14 ส.ค. 2020 เวลา 12:28 • ข่าว
#มารู้จักMBZ (ตอนที่ 1)
#ผู้อยู่เบื้องหลังดีลประวัติศาสตร์อิสราเอล_UAE
#จุดเปลี่ยนยุทธศาสตร์ตะวันออกกลาง
เครดิตภาพ France24
ข่าวสายตะวันออกกลางที่กำลังร้อนแรง ดั่งแสงแดดกลางทะเลทราย หนีไม่พ้นข้อตกลงประวัติศาสตร์ ที่เขาว่ากันว่า เป็นดีลที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของขั้วอำนาจในย่านตะวันออกกลางไปสู่ยุคใหม่ทีเดียว
และนี่ก็อาจจะเป็นอีกผลงานหนึ่ง ที่ท่านเสี่ยโดนัลด์ ทรัมพ์ ได้หน้า สามารถเคลมได้เต็มปากเลยว่าทำสำเร็จได้ในยุคของเขา 😅
เครดิตภาพ Time of Isreal
ข้อตกลงอิสราเอล - UAE มีความสำคัญอย่างไร?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า ประเทศอิสราเอล ที่เป็นประเทศที่เคลมโดยกลุ่มคนเชื้อสายยิว ตั้งอยู่เป็นข้อใดไม่เข้าพวก ท่ามกลางประเทศเพื่อนบ้านที่ล้วนเป็นประเทศอาหรับ มุสลิม ทั้งสิ้น
และตั้งแต่อิสราเอลประกาศแบ่งดินแดนคาบสมุทรปาเลสไตน์ มาตั้งเป็นประเทศในปี 1948 แถมยังชนะสงคราม 6 วันกับกองทัพพันธมิตรชาติมุสลิมที่ร่วมกันหวังมารุมสหบาทาในปี 1967 ทำให้ชาวประชาชาติอาหรับมุสลิมเพื่อนบ้าน ไม่อยากจะพูดถึง หรือสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับอิสราเอลเท่าไหร่
คือไม่ได้หมายความว่าจะตัดสัมพันธ์ไม่คบ ไม่ค้าเสียทีเดียว เพียงแต่ไม่เปิดเผยออกหน้าว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน อย่างน้อยเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวมุสลิมปาเลสไตน์ที่โดนยึดดินแดนโดยชาวอิสราเอล
เครดิตภาพ Rise to peace
ถึงตอนนี้จึงมีเพียง อิยิปต์ และ จอร์แดน เท่านั้น ที่ยอมรับว่ามีสัมพันธ์อันดีกับอิสราเอลอย่างเปิดเผย
จนกระทั่งถึงวันนี้ อยู่ดีๆ ก็มีการประกาศเปรี้ยงว่า UAE กับ อิสราเอล บรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ในการเดินหน้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีต่อกันแล้ว
โดยข้อตกลงนี้ แลกกับเงื่อนไขที่ว่าอิสราเอลจะยุติการผนวกดินแดนเวสท์แบงค์ของปาเลสไตน์ ตามแผนการของทรัมพ์ ที่เคยเซ็นลับๆไว้กับ บีบี้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่เรียกกว่า Trump Middle East Peace Plan
เครดิตภาพ US News
แต่ข้อตกลงนี้ ใครได้ ใครเสียประโยชน์บ้าง?
คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆเลยคือ ท่านเสี่ย โดนัลด์ ทรัมพ์ เพราะเท่ากับว่า ท่านเสี่ยจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก ที่เข้าใกล้ความสำเร็จของข้อตกลงสันติภาพในปาเลสไตน์ ที่เรียกว่า Two State Solution ที่สุดแล้ว (ตามความเข้าใจของสหรัฐ) และจะเป็นก้าวสำคัญของการยอมรับบทบาทของอิสราเอล ในย่านตะวันออกกลางต่อไป
เครดิตภาพ The National
อิสราเอลก็ถือว่าได้ เป็นการถอยครึ่งทางอย่างไม่เสียศักดิ์ศรีที่เคยประกาศจะเดินหน้าแผนการครอบครองเวสท์แบงค์ และได้ชาติพันธมิตรอาหรับ ที่ถือว่าเป็นระดับพี่ใหญ่ในย่านนี้มาเป็นพวก นั่นก็คือ UAE
และถ้าได้ UAE เป็นพันธมิตร ก็เหมือนได้ซาอุดิอารเบีย และประเทศพันธมิตรของซาอุฯ มาร่วมด้วยกลายๆ แค่ชะลอการเข้ายึกครองเวสท์แบงค์ ที่อิสราเอลแทบไม่ต้องเสียอะไรเลย
แล้วกับ UAE หล่ะ?
ผลประโยชน์ที่ UAE จะได้ อาจมองไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่สิ่งที่เห็นจากข้อตกลงนี้ คือการเปลี่ยนบทบาทจากผู้ที่เคยแอบดูอยู่เบื้องหลัง มาขอยืนแถวหน้า ในการกำหนดทิศทางนโยบายในย่านนี้บ้าง
และแน่นอนว่า ถ้าบรรลุข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับอิสราเอลได้ ก็หมายความว่าได้สหรัฐอเมริกามาเป็นพวกด้วยโดยอัตโนมัติ
และข้อตกลงนี้จะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ตัวกลางคนสำคัญอย่าง ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเย็ด อัล นาห์ยัน มกุฏราชกุมารแห่งอาบู ดาบี เต็งหนึ่งราชบัลลังก์อันมั่งคั่งของสหรัฐอาหรับ เอมิเรต ที่มีโค้ดเนมเรียกกันทั่วไปว่า ท่าน MBZ
เครดิตภาพ Aljazeea
สื่อต่างประเทศหลายสำนักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่าน MBZ คนนี้แหล่ะ ที่เป็นอยู่เบื้องหลัง เป็น Mastermind ตัวจริง ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการเมือง และการทหารในหลายๆประเทศในย่านนี้
ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองเยเมน การเปลี่ยนรัฐบาลในอิยิปต์ การหนุนกองกำลังกบฏในลิเบีย หรือแม้แต่การสับเปลี่ยนตำแหน่งมกุฏราชกุมารในซาอุดิอารเบีย
และเมื่อ UAE เปิดหน้ามาเข้ากับสหรัฐ และอิสราเอล จึงทำให้หลายประเทศออกมาวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน ที่ออกมาประณามอย่างรุนแรง กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ประกาศไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ หรือแม้แต่ตุรกี ที่แสดงออกชัดว่าไม่เห็นด้วย แถมใส่ไฟด้วยว่า เป็นข้อตกลงที่หักหลังชาวมุสลิมปาเลสไตน์
เครดิตภาพ Aljazeera
แต่เบื้องหลังเหตุผลที่ ท่าน MBZ Crown Prince แห่ง อาบู ดาบี ยอมมาเป็นหนังหน้าไฟทำข้อตกลงกับอิสราเอล และจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเมืองย่านตะวันออกกลาง และการแผ่อิทธิพลของ UAE ที่เชื่อว่า MBZ อยู่เบื้องหลังคืออะไรกันแน่ โปรดติดตามต่อในตอนที่ 2 ได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยค่า
แหล่งข้อมูล
โฆษณา