆจำได้ไหมเอ่ยย? จากข่าวที่ Note 7 ระเบิดบนเครื่องบิน
- และนี้เองทำให้ Samsung ตกที่นั่งลำบาก จนพวกเค้าต้องใช้บริการ P&G เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ของพวกเค้าในปี 2017 เป็นจำนวนเงินราวๆ 11.2 billion USD เลยละ
from Gurusland.blogspot.com
อย่างไรก็ดี ในปี 2019 ที่ผ่านมารวมถึง Q1/2020 เองเนี่ย Samsung ก็นั่งเก้าอี้แชมป์ด้วยแชร์ 20% นำ iPhone ขาดลอยเลยละ
แล้วในอนาคตต่อจากนี้ไปละ ?
- อย่างที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่เลยละ การมาของ Huawei, หรือแม้แต่ iPhone 11 ที่พึ่งเปิดตัวไปแล้ว Apple เคลมว่าขายดีที่สุด รวมถึง iPhone 12 ที่กำลังจะตามมา
- อุปสรรคที่สำคัญของ Samsung คือ มือถือของพวกเค้าจะรองรับ เทคโนโลยี 5G ได้ดีกว่า iPhone หรือ Huawei ไหม ?
- และปัญหาเรื่องของมือถือพับหน้าจอได้ของ Samsung Galaxy Z ที่มีคำวิพากย์วิจารย์ออกมาในเรื่องของการใช้งานที่ไม่เหมือนการโฆษณานั้น จะได้รับการแก้ไขได้เร็วไหมนะ ?
- แต่ถ้า Apple ยังมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรต่อการขายiPhone 1 เครื่อง โดยที่ยังวางราคาไว้อยู่ในระดับสูงขนาดนี้ สงสัยก็มีความเสี่ยงที่จะต้องยกตำแหน่ง champion ให้กับ Samsung หรือ Huawei ต่อไป
เราชอบ 2 ประโยคนี้ จาก นักการตลาด Toni Koraza เอาไว้ทิ้งท้ายกับเพื่อนๆละกัน :)
"Apple earned more money, but Samsung had more customers"
"Galaxy and iPhone are like the Michelangelo and DaVinci"
โฆษณา